www.go6tv.com นายวีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวในงานสัมมนา "โอกาสและความท้าทายต่อการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน" ว่า กรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ผ่อนปรนเงื่อนไขให้นักลงทุนไทยนำเงินออกไปลงทุนต่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องค่าเงินบาทแข็งค่านั้น มาตรการที่ออกมาเป็นเพียงแค่น้ำจิ้มไม่มีผลต่อการแก้ไขค่าเงินบาทที่แข็งค่าอยู่ ซึ่งทั้งผู้ว่าการธปท.และประธานคณะกรรมการธปท.ออกมาพูดว่าค่าเงินบาทที่แข็งค่านั้นไม่กระทบต่อการส่งออกและไม่กระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยผู้ส่งออกยังส่งออกได้ ตามตัวเลขการส่งออกและการขยายตัวทางเศรษฐกิจยังดี ทั้งนี้การที่ทั้ง 2 ท่านออกมาพูดเช่นนี้แสดงว่าทั้ง 2 ท่านไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจไทยเลยหรือไม่หากทั้ง 2 ท่านรู้ก็ถือว่าพูดเท็จ เพราะผลกระทบจากการแข็งของเงินบาทต่อการส่งออกนั้นมีจริง
“ให้ดูอีก 2 – 3 เดือนข้างหน้าเพราะจะเริ่มเห็นการส่งออกถูกกระทบกระเทือนจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าแน่นอน เนื่องจากผู้ส่งออกไม่สามารถกำหนดราคาขายล่วงหน้าได้ ทั้งนี้หากการส่งออกเริ่มมีปัญหาจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เพราะการส่งออกมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจไทยเป็นอย่างมาก เนื่องจากการส่งออกมีมูลค่ามากกว่า 60 % ของจีดีพี และจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมต่อเนื่องทางเศรษฐกิจอีกมากมาย ตัวอย่างเช่น รถยนต์คันหนึ่งไม่สร้างเสร็จภายในบริษัทเดียว ต้องมีการเกี่ยวเนื่องหลายบริษัทเช่น เบาะ ยาง ซึ่งล้วนแต่เป็นอุตสาหกรรมภายในประเทศ แม้ว่าโดยปกติหากค่าเงินแข็งอาจแก้ไขโดยขึ้นราคาขาย แต่สำหรับไทยทำไม่ได้เพราะไทยไม่สามารถกำหนดราคาเองได้ เพราะเรามีคู่แข่งอยู่และการแข่งขันตอนนี้ก็สูงมาก ทั้งนี้หากปล่อยให้ค่าเงินบาทแข็งค่าต่อไปจนถึง 29 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ก็จะแย่กันไปใหญ่”
อดีตรองนายกรัฐมนตรีกล่าวต่ออีกว่า ทั้งนี้หลายวันก่อนได้ยิน ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล( หม่อมเต่า)ให้สัมภาษณ์ว่าจะไม่กำหนดเป้าหมายอัตราแลกเปลี่ยน อยากรู้ว่ายังไม่เข็ดอีกหรือ สถานการณ์ในครั้งนั้นกับครั้งนี้มันต่างกัน จึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีการโจมตีทางค่าเงิน ขณะนั้นประเทศไทยขาดดุลการค้าค่าเงินบาทอ่อนแต่ตอนนี้ประเทศไทยเกินดุลการค้าอยู่ค่าเงินบาทจึงแข็งค่า ซึ่ง ในโลกนี้มไม่ใครโจมตีค่าเงินในขณะที่แข็งหรอกมีแต่โจมตีค่าเงินในขณะที่อ่อนให้อ่อนลง
ส่วนการที่ธปท.ออกมาบอกว่าค่าเงินบาทแข็งค่ายังเป็นการเคลื่อนไหวตามภูมิภาค ถือว่าเป็นการหลอกลวง เพราะการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทจะไปอิงกับค่าเงินอื่นภูมิภาคทำไม ซึ่งเรื่องนี้ไม่ต้องไปดูใครให้ดูตัวเอง และยิ่งรัฐบาลนับว่าเป็นที่พึ่งของผู้ผลิตและประชาชน แต่เมื่อไม่รับผิดชอบปล่อยไปตามยถากรรม ก็ไม่จำเป็นต้องมีรัฐบาลหรือธปท.แล้ว เพราะสามารถปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดได้ ดังนั้นการที่บอกว่าค่าเงินบาทเป็นไปตามภูมิภาคนั้นไม่จริง อย่างไรก็ตามอีกประการที่ไม่เข้าใจ คือธปท.มีความเข้าใจในเรื่องการดูแลค่าเงินหรือไม่ คือ เรื่องของอัตราดอกเบี้ยกับอัตราแลกเปลี่ยน เพราะทั้ง 2 สิ่งเป็นหัวเป็นก้อยของกันและกัน แต่ปัจจุบันไม่เป็นเช่นนั้น
“สื่อก็เอาใจธปท.เหลือเกินพอผมพูดอะไรไม่เชื่อต้องไปถามธปท.อีกว่าที่ดร.โกร่งพูดจริงมั้ย แต่ต้องยอมรับเรื่องนึงคือธปท.ไม่มีทุจริตยอมรับว่าเขามือสะอาดจริงแต่การที่จะมือสะอาดอย่างเดียวมันงคงไม่พอต้องฉลาดด้วย เพราะบางทีความโง่จะทำความเสียหายมากกว่าโกงนิดหน่อย แต่ไม่ได้บอกให้โกง ซึ่งผู้ว่าคนใหม่ก็ยังไม่มีเรื่องมาตรการทางด้านอัตราดอกเบี้ยและค่าเงินอยู่ในหัวเลย”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น