นายเกรียงกมล เลาหไพโรจน์ เพื่อนร่วมรุ่นคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รุ่นที่ 24 เข้าศึกษาในปี 2514 รุ่นเดียวกับพระปราโมทย์ ปราโมชโชเจ้าสำนักสวนสันติธรรม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เล่าถึงพระปราโมทย์ในสมัยที่เป็นนิสิต ว่าเป็นคนที่น่ารัก สะอาด สะอ้าน แต่งตัวเรียบร้อย กางเกงสีกรมท่า ร้องเท้าหนัง เสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว ผูกเน็คไท ตั้งแต่ปี 1-4 เห็นหนึ่งใน 10 คนจาก 100 คนที่แต่งตัวดีเรียบร้อยเป็นคนสุภาพเรียบร้อย จิตใจดี ร่าเริงแจ่มใส และประหยัด มีรุ่นน้องที่เดินไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยและยังแต่งตัวเหมือนกันอีกคือ อาจารย์บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า เป็นนิสิตรุ่นที่ 25
"ทั้งพระปราโมทย์กับอาจารย์บวรศักดิ์ เคยทำงานในชมรมวรรณศิลป์ จุฬาฯ ด้วยกัน เจ้าบทเจ้ากลอนทั้งคู่ พูดเก่ง เป็นคนไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุข ความประพฤติดีอยู่ในระเบียบวินัยที่ดี ผมเชื่อว่าเพื่อนฝูงทุกคนจะรู้สึกเหมือนผม พระปราโมทย์เป็นคนสดชื่น สนุกสนาน คุยเก่งแต่ไม่หยาบคาย"
เมื่อถามถึงการร่วมกิจกรรมทางการเมือง
นายเกรียงกมล กล่าวว่า สมัยนั้นมีบ้างแต่ไม่มาก เป็นเรื่องธรรมดาที่นิสิตออกมาคัดค้านการรัฐประหารในสมัยนั้นเข้าร่วมแต่ไม่ได้มาทำกิจกรรม ซึ่งในปี 2517 อาจารย์บวรศักดิ์ ได้เป็นประธานสภานิสิตจุฬาฯ ด้วย หลังจากเรียนจบพระปราโมทย์ไปทำงานที่สภาความมั่นคงแห่งชาติกว่า 10 ปี ก่อนจะย้ายมาอยู่องค์การโทรศัพท์
เมื่อถามว่าได้ติดต่อกันหรือไม่
"นานๆจะเจอกันสักที บังเอิญว่าบ้านอยู่ใกล้กันผมอยู่กลางซอย พระปราโมทย์อยู่ท้ายซอย ในหมู่บ้านไพฑูรย์นิเวศน์ เขตจตุจักร ชอบพอกันดี เรามีความนิยมในความสะอาดสะอ้าน ยืนยันพระปราโมทย์เป็นคนดี ก่อนที่พระปราโมทย์จะออกบวชเห็นเดินออกจากท้ายซอยมากับภรรยาสองคนแต่งตัวธรรมดาร้องเท้าแตะเสื้อเชิ้ตเรียบง่ายเชื่อว่าเป็นเสื้อผ้าราคาถูก คิดว่าช่วงนั้นคงกำลังศึกษาธรรมะกัน ทั้งคู่ไม่มีลูกด้วยกัน คิดว่าพอถึงจุดหนึ่งคงอยากมีความสุขทางธรรมจึงชวนกันไปบวชไปตั้งสำนักปฏิบัติธรรม"
นายเกรียงกมล ย้ำอีกครั้งว่า พระปราโมทย์เป็นคนดีมาก เชื่อว่าท่านสะอาดเป็นคนไม่ล่อกแล่ก จริงๆ พูดน้อยนิ่งๆแต่จิตใจแข็งแรงมีความเชื่อมั่น
เมื่อถามถึงข่าวที่เกิดขึ้นในสวนสันติธรรม
นายเกรียงกมล ได้แสดงมุมมองความเห็นเกี่ยวกับกรณีการโอนที่ดินให้ภรรยาว่า ไม่ได้รู้สึกคล้อยตามไปกับข่าวที่เกิดขึ้นต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ผมเชื่อว่าคนที่ผมรู้จักมานานคงไม่เสียเวลากับเงิน 10-30 ล้าน ผมให้ค่ามากกว่าเงิน เรื่องเงินเรื่องผู้หญิงไม่มีใครรู้ข้อเท็จจริง แต่คนที่เรารู้จักเขามาก่อนไม่เชื่อว่าจะเป็นเช่นนั้น ภรรยาไม่แต่งตัวแต่งหน้าเจอแบบนี้ตั้งแต่ก่อนบวชคนนี้น่าจะเป็นรุ่นคณะรัฐศาสตร์หลายปี
"คนที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายแล้วชวนกันไปหาทางธรรมเพราะคนคนนี้ไม่อยากมีอยากได้อะไรมาตั้งแต่อายุ 18 ปีแล้วที่ได้เห็ สมัยที่ทำงานสภาความมั่นคงก็ไม่เห็นจะมีวีแววว่าอยากจะรวย การตั้งสำนักสงฆ์ขึ้นมาอุทิศตนสามีบวชพระ ภรรยาบวชชี และอยู่กินกันมากับภรรยาก็คงไม่รู้จะใส่ชื่อใครเพราะเป็นพระจะถือครองที่ดินไม่ได้ จะไปใส่ชื่อคนอื่นก็ไม่รู้ว่าจะนำไปขายเมื่อไหร่ แล้วคนอีกเป็นร้อยเป็นพันที่ต้องอาศัยที่ตรงนั้นจะทำอย่างไรแล้วเงินที่บริจาคมาจะไว้ใจใครได้นอกจากคนที่เชื่อถือกันมากที่สุด เพราะไม่ใช่ลักษณะนิติบุคคล คนที่อยู่ในสังคมสกปรกมากเราจึงคิดกันว่าไม่มีใครสะอาดจริง "
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น