วันเสาร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2555

"ส.ส.จารุพรรณ" ยัน "แดง-เหลือง ก็ยังคงสองมาตรฐาน"


จากการเป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยจนก้าวเข้ามาเป็น ส.ส. ของ ผศ.ดร.จารุพรรณ กุลดิลก แนวร่วม นปช. แดงทั้งแผ่นดิน ที่วันนี้รับบทเป็นกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แต่ก็ยังไม่ทิ้งการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับกลุ่มคนเสื้อแดงที่เสียชวิต บาดเจ็บพิการ และรู้สึกดีใจที่กระบวนการขับเคลื่อนเพื่อหาคนผิดมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมเดินหน้าไปอย่างต่อเนื่อง

*****************************

ผศ.ดร.จารุพรรณกล่าวถึงการที่ตำรวจ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรียกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เข้าชี้แจงเกี่ยวกับการสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงจนมีคนตายและบาดเจ็บ โดยยังเชื่อว่าคนเสื้อแดงเป็นผู้ก่อการร้ายว่า หนักแน่นชัดเจนว่าคนเสื้อแดงไม่มีเจตนาที่จะมาก่อการร้าย ก่อให้เกิดความไม่สงบ แต่เจตนาของคนเสื้อแดงต้องการให้ทั่วโลกรู้ว่ามาเรียกร้องประชาธิปไตย เรียกร้องความเป็นธรรม เพราะฉะนั้นข้อหาก่อการร้ายสำหรับคนเสื้อแดงนั้นแรงเกินไป แต่ยังเคราะห์ดีที่ชาวโลกให้กำลังใจ เพราะฉะนั้นคนเสื้อแดงจึงไม่ได้ถูกพัฒนาให้มีภาพกลายเป็นผู้ก่อการร้ายสำเร็จ

คุณสุเทพยังยืนยันว่ามีกองกำลังติดอาวุธในกลุ่มคนเสื้อแดง

คุณสุเทพพูดโดยไม่มีหลักฐานอ้างอิง ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ของนักกรเมืองรุ่นเก่า ในยามนี้ควรหยุดได้แล้ว และออกมายอมรับว่าเหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้น ตัวเองต้องเป็นผู้ออกมารับผิดชอบด้วย

คุณสุเทพและคุณอภิสิทธิ์เป็นพลเรือนแล้วมาสั่งให้เจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติการรุนแรง เพราะฉะนั้นทั้งคุณสุเทพและคุณอภิสิทธิ์จะต้องพิจารณาวินัยของตัวเองว่า การที่ตัวเองเป็นพลเรือนและไม่ทราบเรื่องการบริหารจัดการเหตุการณ์ความรุนแรงแบบนี้ต้องออกมารับผิดชอบ

คุณชวนว่าปัญหาที่เกิดขึ้นต้นเหตุมาจากคุณทักษิณ

ถ้ามีคนออกมาพูดว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองเป็นเพราะผลพวงจากคุณชวน หลีกภัย มันก็ไม่จบ เพราะเราก็รู้หลายๆอย่างทั้งวิกฤตการณ์ทางการเมือง ทางเศรษฐกิจ หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นจากสมัยนายกฯชวน จะไปโทษพุ่งเป้าเพียงคนคนเดียว แล้วทำให้ประเทศชาติเสียหาย คุณชวนต้องกลับไปพิจารณาตัวเองว่าทำถูกต้องแล้วหรือ

เป็นความใจแคบของคนบางคนมที่มองเห็นแต่สิ่งแคบๆ มองแต่ปัญหาเล็กๆ แล้วก็แก้ไม่ได้ หลายๆครั้งที่ตัวเองอยู่ในอำนาจก็ทำให้ประชาชนไร้ค่า แล้วก็พาประเทศไปสู่ความย่อยยับ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ตอนนี้ต้องหยุดพูดและพูดให้เบาๆลงหน่อย ฟังเสียงของคนส่วนใหญ่บ้าง ต้องใจกว้างมากขึ้น ฟังเสียงในระดับกว้าง อย่าฟังเสียงคนส่วนน้อยหรือเสียงของตัวเองเพียงคนเดียว

เรื่องที่เกิดขึ้นคนส่วนใหญ่เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเกม เพราะพรรคประชาธิปัตย์ติดเกมมากเกินไป แล้วไม่ได้ทำให้การเมืองพัฒนาไปไหน ขณะที่คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตั้งใจทำงาน ทุกคนเห็นความจริงใจที่จะเข้ามาแก้ปัญหา เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีวิสัยทัศน์เหมือนกับคนที่เป็นสากลโลก คนส่วนใหญ่ให้กำลังใจที่ทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย และต้องสอนงานให้กับฝ่ายตรงข้ามอีก

กลัวหรือไม่ที่ศาลเริ่มไต่สวนคดี 91 ศพ แล้วหลักฐานต่างๆที่มีอยู่จะหายไป

เชื่อว่าข้อเท็จจริงจะปรากฏ โดยเฉพาะพยานในเหตุการณ์มีเป็นล้านคน ทุกคนพร้อมที่จะลุกขึ้นมาให้ปากคำ และประชาชนก็ไม่ลืมเรื่องนี้ ไม่เหมือนกับที่ผ่านๆมาในประวัติศาสตร์ประเทศไทยที่คนหลงลืมกันไป แต่คราวนี้คนตื่นกันแล้ว และก็จะทวงถามเรื่อง 93 ศพ อย่างคนที่ถูกยิงเป็นคุณลุงท่านหนึ่งที่ไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย กระสุนก็เป็นของทหาร ท่านเป็นอัมพาตและเสียชีวิตไป ความจริงจะปรากฏ และผู้ที่กระทำจะไม่ได้รับการคุ้มกันอีกต่อไป

คดีคนเสื้อแดงกับของคนเสื้อเหลืองชี้ให้เห็นอะไร

ชัดเจนว่า 2 มาตรฐานยังมีอยู่ เราวิงวอนให้กระบวนการยุติธรรมที่ทำหน้าที่อยู่รับฟังเสียงของชาวโลกบ้างว่า วันนี้เขาสะท้อนว่ากระบวนการยุตธรรมของเรามีความยุติธรรมจริงหรือ

ทำไมคุณสนธิถึงไม่ติดคุก

เป็นเรื่องที่น่าพิศวงที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศไทยว่าคนที่กระทำผิดอย่างคุณสนธิ ลิ้มทองกุล เอาหลักทรัพย์ไปกู้เงินซ้ำๆกัน ผิดกฎหมายอย่างรุนแรงและได้คำพิพากษาตัดสินจำคุกทันทีโดยไม่รอลงอาญา คำว่าไม่รอลงอาญากลับไม่ศักดิ์สิทธิ์ในประเทศไทย และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว แต่คนเสื้อแดงขอปล่อยตัวชั่วคราวก็ไม่ได้ ทั้งที่ยังไม่มีการตัดสินหรือมีการขึ้นศาลเลยด้วยซ้ำ นี่เป็นความเจ็บปวดของการเป็นประชาชนคนชั้นล่าง เมื่อต้องเผชิญกับกระบวนการยุติธรรมกลับต้องโดนการตัดสินที่เข้มงวดมากจนเกินพอดีทุกครั้ง ขณะที่คนที่มีอภิสิทธิ์ในบ้านเมืองไม่ต้องโดนลงโทษอะไร ทั้งที่กระทำผิดอย่างรุนแรง

บทบาทนักการเมือง

ในฐานะที่เป็นนักการเมืองคิดว่าบทบาททางนิติบัญญัติควรจะปิดเกมได้แล้ว ควรพูดกันจริงๆถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ควรเรียนรู้ว่าการที่เรามีรัฐธรรมนูญมาถึงฉบับที่ 18 และจะมีฉบับที่ 19 ควรพัฒนาวุฒิภาวะของสังคมไทย โดยการที่เราไม่เพียงแต่จะเล่นเกม แต่ควรต้องสร้างความเชื่อมั่น สัญญาพันธะใจว่าจะไม่ฉีกกติกากันอีกต่อไป จะเรียนทั้งผิดทั้งถูกไปด้วยกัน และเน้นไปที่การพัฒนาประชาชน ไม่ใช่กดทับประชาชนให้อยู่ภายใต้อำนาจ ไม่เช่นนั้นประเทศไทยจะไปไม่รอด

เราต้องเน้นให้ประชาชนได้รับการพัฒนาอย่างเท่าเทียม และระบบยุติธรรมก็ไม่ควรจะเป็นสองมาตรฐาน ไม่อย่างนั้นคงต้องเห็นการเปลี่ยนผ่านที่รุนแรงเหมือนกับประเทศอื่นๆที่ผ่านมา เพราะประวัติศาสตร์โลกเขียนไว้แล้วว่า ประชาชนจะเป็นผู้ชนะเท่านั้น

ทหารจะออกมาทำปฏิวัติหรือไม่

ทหารในวันนี้เริ่มเรียนรู้แล้วว่ากฎหมายระหว่างประเทศคืออะไร ความต้องการของประชาชนคืออะไร ณ วันนี้ทหารรู้แล้วหลังจากถูกปิดหูปิดตามายาวนาน ถูกบงการให้กระทำผิดมาตลอด วันนี้เชื่อว่าภายในกองทัพก็อยากจะครองใจประชาชนได้จริงๆ ในฐานะเป็นทหารของประชาชน ที่ผ่านมามีข่าวทหารบางกลุ่มยังเดินเกมใต้ดินกันอยู่ ซึ่งก็เป็นไปได้ แต่จะทำได้ยากขึ้น เหมือนกับการก่อการร้าย ถ้าทุกคนช่วยกันเฝ้ามอง สิ่งที่ประสงค์ร้ายก็จะเกิดได้ยากขึ้น

เราต้องจัดระเบียบประเทศไทยกันใหม่ และสิ่งที่เกิดขึ้นก็เป็นการจัดระเบียบโดยธรรมชาติ เนื่องจากประชาชนมีความตื่นตัวทางด้านการเมืองเรื่องประวัติศาสตร์มาก เพราะฉะนั้นการจัดสมดุลทางอำนาจก็จะเปลี่ยนไป ทางด้านการเมือง กฎหมาย การบริหาร ตุลาการ ต้องเปลี่ยนไปแน่นอน

วรเจตน์ถูกทำร้ายมองอย่างไร

เป็นเหตุการณ์คล้ายกับช่วงก่อน 6 ตุลา เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ เมื่อ 6 ตุลาประชาชนล้มเหลวในการที่จะทำความจริงให้ปรากฏ ณ วันนี้เรากำลังอยู่ในทางสองแพ่ง ที่ความปรารถนาดีของกลุ่มนิติราษฎร์ถูกบิดเบือนกลายเป็นเรื่องที่ทำให้เกิดหายนะในบ้านเมือง เราต้องช่วยกัน เชื่อว่าสื่อเองแม้จะเป็นฝ่ายตรงข้ามก็ยังยอมรับไม่ได้กับการทำร้ายกลุ่มนิติราษฎร์ เพราะกลุ่มนิติราษฎร์ไม่ได้มีเจตนาทำร้ายประเทศ

คิดว่ารัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่

เชื่อว่าจะผ่านไปด้วยดี ดูท่าทีของคนที่มานั่งเป็นกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญทุกคนยอมรับแล้วในความผิดพลาด เพราะฉะนั้นก็รับฟังกันมากขึ้น เชื่อว่าจะคุยกันด้วยเหตุด้วยผล โดยเฉพาะมาตรา 291 ที่กำหนดให้มี ส.ส.ร. (สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ) ก็จะคุยกันด้วยความประนีประนอม แม้ว่าในขณะนี้จะมีข่าวลือออกมาว่ากลุ่มอำนาจเก่ากลัวการยกเลิกมาตรา 39 พยายามพูดว่าถ้ายกเลิกมาตรานี้คุณทักษิณจะพ้นผิด ซึ่งถ้ากลุ่มนี้เป็นคนส่วนน้อยก็ต้องยอมรับเสียงของคนส่วนใหญ่ ถ้าเสียงส่วนใหญ่ให้ยกเลิกก็ต้องยกเลิก ไม่อย่างนั้นจะแปลว่าไม่เคารพในประชาธิปไตย และถ้าไม่เคารพประชาธิปไตยคุณก็คือกบฏนั่นเอง

ประชาธิปัตย์พยายามโยงให้เป็นเรื่องสถาบันกับทักษิณ

ก็ต้องให้พรรคประชาธิปัตย์ตีแผ่เรื่องนี้ อะไรที่พรรคประชาธิปัตย์ตีแผ่มาในอดีตถึงปัจจุบันก็ล้มเหลวหมด เพราะฉะนั้นต้องขอบคุณพรรคประชาธิปัตย์ที่ช่วยตีแผ่ขยายความในแต่ละประเด็นให้ ประชาชนจะเข้าใจได้ง่ายๆว่าพรรคประชาธิปัตย์เข้าใจผิด

การแก้ไขสะดุดลงหรือไม่

คิดว่าเสื้อเหลืองน่าจะออกมาต่อต้าน แต่จะมากน้อยแค่ไหนก็เป็นอีกเรื่อง และเป็นสิทธิของเขา ทางที่ดีควรที่จะรับฟังฝ่ายต่างๆ แล้วรวบรวมความคิดเห็นและข้อเสนอมาเป็นรูปแบบเดียว แต่ที่ผ่านมาพันธมิตรฯเสนออะไรค่อนข้างแตกความสามัคคีกัน ไม่ได้ไปในทางเดียวกัน อย่างเรื่องการเยียวยายังไม่มีความสามัคคีในการที่จะมาเรียกร้อง

ขบวนการการก่อการร้ายในประเทศไทย

เป็นกระบวนการที่ทั้งโลกทราบกันดีว่ามีความขัดแย้งระหว่างกลุ่มคนในประเทศตะวันออกกลางก็คือ เลบานอน อิหร่าน กับกลุ่มประเทศอเมริกา อังกฤษ อิสราเอล ซึ่งมีความขัดแย้งกันมาเป็นพันปี ในความเชื่อนี้ไม่ได้หมายความว่าแต่ละประเทศขัดแย้งกันลึก แต่คนกลุ่มน้อยที่อยู่ในประเทศนั้นมีความเชื่อที่ขัดแย้งกันมายาวนาน บางครั้งในยุคประวัติศาสตร์ก็กระพือกันขึ้นมาเป็นความขัดแย้งใหญ่ได้ อย่างครั้งนี้ก็อาจเงียบสงบไปถ้าคนที่เข้าใจปัญหานั้นไม่ทำให้มีบาดแผลเพิ่มเติม

ในขณะที่ประเทศไทยต้องยอมรับว่าที่ผ่านมามีเพื่อนชาวต่างชาติเดินทางมาเยือนมากมาย ในอนาคตก็จะเป็นศูนย์กลางของอาเซียนในแง่การเดินทาง การขนส่ง จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนที่มีความขัดแย้งกันแต่เดิมที่จะเดินทางมาในฐานะนักท่องเที่ยวบ้าง นักธุรกิจบ้าง

แต่ที่ผ่านมาประเทศไทยไม่ใช่เป้าหมายของการก่อการร้าย ไม่ถึงกับขั้นอยู่ตรงกลาง แต่เป็นทางผ่านของนักท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นจะห้ามคนที่แจ้งความประสงค์ว่าจะมาท่องเที่ยวทั้งหมดไม่ได้ เพราะฉะนั้นการป้องกันการก่อการร้ายจึงไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ แต่มีการขัดขวางที่จะไม่ทำให้ขบวนการก่อการร้ายเกิดขึ้นได้หลายกระบวนการเช่นกัน ที่ผ่านมามีรายงานถึงการเข้ามาของกลุ่มก่อการร้ายในประเทศไทย พบว่ามีความเคลื่อนไหวด้านการข่าวแทบทุกกลุ่ม ไม่ได้หมายความว่ามีเฉพาะประเทศไทย ที่อื่นๆก็มี แต่ไม่เคยใช้ไทยเป็นฐาน ซึ่งปัจจุบันใช้ไทยเป็นเพียงทางผ่านเท่านั้นเอง

แสดงว่ามาตรการหละหลวม

ที่ผ่านมาคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ บอกว่าทราบข่าวมานานแล้ว และพยายามติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศ ซึ่งในประเทศไทยก็ยังไม่เกิดการก่อการร้าย แต่เป็นเพียงการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งก็เป็นที่ยอมรับว่าเป็นผลมาจากการที่เจ้าหน้าที่ไทยพยายามเข้าไปป้องกันการก่อเหตุวินาศกรรมต่างๆ

มีหลายจุดที่ต้องเฝ้าระวังการก่อเหตุ

จุดเหล่านี้ทางการข่าวได้ส่งสัญญาณกันว่าต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เท่าที่ผ่านมาเดือนที่ 3 ก็น่าจะสามารถป้องกันสถานที่ต่างๆได้ตามการข่าว

การออกข่าวทุกวันจะส่งผลร้ายกับไทยหรือไม่

ข่าวที่เห็นทุกวันนี้ก็ระดับหนึ่ง แต่คนทำงานก็ฟังหูไว้หูและเฝ้าดูสถานการณ์ต่อไป เชื่อว่าประเทศไทยมีผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการป้องกันการก่อการร้ายมากมาย และเท่าที่ฟังมาจากหลายๆท่านก็คิดว่าประเทศไทยมีผู้เชี่ยวชาญที่สามารถรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคตได้ ขอให้มองว่าแม้วันนี้มีอุบัติเหตุระเบิดขึ้นมาแล้วชาวอิหร่านถูกจับกุมตัวไปนั้นเป็นเพียงอุบัติเหตุ ยังไม่มีการก่อการร้ายเกิดขึ้น และเชื่อมั่นว่าในอนาคตจะทำให้ชาวต่างชาติมั่นใจว่าประเทศไทยปลอดจากการก่อการร้าย อีกอย่างคือผู้นำโลกที่มีโปรแกรมจะมาเยือนประเทศไทยก็ไม่ได้เลื่อนการเดินทางแต่อย่างใด แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจว่าประเทศไทยสามารถรักษาความสงบเรียบร้อยได้

จะเชื่อมโยงกับภาคใต้ได้หรือไม่

เหตุการณ์ที่เกี่ยวกับความรุนแรงเชื่อมโยงได้หมด เพราะจริงๆมีพื้นฐานเหมือนกันคือการไม่ได้รับความเป็นธรรม การมีสองมาตรฐาน ในที่สุดก็ขยายผลไปทำให้กระบวนการยุติธรรมบิดเบี้ยวในที่สุด ก็ใช้กองกำลังติดอาวุธเข้ามาแก้ปัญหา จึงยิ่งพัฒนาความรุนแรงมากขึ้นอีกเป็นทวีคูณ จริงๆแล้วการแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะชายแดนใต้ต้องใช้วิธีการปรับปรุงโครงสร้างที่ยุติธรรมมากขึ้น

ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ปีที่ 7 ฉบับที่ 351 วันที่ 17 - 23 มีนาคม พ.ศ. 2555 หน้า 16 - 17 คอลัมน์ ฟังจากปาก โดย วัฒนา อ่อนกำปัง

ไม่มีความคิดเห็น: