วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

"คำสารภาพจากหนุ่ม "ดอย" ของบริจาค ศูนย์ มธ.รังสิต"



หมายเหตุ บทความนี้เป็นข้อความคัดลอกจากเว็บพันทิพย์ เป็นประเด็นวิพากษ์วิจารย์กรณีอาสาสมัครศูนย์รังสิต ขโมยของบริจาคไปเป็นของตน จนเกิดการทะเลาะ แฉกันไปมาในเนตทำนองว่า คุณทำได้ผมก็ทำได้ อาสาสมัครสามารถ "ดอย"ของแบรนด์เนมได้ ท่านสามารถอ่านได้จากลิ้งต่อไปนี้ หวังว่าสังคมไทยจะหาคำตอบจากเหตุการณืดังกล่าวอย่างมีสติ
จากกระทู้ http://www.pantip.com/cafe/news/topic/NE11351864/NE11351864.html


จะเห็นได้ว่า จขกท. ออกมายอมรับว่ามีการ "ดอย" ของบริจาค ...
คำว่า "ดอย" หมายถึงการ ขโมยแบบน่ารักๆเงียบๆ
ผมได้ยินคำนี้มาจากอาสาสมัครคนนึง บนเวทีอาคาร บร.4
----------
หลังจากผมนั่งเรือพร้อมเพื่อนๆ6คนที่ตั้งใจพามาช่วยขนของจาก มธ. ไป สยามพารากอน ...
ผมเข้าไปในอาคาร์เรียน มีเวทีที่อาจารย์ มธ. ยืนสอนหนังสือ เวทีนั้นใช้เป็นสถานที่วางเสื้อผ้า หนีน้ำท่วมจากคลังเก่า ...
ผมไม่เคยเข้าไป แถมเค้าไปช้ากว่าคนอื่นเพราะมัวแต่ถ่ายรูปหลังเรือจอด
ผมยอมรับว่าผมลงมาถ่ายรูป "เหมือนอาสา มธ. คนอื่นๆ" (ไอคนที่ถ่ายรูปผมเฝ้าของมันก็มีกล้อง มันก็ถ่ายครับ)
----------
กลับมาเนื้อหาหลัก ผมเดินตามเข้าไปในอาคารสอน คลังที่ใช้เก็บเสื้อ
ผมยืน งงๆ ว่าอะไรอยู่ตรงใหน มันมึดมากเพราะไม่มีไฟ มีแต่แสงเทียนพรรษา คงจะพอหรอกนะครับ
ผมจะพกไฟฉายติดตัวอยู่ตลอดเวลา วันนั้นผมก็พกไปด้วย เพราะรู้อยู่แล้วต้องได้ใช้
----------
ไฟฉายนี้ผมควักกระเป๋าซื้อมา 1800 บาท สว่างมาก Skyray A0 ใครเล่นไฟฉายผมแนะนำรุ่นนี้เลยนะครับ สว่างสุดในคลาสเดียวกัน
ผมซื้อมาใช้ช่วยเพื่อนผม @adamy ขับรถดูน้ำตามคลองต่างๆและตามซอกซอยต่างๆ มันเป็นสิ่งที่ผมทำแทบทุกคืนหลังจาก ศูนย์ฯมธ. ล่ม
----------
กลับมาเนื้อหาหลัก ผมเข้าไปในนั้นยืน งง ว่าของอะไรอยู่ตรงใหนบ้าง รอคำสั่งจาก คนพาผมและเพื่อนๆมาช่วยขนของ
ผมก็ส่องไฟฉายไปรอบๆ ก็พอทราบว่าของอะไรอยู่ที่ใหนบ้าง
ทันใดนั้นเอง หลังจากผมส่องไฟไปบนเวทีที่ใช้เก็บเสื้อผ้า ผมได้ยิน อาสา มธ. คนนึงตะโกนด้วยความดีใจว่า ...
"เจอแล้ว กล่องเสื้อผ้า Dapper!!!" ผมก็มองๆไปเรื่อยๆ จากนั้นก็เห็นเค้ารื้อของออกมาเช็คว่าในนั้นมีอะไรบ้าง และ ...
เหมือนเค้ากำลังจะเอาไป ไม่ทันขาดคำ ก็มีคนอื่นๆไปช่วยรื้อ พร้อมกับเรียกผมเข้าไปส่องไฟ เพื่อช่วยดูขนาดเสื้อผ้าที่ตัวเองจะเลือก
ผมก็เข้าไป จากนั้นคำว่า "ดอย" ก็เรื่อยได้ยืนบ่อยขึ้นเรื่อยๆ "ดอยของ", "เรามาขึ้นดอย" และอื่นๆ เป็นระยะ
(รวมถึงตัวผมเอง ถึงตอนนั้นก็ต้องพูดคำว่า "ดอย" ไปด้วยเช่นกัน เพราะคนส่วนใหญ่ทำกัน "ทั้งวัน" ไม่ว่าจะเสื้อ รองเท้า หมวก กระเป๋า ฯลฯ)
หลังจากนั้นทุกคน "เกิน10คน" จะมีกระเป๋าที่ไป "ดอย" มาเป็นของตัวเองใว้ใส่เสื้อผ้าและของต่างๆ
บางคนก็มีหมวกใส่กันแดดบนหัว (อันนี้ผมไม่ว่าอะไร ถือว่า "ดอย" มาแล้วยังได้ใช้ประโยชน์ทันที)
ส่วนผมยอมรับว่าเดินหา กระเป๋า ใส่ของนานอยู่เหมือนกัน ก็ประกฏว่าไม่เจอกระเป๋าเหลือแล้วเพราะ อาสา มธ. "ดอย" ไปหมดแล้ว
ผมก็เอาประเป๋าผ้าใบลายม้าลายขาวดำ ตามรูป ... ใส่ของที่ผม "ดอย" มาเหมือน อาสา มธ. คนอื่นๆ ลงในกระเป๋า
ปรากฏว่า เพื่อนผมหลายคน ที่ไำปก็เอาของมาฝากเช่นกัน กระเป๋ามันเลยดูใหญ่กว่า อาสา มธ. คนอื่นๆ
อีกประเด็นที่ดูเหมือนว่าจะไม่ถูกใจ ฝ่ายคลัง มธ. ก็คือสุดท้ายผมเป้นคนเอา เก้าอี้ที่นอนบีนแบ้กลาย:-)ลับบ้าน
ถ้าผมไม่โต้แย้งอะไรมันก็จะดูใจร้ายไปนัีก ที่โดยอยู่ฝ่ายเดียว คนนอกรับรู้ข้อมูลด้านเดียว ผมกำลังจะเขียนอีกด้านมันบรรทัดต่อไป
บีนแบ้กที่ผมเอากลับบ้าน ตอนแรก คนแรกสุดที่เจอ ไม่ใช่ผมเจอ ไม่ใช่ผมเอา
คนที่ตกลงว่าจะเอาก็คือ อาสา มธ. คนนึง ผมในนามคนนอก ผมไม่ใช่เด็ก ธรรมศาสตร์ ผมก็ให้เกียรติเจ้าของสถานที่ก่อน "เสมอ"
----------
รวมถึงให้เกียรติเจ้าของสถานที่ ทำงานก่อน "เสมอ" อันนี้ผมพูดเล่นนะครับ :)
แต่ลึกๆมันก็จริงบางเรื่อง เช่นสถานที่ ผมไม่รู้จากอาคาร ชื่อเรียก ชื่อย่อ ชื่อตึก ชื่อถนน ชื่ออาจารย์ ฯลฯ ผมก็จะส่งต่อให้น้องๆ มธ. ทำ
ซึ่งมีน้องๆ อาสา มธ. หลายคนที่เข้ามาใหม่ๆนึกว่าผมเป็นเด็ก ธรรมศาสตร์ หลายครั้งผมก็บอกเค้าไปว่าผม "ไม่ใช่ มธ. แต่มาช่วย มธ."
----------
กลับมาเรื่องบีนแบ้ก สุดท้ายคนที่เอาบีนแบ้กเค้าก็ขนบีนแบ้กไปตามเรื่องตามราว ... แต่หลังจากนั้น ก็มีภารกิจ "ช่วยตัวเอง"
ผมหมายถึง อาสา มธ. คนนึงในทีมที่ไปวันนั้น นำสิ่งของชิ้นใหญ่ "มาก" ที่ติดอยู่ที่ ศูนย์พักพิงฯ ยิม 1 มธ.
(ไม่ขอบอกว่าเป็นสิ่งของอะไรเพราะมันเรื่องส่วนตัวคนอื่น แต่มันใหญ่จริงๆ ขนาดต้องใช้คน 10 คน ขนขึ้นเรือ)
น้องคนนั้นต้องช่วยเพื่อนขนของใหญ่ชิ้นนั้นกลับบ้านตลอดการเดินทาง (ประคองกันมันล้ม) เลยประกาศว่า ไม่เอาบีนแบ้กแล้ว
หลังจากผมได้ยินและบังเอิญอยู่ใกล้ๆ ผมก็รับอาสาเอาบีนแบ้กกลับเอง ก้เลยกลายเป็นดูเหมือนว่า ผมเอาของไปเยอะ เกะกะ
และ ฝ่ายคลัง มธ. ก็เอาไป เมาท์กันลับหลัง ตามที่ผมเดา ... ไม่ทันไร คืนวันเดียวกัน หลังจาก หัวหน้า ฝ่ายคลัง มธ.
add friend ผมใน facebook มาหา ผมฉลาดพอเลยเลือกที่จะไม่รับ add นั้น รอเขียนข้อความชี้แจงตรงนี้ก่อน จะได้คุยกันรู้เรื่อง
สรุปประเด็นหลักของกระทู้นี้คือ "ทำไมอาสาสมัคร มธ. ต้องแยกเสื้อผ้าแบรนด์เนมเก็บใว้ต่างหาก?"
แตกประเด็นมาจากกระทู้เก่า http://www.pantip.com/cafe/news/topic/NE11351864/NE11351864.html
ที่อาสา มธ. "คนนึง" โจมตี "ผมคนเดียว"
คิดเอาเองแล้วกันว่า "คุณคนเดียว" แลกกับชื่อเสียง สถาบัน ธรรมศาสตร์ กว่าร้อยปีที่ผ่านมา "มันคุ้มกันหรือไม่?"
----------
ฉันรักธรรมศาสตร์ เพราะธรรมศาสตร์สอนฉัน "ดอย" ของประชาชน
----------
ปล. สิ่งของทั้งหมดที่ผมเอามาจากคลัง มธ. ที่เก็บซ่อนใว้ไม่เอาไปช่วยชาวบ้าน ถ้าผมเอากลับบ้านโดยไม่ผ่านการใช้งานจนคุ้มค่าราคาสิ่งของนั้นๆที่ผมเอามา ของให้ผมมีอันเป็นไป ผมไม่บอกว่า "ขณะ" นี้ผมทำอาสาที่ใหนอยู่ ... แต่ที่ๆผมอยู่ตอนนี้ เป็นศูนย์ที่ใช้ทำงานช่วยเหลือคนน้ำท่วมเช่นกัน ผมไม่ว่างแม้แต่จะมานั้งพิมพ์ข้อความยาวๆแบบกระทู้นั้น ข้อความที่ผมพิมพ์ทั้งหมดในกระทู้นี้ ผมพิมพ์โดยใช้เวลาว่างที่ รอรถมารับผมไปช่วยคน แต่ตอนนี้รถมันเต็ม ผมต้องนั่งรอรถไปส่งคนรอบแรกและกลับมารับผมอีกรอบ ผมเลยมีเวลาพิมพ์ข้อความทั้งหมดนี้ เวลาอื่นๆ ผมใช้นอนครับ ผมมักจะเขียนอะไรแบบนี้เกี่ยวกับเรื่องเวลาตลอดๆ อาจจะดูเน่าๆแต่มันมีค่าจริงๆครับ ทุกๆชั่วโมงที่ใช้เขียนข้อความไร้สาระ ทุกๆชั่วโมงที่ใช้กด F5 คอย refresh อ่านความคิดเห็นมันส์ๆ ล้วนเป็นชั่วโมงที่ไร้ค่ามากๆ และยิ่งไปกระจายข่าวให้ อาสา คนอื่นๆต้องมานั่งติดตามกระทู้นี้ ผมว่าเสียเวลาเข้าไปอีก กระทู้นี้ผมก็ไม่อยากให้ใครมาเสียเวลาอ่านบ่อยๆ ขอให้ทุกๆคนที่คิดว่าอ่านกระทู้นี้และชอบ และจะขอติดตามรอกินมาม่า ขอให้เลิกความคิดพวกนั้นซะ เชื่อผม
-เว็บ drama ไม่เคยช่วยใครเลยในกรณีน้ำท่วมที่ผ่านมา
-เว็บ drama ตั้งแต่วันที่ 10ต.ค. วันเดียวกับที่ผมเริ่มเป็น อาสา ถึงปัจจุบัน ไม่พบเห็นการโพสที่เข้าข่ายช่วยเหลือน้ำท่วม "แม้แต่น้อย!"
-เว็บ drama ไม่เคยช่วยเหลือประชาชนได้คุ้มค่ากับเงินที่ได้รับมาจากโฆษณาในการเขียนข่าวโจมตีผู้อื่นช่วงน้ำท่วม
-เว็บ drama น้ำท่วมที่ผ่านมา เขียนข่าวที่เกี่ยวข้องไป 10 กว่าอัน มีรายได้เลี้ยงตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา และใหน "ความช่วยเหลือ?"
-เว็บ drama มีแฟนเพจมากมายกว่า 50000 like แต่กลับไม่โพส ขอแรง หรือ ระดมพล เข้าไปช่วยเหลือแม้แต่น้อย "กูจะต้มมาม่า ONLY!"
-เว็บ drama ไม่กล้าเขียนดราม่าเรื่อง "ชีวิตอาสาสมัคร" ที่ผมตั้งใว้ เพราะว่าตัวเค้าเองรู้อยู่แก่ใจดี ไม่ช่วยเหลือใคร ไม่ยุ่งดีที่สุด
แต่ผมยินดีให้ เว็บ drama ต้มมาม่าเรื่อง "ทำไมอาสาสมัคร มธ. ต้องแยกเสื้อผ้าแบรนด์เนมเก็บใว้ต่างหาก?"
ถ้าหากกล้าเขียนนะครับ :) อย่าลืม link กระทู้นี้ กระทู้ที่มีข้อความข้างบน แนบท้ายไปด้วยนะครับ คุณจะได้มีรายได้จาก banner
หวังว่ามาม่าเรื่อง "ทำไมอาสาสมัคร มธ. ต้องแยกเสื้อผ้าแบรนด์เนมเก็บใว้ต่างหาก?" จะทำรายได้ได้เยอะ แล้วอย่าลืมเอามาบริจาคช่วยน้ำท่วมนะครับ
ขอบคุณทุกคนที่รับฟังครับ

จากคุณ : ของเล่นเศรษฐี
เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 54 14:12:35


จาก บทสนทนาระหว่างผมกับอาจารย์สาวจากคณะวิทยาฯ ได้ความว่า เราจะเข้าไปเอาของบริจาคที่เหลือ โดยจะมี 2 จุดคือ ยิม 1 ซึ่งเป็นคลังใหญ่ กับบร.4 ซึ่งเป็นที่เก็บของเล็กที่ผมก็เพิ่งจะรู้ว่าตึกนี้ถูกเปิดใช้ด้วย อาจารย์บอกว่าเราจอดรถที่ประตู AIT แล้วใช้เรือ 2 ลำ เพื่อขนของจาก 2 จุดนี้ ผมเลยเสนอให้อาจารย์แบ่งคนเป็นคนที่ขนในตึกทั้ง 2 ตึก คนที่ประจำในเรือ และคนที่อยู่ตรง AIT คอยเอาของขึ้นรถ
แต่ พลาดไปเพราะเมื่อไปถึงผมกลับสนใจจะถ่ายรูป และมัวแต่โทรศัพท์ จนลืมไปดำเนินงานให้เสร็จ หรืออาจจะเพราะคิดว่ามีอาจารย์อยู่ หรืออาจจะเพราะเห็นว่ามีคนประสานงาน หรือทั้งหมดรวมกันก็ไม่ทราบ ผมจึงแค่เดินขึ้นเรือที่ทุกคนนั่งรออยู่เต็มลำเรือ และมุ่งหน้าไปยัง บร.4 ...คนที่ประจำตรงรถหายไป
ที่ บร.4 ของหลักๆที่ขนกันคือกางเกงในกระดาษ ผ้าอนามัย กระดาษทิชชู และเสื้อผ้า ซึ่งตอนแรกผมคิดว่ามีคนที่รู้งานคอยเลือกของที่อาจารย์ต้องการจะนำไปใช้แพ คเป็นถุงยังชีพ แต่ในภายหลังผมได้รับคำตอบจากน้องที่ประสาน งานว่า "อาจารย์สั่งให้เอาของออกให้หมด อาจารย์จะปิดศูนย์ จะปิดตึกแล้ว เพราะฉะนั้นหยิบไปให้หมดทุกอย่างนั่นแหละ" ...อ่าว ไม่เลือกหน่อยหรอวะ?

ขณะ ที่เรือกำลังเอาของไปส่ง.. พร้อมกับคนที่จะไปอยู่ประจำรถที่ผมต้องบอกย้ำหลายรอบ เพราะ:-)ไม่ฟังกู และไม่มีคนสนใจจะไปกัน... ผมเห็นว่าทุกคนว่างอยู่ หลังจากที่ทุกคนเจอเสื้อบริจาคมียี่ห้อ ราคาแพงมือ 1 และเลือกติดไม้ติดมือกันไปคนละตัวสองตัว ผมจึงเสนอให้ช่วยกันเก็บของใส่ในลังกระดาษ หรือถุงดำให้เรียบร้อย เพราะของหลายอย่างอยู่ในลังกระดาษที่ขาดแล้ว หรือถุงดำที่เป็นรู ขนได้ยาก แล้วยังปนกันหลายชนิด เวลาเอาไปใช้จะต้องเสียเวลาแบ่งหมวดหมู่อีก

แต่ แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นคือ คนอื่นๆที่เลือกเสื้อได้แล้ว ก็ยังคงเลือกเสื้อต่อไป.. ไม่มาช่วยงาน โดยเฉพาะ "พี่เปา" ที่:-)เอาถุงมีซิปที่เคยใช้ใส่เสื้อบริจาค แต่ตอนนี้พี่แกเอาเสื้อบริจาคออกใส่ถุงพลาสติกกากๆแทน และใช้ ถุงนั้นต่างกระเป๋า เเดินชอปปิ้งเสื้อพร้อมไฟฉายคู่ใจ (ในบร.4 ไม่มีไฟฟ้า) ขนาดที่ว่าผมเข้าไปตามหาผ้าใบมารองเรือ โดยขอคนมีไฟฉายหา พี่แกก็เมิน หรือผมเข้าไปตามหาลังเปล่า โดยขอคนมีไฟฉายอีก พี่แกก็ไม่เคยทำงานที่ผมขอได้เลย ไม่พอยังมาเดินข้ามหน้าไปข้ามหน้ามา เพื่อขอถุงดำเพิ่ม ไปใส่เสื้อผ้าที่ตัวเองเลือก ขณะที่ผมกับน้องผู้หญิงกำลังใช้ถุงดำเดียวกันเก็บของบริจาคมัดให้เรียบร้อย
ที่ บร.4 มีของไม่มาก ขนกันไม่นานก็เสร็จ ปริมาณที่ขนได้คือ...ครึ่งคอนเทนเนอร์... น้องที่ประสานงานมา ประสานรถมาทั้งหมด3 คัน แบ่งออกเป็น 2 คนเทนเนอร์ และ 1 รถ..กี่ล้อไม่รู้ น่าจะ 6ล้อ น้องเค้าเดินมาบ่นกับผมเล็กน้อยขณะที่เรากำลังขนของกันอยู่ที่ยิม 1
ที่ ยิม 1 อีกครั้งที่ผมต้องสั่งงานคนเอง ว่าให้เอาเรือไปลงตรงไหน ขนของยังไง... คนประสานงานไปไหนครับ? ไม่รู้หรอครับว่าเรือต้องลงตรงไหน? แล้วกลับกลายเป็นแม่บ้าน เป็นคนพาอาสาสมัคร รวมถึงผมเดินไป ดูว่ามีของอะไรอยู่บ้างแทน (ผมไม่แน่ใจว่าในตอนหลังน้องที่ประสานงานเป็นคนพาเดินไปห้องที่เก็บของอีก ห้องหรือเปล่า แต่อย่างน้อยพอคนที่จะทำงานมาถึง น้องควรมีหน้าที่แจกแจงงานนะครับ)
คลังเก็บของใหญ่ในยิม 1 จากที่เคยมีของเต็มหอประชุม ตอนนี้เหลือของเพียงมุมห้องมุมเดียว เป็นรองเท้า... อีกครั้งที่อาสาทุกคนต่างเลือกรองเท้ากันอย่างสนุกสนาน.. แต่ก็ไม่นานก็เริ่มทำงานกันต่อ
*หมายเหตุถึงทุกคน ผมไม่ว่าคนที่หยิบของบริจาคไป และผมยอมรับว่าผมก็เคยทำ แต่ผมไม่เคยใช้เวลางานมาเลือกของ และทำให้เสียงานเลย ผมเลยจะหงุดหงิดเวลาคนที่มัวแต่จะเลือกของโดยที่ไม่ทำงาน แต่ถ้าคุณจะเลือกของตอนที่ว่างแล้ว ขนเท่าไหร่ไหวโดยไม่เดือดร้อนคนอื่น คุณเชิญเถอะ ของไม่ใช่ของผมเหมือนกัน ผมไม่หวงหรอก

หลัง จากที่ต้องเดินลากรถเข็นเอาของขึ้น อ้อมไปด้านหน้าเพื่อเอาของลงเรือ งานที่หนักคือ คนเข็นรถเข็น และคนที่ต้องเอาของลงเรือ เพราะต้องเดินลงบันได หลังจากเลือกรองเท้ากันแล้ว ผมที่เข็นรถเข็นอยู่เห็นว่ามีคน ที่ยังว่างอยู่ในคลัง เพราะต้องยืนรอรถเข็น ผมเลยบอกให้ทุกคนไปช่วยขนของลงเรือแทน รอบแรกคนเดินไปบางคน บางคนยังเลือกรองเท้าอยู่.. รอบที่ 2 ไปกันทุกคนยกเว้นผู้หญิง.. รอบที่ 3.. พี่เปายังคนเลือกรองเท้าของตัวเองอยู่ ทุกครั้งที่ผมลากรถเข็นไปจะได้ยินคำว่า "อุ๊ยรองเท้าคู่นี้สวย" "อ๊ะนั่นของแพงนี่" "เก็บๆ" ในรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ ผมว่าไม่เกิน 4 เพราะทั้งแรง และความอดทนของผมหมดลงผมพูดกับพี่เปา โดยใช้คำพูดรวมๆว่า "ถ้าอยู่ตรงนี้แล้วว่างกัน รบกวนไปขนของด้านหน้าลงบันไดนะครับ คนน้อย และขนของเหนื่อยกัน" "ครับ" (ผมคิดว่า)พี่เปาตอบผม และก็เลือกรองเท้าต่อไป
ผมให้น้อง ผู้หญิงคอยเลือกรองเท้า ว่ารองเท้าถุงไหนที่มีครบคู่ เป็นของใหม่ ควรเอาไปใช้ และให้ผูกถุงให้เรียบร้อยรอรถมาขน ส่วนพี่เปา แกยืนถือไฟฉายให้น้องผู้หญิงทำงาน... อย่างน้อยพี่แกก็มีหน้าที่ เสียอย่างเดียว... ห้อง:-)สว่างว่ะไอ้เฮี่ย... ขอโทษที่หยาบคาย... และทุกครั้งที่ดวงไฟจากไฟฉายของพี่เปาส่องกระทบกับรองเท้ามือหนึ่งที่สวยดู ดี(ในแบบของพี่แก) และมีราคา(น่าจะ)แพง พี่แกจะหยิบขึ้นมาดู และถ้าพอใจก็จะ... เก็บ

ครั้ง หนึ่งที่ผมหงุดหงิดมากคือ น้องผู้หญิงคนนึงเดินไปในมุม และเจอถุงรองเท้าจำนวนมากที่น่าจะเอาไปใช้ได้ น้องเค้าจึงพยายามยกถุงรองเท้าข้ามถุงอื่นออกมา โดยมีพี่เปาคอยส่องไฟฉายนำทางให้น้องในห้องที่สว่างด้วยแสง อาทิตย์ยามบ่าย แต่ด้วยความที่ถุงรองเท้ามีน้ำหนักมาก.. ผมมองหน้าพี่เปาที่ยืนถือไฟฉายและถามน้องว่า "ไหวมั้ย?" "น่าจะค่ะ" "อุ๊ย ไม่ไหวหนักไป" แต่น้องเค้าก็ยังพยายามที่จะเข็นถุงนั้นออกมา จากมุมห้อง ผ่านตรีนพี่เปาไปอย่างเฉียดฉิว โดยพี่เปาดูแล้วน่าจะต้องแขม่วพุงหลบ (กูเว่อไปละ กูเกลียด:-)) ไม่มีท่าทีจะช่วย ผมจึงบอกไปว่า "เป็นผู้ชายช่วยผู้หญิงยกของสิครับ(วะ)" พี่แกทำหน้างงมองซ้ายขวา ผมเลยบอกว่า "น้องครับ ไม่ต้องยกออกมาละ พี่ยกถุงเคลียทางละเอารถเข็นเข้าไปดีกว่านะ" ผมตัดบทเพราะรำคาญพี่เปา หลังจากที่ส่งของผมเดินลากรถเข็นกลับมาและเดินสวนกับน้องผู้หญิงคนเดิมที่กำลังเข็นรถเข็นขนของออกมาจากห้องนั้นอยู่ "แล้วพี่เปา:-)ไม่ขนวะสัด ให้ผู้หญิงขนอีกแล้ว กูเพิ่งด่าเองนะ" ...ผมคิดในใจ

อย่า มองพี่เปาเป็นคนไม่ดีนะครับ บางครั้งผมจะเห็นพี่เค้ายกลัง... ไม่กี่ลังแล้วเดินจากไป... ผมเคยเห็นพี่เค้าเข็นรถเข็น 1 ครั้ง ไม่ได้อยากจับผิด แต่หลังจากนั้นพี่เค้าถือไม้แบดเดินตีฝาขวดน้ำเล่นอยู่ข้างๆน้องผู้หญิงที่ยกลังผ้าอ้อมเด็กอยู่ไม่ ทำงานแล้วนั่งรถมาให้เปลืองที่ก็แย่แล้ว ปล่อยผู้หญิงทำงานผมทนไม่ได้ ขนของกลับ และขนกลับเยอะมากจนขนเองไม่ไหวต้องเป็นภาระคนอื่นอีก ..เอ่อครบแล้วนี่หว่า อ๋อ แล้วยังจะเคยสร้างภาพว่าตัวเองทำงานในเวปพันทิพไว้อีก ทำให้ผมโคดไม่ชอบพี่เค้าเลยว่ะ...
ขากลับ รถจากมธ.วิ่งทางพหลโยธิน ขึ้นโทลเวย์ ลงตรงลาดพร้าว เลี้ยวซ้ายไปพระราม 9 ขับเลยไปอโศก เลี้ยววนกลับมาหน้าพารากอน แล้วยามให้เข้าประตูอื่น เลยตรงไปผ่านสนามกีฬา เลยสี่แยกไฟแดง จอดงงเล็กน้อย.. กลับรถกลางถนน.. วนกลับมาเข้าทางเซ็นทรัลเวิล... ไม่ต้องสงสัย พี่เปานั่งหน้าครับ... ถ้าไม่รู้ไม่ว่า แต่ช่วยถามทางหน่อยเหอะ อย่ามั่ว กูเดือดร้อน.. มาก

จากคุณ : Beamzter
เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 54 23:16:58
ถูกใจ : Natcha_ka, Slashmeplease, aprex

ไม่มีความคิดเห็น: