www.go6tv.com นายสถาพร เอียดใหญ่ ผู้จัดการฝ่ายคดี บริษัท กสท. โทรคมนาคม เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ศาลปกครองกลางว่า ศาลได้นัดฟังคำสั่งกรณี คณะกรรมการกำกับกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว คดีที่ กสท.โทรคมนาคมยื่นฟ้องระงับการจัดประมูลใบอนุญาตให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3 จี ในวันที่ 20 ก.ย.นี้ เวลา 08.30น. ขณะที่ กทช. จะยังคงไม่ยุติกระบวนการประมูล 3 จี โดยจะรอฟังคำสั่งศาลในวันที่ 20 ก.ย.นี้ หากศาลรับอุทธรณ์ก็จะจัดประมูลต่อไป แต่ถ้าไม่รับก็จะยกเลิกการจัดประมูล
ผู้สื่อข่าวถามว่า กทช.ยังมั่นใจในอำนาจหน้าที่ในการจัดสรรคลื่นความถี่อยู่หรือไม่ พ.อ.นทีกล่าวว่า ในระหว่างที่รัฐธรรมนูญ 2550 บังคับใช้ กทช.ได้เคยออกใบอนุญาตการโอนคลื่นความถี่ให้กับทีโอที และ กสท การออกใบอนุญาต 3 จี ให้กับทีโอที รวมถึงการอนุญาตให้ กสท อัพเกรดคลื่นความถี่เดิมเป็นเอชเอสพีเอ ดังนั้น ถ้า กทช.สามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ แสดงว่าก็ไม่ถูกต้อง ซึ่งอาจต้องมีการพิจารณาในภายหน้าด้วย "ประโยชน์สาธารณะของคนไทยที่จะได้ใช้บริการเทคโนโลยีใหม่ ด้วยคุณภาพและบริการที่ดีกว่า โดยเฉพาะบริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง (บรอดแบนด์) ที่ไทยมีข้อจำกัดด้านโครงข่ายโทรศัพท์พื้นฐานที่ครอบคลุมจำนวนประชากรเพียง 10% และมีผู้ใช้งานบรอดแบนด์เพียง 3% แต่บริการ 3 จี จะทำให้โครงข่ายบรอดแบนด์ครอบคลุมประชากรได้ถึง 80% ภายในระยะเวลา 3 ปี นายกรัฐมนตรีเคยพูดว่า 3 จี จะช่วยสร้างมูลค่าเศรษฐกิจได้ถึงกว่า 4 แสนล้านบาท ยังไม่รวมมูลค่าจะเพิ่มขึ้นจากการใช้งานกับอุตสาหกรรมอื่นๆ ซึ่งคิดแล้วจะมีจำนวนมหาศาล" พ.อ.นทีกล่าว
"มาร์ค"ตื่นเร่ง โบ้ยปัดรัฐไร้น้ำยา โบ้ยใส่ กม.คลื่นความถี่ฯ มีปัญหาเอง
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2553 ภายหลังการประชุม นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองแล้ว ศาลวินิจฉัยอย่างไร กทช.ก็ต้องปฏิบัติตามนั้น แต่รัฐบาลก็จะเร่งรัดเผื่อไว้อีกทางหนึ่ง เพราะถ้าศาลปกครองวินิจฉัยว่าให้เดินหน้าได้ก็จบปัญหา แต่ถ้าศาลปกครองบอกว่าเดินหน้าไม่ได้ เพราะมีแนวโน้มว่าต้องรอกฎหมายใหม่รัฐบาลก็จะเร่งออกกฎหมายใหม่ โดยขอให้คณะกรรมการประสานงาน (วิป) เร่งกฎหมาย พ.ร.บ.คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่วุฒิสภาแก้ไขมา และมีแนวโน้มที่ต้องตั้งกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วม อย่างน้อยต้องทำอย่างไรที่จะเลื่อนให้ กมธ.ร่วมได้ทำงานก่อน และคงจะต้องให้ กมธ.ในส่วนรัฐบาลเร่งรัดเป็นพิเศษ พร้อมหาประเด็นที่เป็นข้อขัดแย้งระหว่างสภาและวุฒิสภา และรีบให้ได้ข้อยุติแล้วเสนอกลับมา ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการออกกฎหมายฉบับนี้
"ขณะนี้ผู้ร่างและแก้ไขกฎหมายอ้างว่ามีกระบวนการที่จะป้องกันไม่ให้เกิดปัญหายืดเยื้อในเรื่องของข้อกฎหมายอีก แต่ผมก็ยังไม่ค่อยแน่ใจในเรื่องของข้อกฎหมายอีกเช่นเดียวกันว่ามันจะคุ้มครองได้จริงหรือไม่" นายกฯกล่าว
โยนรัฐธรรมนูญต้นตอปัญหา
เมื่อถามว่า จะอธิบายกับภาคเอกชนอย่างไรว่าหากร่วมประมูลแล้วเจอปัญหาในลักษณะเช่นนี้อีก นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เชื่อว่าไม่ควรจะเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง กิจการนี้บังเอิญมีบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาเกี่ยวข้องโดยตรง และเรามีปัญหามาตลอด อย่างที่ย้ำคือ เมื่อมีข้อโต้แย้งในเรื่องการตีความรัฐธรรมนูญ ไม่มีหน่วยงานไหนที่จะวินิจฉัยชี้ขาดแล้วมีผลผูกพันให้ทุกฝ่ายยอมรับได้ ยกเว้นศาลรัฐธรรมนูญ และศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่ใช่ที่ปรึกษาทางกฎหมาย ใครจะไปปรึกษาก็ไม่ได้ต้องมีเรื่องเกิดขึ้นก่อนถึงจะไปได้ ศาลปกครองก็เช่นเดียวกัน
"นี่เป็นระบบในประเทศเราในขณะนี้ ซึ่งถ้าไม่มีข้อโต้งแย้งกันก็ไม่มีปัญหา แต่ต้องยอมรับว่า เรื่องใบอนุญาตใหม่ ยังไงมันก็กระทบองค์กร เราปฏิเสธไม่ได้หรอกครับว่า มันไปกระทบองค์กรทั้ง ทีโอที และ กสท. และเมื่อเขากระทบ คนที่เขาดูแลองค์กรก็อยากจะใช้สิทธิโต้แย้ง เป็นเรื่องของข้อกฎหมาย ถ้าไปโต้แย้งเรื่องนโยบายคงไม่ได้ เพราะรัฐบาลมีนโยบายชัดเจนว่าเป็นอย่างไร แต่เมื่อเป็นสิทธิตามกฎหมายแล้ว สิ่งที่เขายื่นไปก็คงมีมูล ไม่เช่นนั้นศาลชั้นต้นก็คงไม่ชี้อย่างนี้ เป็นเรื่องที่เราต้องยอมรับสภาพความเป็นจริง" นายกฯกล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น