วันที่ 2 มีนาคม คนเสื้อแดงประมาณ 20 คน นำโดยผู้ใช้นามว่า "จ.เจตน์" หรือนายจิรปาณ ศรีเนียน ได้ไปขอพบนายกนก รัตน์วงศ์สกุล พิธีกรรายการชื่อดัง ที่สำนักงานใหญ่ อ.ส.ม.ท. เพื่อยื่นหนังสือประท้วง โดยอ้างว่า นายกนกทำหน้าที่รายงานข่าวอย่างไม่เป็นกลาง และเลือกข้าง ประกอบกับกรณีความเห็นต่างทางการเมืองที่ลุกลามบานปลาย จนถึงขั้นที่ทำให้นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หนึ่งในกลุ่มนิติราษฎร์ ถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ
พร้อมกันนี้ยังได้เสนอกับพิธีกรชื่อดังว่าถ้าจะรายการแบบนี้ให้ไปทำในสถานีโทรทัศน์ที่เลือกข้างชัดเจน
เหตุการณ์ในวันนั้นได้รับการเผยแพร่ทาง เครือข่ายออนไลน์อย่าง "ยูทูบ" และ เว็บไซต์ www.go6tv.com จนทำให้มีสื่อกระแสหลักมากมายนำมาขยายต่อ
ล่าสุด พรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาแถลงข่าวว่า เหตุการณ์นี้ถือเป็นพฤติกรรมคุกคามสื่อ อีกทั้งได้โชว์ภาพถ่ายระหว่างนายจิรปาณ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และระบุว่า คงเป็นศิษย์รักของ พ.ต.ท.ทักษิณ อีกคน เป็นเพียงเครื่องมือของ พ.ต.ท.ทักษิณ
จ.เจตน์" หรือ นายจิรปาณ ศรีเนียน เป็นคนกรุงเทพฯ ปกติแล้วมีอาชีพขายรถมือสอง และมีกิจการขายสินค้าเกษตรเล็กๆที่ จ.พะเยา เคยทำวิทยุชุมชนตอนที่ยังไม่มีเรื่องการเมืองกับชาวบ้านที่ จ.พะเยา ปัจจุบัน จัดรายการให้กับสถานีโทรทัศน์เอเชียอัพเดท ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 13.00 น.
"มติชนทีวี" เชิญ "จ.เจตน์" มาพูดคุยถึงเหตุการณ์ในวันนั้น ตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับการไปยื่นหนังสือถึงพิธีกรชื่อดัง เป็นการคุกคามสื่อจริงหรือไม่? เขาเป็นเครื่องมือของ พ.ต.ท.ทักษิณจริงหรือเปล่า? ฯลฯ
คำตอบทั้งหมดอยู่ในคลิปต่อไปนี้
ไปมายังไงถึงได้ไปหาคุณกนก?
ผมเป็นคนเสื้อแดง แต่ว่าเป็นคนเสื้อแดงที่มาจากภาคประชาชนจริงๆ ไม่ได้มีส่วนร่วมกับการนำอะไรเลย เป็นคนชุมนุมเฉยๆ ตลอดเวลาการทำงานช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา เราจะเห็นการทำงานของสื่อที่อยู่ในช่องหลักหลายคนที่มีทัศนคติชัดเจน หรือมีความรู้สึกชัดเจนไปข้างใดข้างหนึ่ง คือในสภาวะที่สังคมเขามีความแตกแยก 2 ความคิดชัดเจน จะรีบไปชี้ว่าข้างใดข้างหนึ่งถูกผิดทันทีผ่านสื่อหลักผมว่าไม่สมควร เพราะฉะนั้นใครที่ได้ฟังผมพูด จะชัดว่าไปอยู่ในสื่อเลือกข้างซะเลย จะง่ายกว่าเวลาอยู่ในสื่อกลาง
ที่เริ่มรู้สึกว่าน่าจะไปหาคุณกนก เริ่มมาจากที่อาจารย์วรเจตน์ ภาคีรัตน์ ถูกทำร้าย ผมรู้สึกว่า ไปถึงกันนั้นแล้วนะสังคม คนเราพอเห็นต่างก็เข้าไปชกกันเลย พอมาย้อนดูก็คล้ายๆกับสมัย 6 ตุลาคม 2519 ที่พอมีใครเห็นต่างก็เริ่มทำร้ายร่างกาย จุดเริ่มต้นมาจากอะไร? ก็มาจากสื่อ สมัยนั้น สื่อหลายสิ่งหลายอย่างทำให้คนเริ่มรู้สึกเกลียดชังกัน เพราะฉะนั้นพอเกิดปรากฏการณ์ที่อาจารย์วรเจตน์ถูกทำร้ายร่างกาย ก็เลยมานั่งคิดว่าเกิดจากอะไร และที่สำคัญ คนข้างหนึ่งของสังคมเขาเจ็บปวดกับสิ่งที่เห็น ภาพคนร้ายออกมาแถลงข่าวกับตำรวจ แล้วก็เหมือนกับไม่เกรงกลัวอะไรเลย ภาพคนร้ายบอกว่าเขาสามารถทำร้ายนักข่าวได้ด้วย แล้วพอหลังจากที่เขากลับไป คนร้าย 2 คนนั้นกลายเป็นฮีโร่ของสังคมข้างหนึ่ง ถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น? ความรู้สึกของคนอีกข้างหนึ่งที่เจ็บปวด ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันก็เหมือนกับถูกอัดเอาไว้ เราก็เลยนึกขึ้นได้ว่า การสะสมการทำงานของสื่อเลือกข้างที่อยู่ในช่องทางหลักมันทำให้สังคมเอียงมานานแล้ว
เราก็เลยมานึกถึงว่า คุณกนกเป็นคนหนึ่งที่เราคิดว่าเป็นแบบนั้น เลยไปหาเขา เอาความรู้สึกพื้นฐาน ไปบอกเขาหน่อยว่า เหตุการณ์มันลุกลามมาจนถึงจุดนี้แล้วนะ และที่สำคัญก็คือว่า ประมาณเดือนที่แล้ว มีประเด็นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศิษย์เก่าคณะวารสารศาสตร์ ซึ่งมีชื่อคุณกนกไปพัวพันในลักษณะต่อต้านกลุ่มนิติราษฎร์ ซึ่งคุณกนกนั้นมีชื่อเสียง เป็นบุคคลสาธารณะอยู่ในช่องหลัก การมีชื่อไปพัวพันทำให้คนเอียงไปตามเขาได้ง่ายกว่า ประเด็นคือตรงนี้ เราก็เลยไป
การไปวันนั้นได้นัดล่วงหน้าไหม?
เราโทร.ไปบอกฝ่ายรายการล่วงหน้า ไปหาวันศุกร์ที่ 2 มีนาคม ตอนประมาณบ่ายๆ ได้โทร.ไปบอกฝ่ายรายการ โทร.ไปตรงๆ ไม่ได้มีเส้นสายอะไร วันนั้น รปภ.ยังทราบเลย ขณะที่เราไปนั่งรออยู่ที่ตึกปฏิบัติการ พอเขามาทัก เราก็บอกมีการนัดหมาย เขาก็รู้ และในกลุ่มเราที่ไป หลายคนก็จริง แต่รูปลักษณ์แต่ละคนเป็นผู้หญิงสูงวัย เป็นคนหลากหลายอาชีพที่ดูแล้วไม่ได้มีปัญหาอะไร
บอกก่อนไหมว่าเป็นคนเสื้อแดง?
ตอนแรกยังไม่ได้บอกชัดเจน เพียงแต่ว่าพอได้คุยเราก็บอก แต่ลักษณะในระหว่างที่เรารออยู่ปรากฏชัดอยู่แล้ว โดยสายตาก็จะพอมองออกว่าพวกเราเป็นมวลชนคนเสื้อแดง แต่ต้องแยก คนชอบมองว่าคนเสื้อแดงเป็นเครือข่ายมาจากการเมือง มาจากที่โน่นที่นี่ จริงๆแล้วไม่ใช่ คนเสื้อแดงเป็นคนธรรมดามากมาย เป็นคนที่เขารู้สึกรักความถูกต้อง
ที่ชวนกันไปเป็นคนที่เรารู้จักกันอยู่แล้ว หรือบางคนที่ไม่รู้จักก็เป็นคนที่เราพูดคุยกัน ทุกคนมีความเห็นขึ้นมาพร้อมกัน ถ้าพูดตรงๆ ไม่ต้องอ้อมค้อม มันเป็นความจริงอยู่ว่า ในเมื่ออาจารย์วรเจตน์ถูกคนข้างหนึ่งเกลียดแล้วไปทำร้าย คุณกนกก็มีโอกาสที่ถูกคนอีกข้างหนึ่งเกลียดเหมือนกัน เพราะฉะนั้นการที่เราเข้าไป เหมือนกับการผ่อนคลายตรงนี้ด้วย กลุ่มพวกผมที่ไปเป็นกลุ่มที่ทำงานที่ไม่ใช้ความรุนแรง เราไปคุย ภาพที่ปรากฏออกมาก็เหมือนกับคุณกนกก็ได้ผ่อนคลายออกมาแล้วจากความรู้สึกของคนอีกฟากหนึ่ง
วันนั้นนัดไว้กี่โมง?
ก่อนช่วงอัดรายการ แต่ว่าบางทีการนัดลักษณะนี้ เหมือนกับการนัดไม่เคลียร์เท่าไหร่ เพียงแต่เขารับรู้ว่าเราจะไป อย่างถ้าใครเห็นในภาพ ที่เหมือนกับตัวผมเองวิ่งเข้าไป นั่นไม่ใช่อะไรหรอก เป็นเพราะการประสานงานการนัดไม่ชัดเจนมาก รปภ.เขารู้ แต่ไม่ได้มีเจ้าหน้าที่มาบอกเราว่าอะไรยังไง เราบอกชัดเจนว่า จะมายื่นหนังสือคัดค้านการทำงานผ่านสื่อหลักของคุณกนก พอไม่ชัดเจน ตัวคุณกนกอาจไม่รู้ พอเราเห็นคุณกนกก็เลยรีบวิ่งไปบอก ภาพเลยเหมือนกับว่าวิ่งเข้าไปคุกคาม จริงๆแล้วไม่ใช่เลย ถ้าดูดีๆจะเห็นว่าหัวเราะกันด้วย
คุณกนกตกใจหรือเปล่า?
ไม่ตกใจ เพราะตรงนั้นก็มี รปภ. เยอะแยะ และอีกอย่างลักษณะรูปลักษณ์ของกลุ่มพวกผมที่ไปก็ดูปลอดภัย ถึงผมจะตัวใหญ่แต่ผมก็ไม่ได้ดูน่ากลัวอะไร
รายละเอียดของหนังสือที่ไปยื่นมีอะไรบ้าง?
ข้อ 1 คือ ขอทักท้วงการทำงานผ่านสื่อหลักที่ผ่านมาว่า มันมีโอกาสที่จะสร้างความรู้สึกกับคนอีกข้างหนึ่งได้ และข้อที่ 2 คือ ถ้าเช่นนั้น มีสื่อทางเลือกชัดเจน คุณกนกสามารถไปทำหน้าที่ตรงนั้นได้ ดีกว่ามาอยู่ในช่องทางหลัก คนที่ดูทีวีหลักมีคนหลายความคิดบางทีก็ควรจะได้ดูข่าวในลักษณะใครทำอะไร ที่ไหน อย่างไร น่าจะโอเค ในภาวะที่วันนี้สังคมแตกแยกทางความคิดอย่างรุนแรง
ย้อนไปก่อนรัฐประหารปี 49 ก่อนหน้านั้นจะคุยข่าวใส่อารมณ์ยังไงก็ไม่มีผลกระทบกับสังคม ในขณะที่ช่วงที่มีเหตุการณ์ชุมนุม 2 ปีซ้อน มีคนที่อยู่ในช่องหลัก แล้วมาพูดเหมือนกับว่าคนที่อยู่ในช่องนี้ ทำร้ายบ้านเมืองอยู่ตลอดเวลา แต่คนกลุ่มนั้นซึ่งเป็นคนกลุ่มใหญ่ของสังคมเขาจะคิดอย่างไร และความจริงก็ยังไม่ปรากฏชัดเจนจนทุกวันนี้ เราก็เลยบอกว่าไปอยู่สื่อเลือกข้างเลยจะดีกว่า
หนังสือยื่นต่อทางผู้บริหาร อ.ส.ม.ท. หรือต่อตัวคุณกนก?
ต่อคุณกนก วันนั้นคุณกนกเขามาพูดคุยเยอะ และมันดึกแล้วเราก็ไม่ได้ยื่นต่อ และก็รู้สึกว่าคุณกนกที่พูดคุยมากับพวกเรามันโอเคกันดี เรียกว่าไม่ถึงกับรักกันดี แต่หมายถึงว่าเข้าใจกันพอสมควรตรงนั้น แล้วต่างฝ่ายก็ต่างเข้าใจกัน ต่างฝ่ายต่างปรับลดความไม่เข้าใจกันลงบ้าง เพียงแต่ว่ายังไม่ได้ออกอากาศไปแค่นั้นเอง เพิ่งออกแค่ 2 ตอน
คุยกันนานมั้ยวันนั้น?
40 กว่านาที ผมเชิญเจ้าหน้าที่ของช่อง 9 ให้เขามาฟังด้วย
ดูท่าทางเตรียมตัวไปอย่างดี มีกล้อง ทีมงานไปด้วย?
ที่เอากล้องไป ก็เป็นเพราะเรามีทีมกล้อง ผมเป็นคนเสื้อแดงอาสา และทำกิจกรรมด้านนี้ ก่อนการชุมนุมปี 2553 ตัวผมเองเป็นคนไปร่วมฟังปราศรัย ร่วมชุมนุม รับรู้ความรู้สึกของคนในนั้น และก็ถูกบิดเบือน พอหลังจากสลายการชุมนุม ผมอาจพูดเป็นบ้าง สถานีเอเชียอัพเดท เขาก็มองเห็นว่าให้มีสัดส่วนประชาชนบ้างมาพูด ทำกิจกรรมผ่านสื่อบ้าง ทุกคนที่ทำเป็นอาสาหมดเลย
ทำกิจกรรมกับคนเสื้อแดงมานานแล้ว?
ทำมาเรื่อยๆ ไม่เคยปฏิเสธว่าไม่ใช่คนเสื้อแดง แต่ต้องให้ชัดนะว่า ฝ่ายคนที่กล่าวโทษมาว่าผมเป็นสื่อเลือกข้าง ก็ใช่ ผมอยู่ในสื่อเลือกข้าง ผมแค่จะบอกว่า ถ้าจะเลือกข้างก็ไปอยู่ในสื่อเลือกข้างให้ชัดไปเลย นี่คือประเด็นหลักของเรา
หนังสือเรียกร้องไม่ได้ถึงขั้นให้ปรับคุณกนกออก?
ไม่ถึงจุดนั้น เจตนารมย์เราคือแค่ไปบอกว่าคุณก็เป็นปัญหาส่วนหนึ่งเหมือนกันของอารมณ์ของคนในสังคม ข้างหนึ่งเขาต้องนั่งดูสไตล์ของคุณ ตัวคุณกนกเองก็ยอมรับในเบื้องหลังว่า โอเคเขาจะปรับลดภาษาทางกายเขา เขาก็บอกว่าหลังเลือกตั้งเขาเปลี่ยนไปเยอะมากแล้ว ปรับลุกแล้ว แต่ว่าความรู้สึกก่อนเลือกตั้งคนยังจำได้อยู่ การคุยทั้งหมดวันนั้นเราคุยกันดี
ทำไมถึงออกมาตอนนี้ ทั้งคุณกนกก็ชัดเจนมานานแล้ว?
มันพ่วงกับความรู้สึกที่อาจารย์วรเจตน์ถูกชก ผมเป็นคนหนึ่งที่รู้สึกเจ็บขึ้นมาว่า เฮ้ย! มันเกิดอะไรขึ้น และเชื่อว่ามีคนอีกจำนวนมากที่คิดในทางคล้ายๆผม คนทำร้ายไม่ถูกอะไร ปรับแล้วก็เฉยๆไป มันจึงเป็นแรงบันดาลใจว่า วันนี้เราต้องบอกอะไรกับอีกฟากฝ่ายความคิดบ้างแล้วล่ะ ว่าเป็นเพราะว่าการนำเสนอข่าวแบบนี้หรือเปล่า ทำให้คนเอาไปเป็นชนวน เพราะว่ามันมีชื่อคุณกนกไปพัวพัน
ที่บอกว่า คุณกนกเป็นไอดอลแรกปัญหาความขัดแย้งอยากให้อธิบายหน่อย?
ตรงนี้ผมอาจจะพูดเร็วไป คือ ก็เป็นความจริง ถ้าถามคนเสื้อแดง เขานั่งดูทีวีทุกวัน เขาจะพูดเป็นเสียงเดียวเลยว่า รู้สึกไม่พอใจท่าทางการนำเสนอข่าวของคุณกนก ถ้านับ 1 ใน 3 ติดแน่นอน คำว่าไอดอลหมายความว่าซุบเปอร์สตาร์ แบบอย่าง ใช่มั้ย? ก็นั่นแหละ ผมอาจจะพูดรวบเร็วไปหน่อย แต่ตวามหมายก็คือว่า ไปถามคนเสื้อแดง ลองพูดสิว่าคนที่พูดอยู่สื่อหน้าจอหลัก ใครที่พูดมาแล้วอารมณ์ขึ้นก่อน ก็มีคุณกนก
จริงๆแล้วการไปพูดคุยกันในครั้งนี้ ถ้ามองให้ดี นี่เป็นทางหนึ่งให้คนที่คิดไม่เหมือนกันได้มีโอกาสพูดกัน "คิดต่าง ไม่คิดต่อย" ถ้าคนเห็นไม่เหมือนกันได้พูดกัน อาจจะยังไม่ถึงกับเห็นด้วยหรอก แต่อาจจะเริ่มทีละ 10 เปอร์เซ็นต์ แต่ละข้างกลับบ้านไป จากที่เคยไม่เข้าใจ 100 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 90 เปอร์เซ็นต์ ปรากฏการณ์นี้น่าจะเป็นปรากฏการณ์ที่ดี ทุกคนได้ประโยชน์หมด คนเสื้อแดงเห็นกลุ่มอย่างพวกผมเข้าไปทักคุณกนกถึงตัว เขาก็จะผ่อนคลายว่าอย่างน้อย ฟากฝั่งความคิดหนึ่งก็ได้ผ่อนคลายว่าฟากฝั่งความคิดหนึ่งก็มีการเข้าไปทักถึงตัวบ้าง แต่ก็ไม่ได้มีความรุนแรงอะไร
ก่อนหน้านั้นไม่ชอบท่าทีการจัดรายการของคุณกนก แต่ได้พูดคุยวันนั้นแล้วก็ดีขึ้น?
เรียกว่าได้ส่วนลดมาสัก 10 เปอร์เซ็นต์แล้วกัน เขาก็ต้อนรับดี ให้เกียรติกับทางคณะของเราเป็นอย่างดี ผมเชื่อว่า อย่างน้อย ภาพการที่คุณกนกได้พูดคุยกับพวกผมออกไป สายตาของคนเสื้อแดงได้เห็น ได้ดู เขาจะรู้สึกผ่อนคลาย คุณกนกก็จะรู้สึกเซฟตี้ขึ้นเยอะในสังคม
มีคนมองว่า การที่ไปบอกว่าคุณกนกว่าอาจจะถูกชกได้ด้วยเหมือนกัน เป็นการคุกคามสื่อ?
แล้วจะให้ผมพูดว่าอย่างไร ผมไม่มีคำพูดไหนแปลคำนี้ได้ ในเมื่อคนอย่างอาจารย์วรเจตน์ซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะและเป็นเป้า ก็โดนเข้าไปต่อย แล้วคุณกนกซึ่งผมอยู่ในสังคมนี้ผมทราบดี แล้วผมจะต้องสื่อคำพูดไหนออกไป ผมต้องสื่อคำพูดไหนดี การที่เรามาวันนั้น มันทำให้คนหลายคนได้เห็นว่า คุณกนกได้รับข้อทักท้วงจากพวกเราแล้ว โอกาสก็จะเซฟตี้ลง ใครที่อาจจะคิดร้าย ก็อาจจะเออ.. คุณกนกได้ถูกทักท้วงแล้ว เป็นข้อดีนะ ตัวคุณกนกยังขอบคุณเลย ซึ่งผมยังไม่ได้นำออกอากาศ เขาชอบ เขารู้สึกดีนะที่ผมพูดแบบนั้น
มีคนอื่นๆอีกมั้ยที่คุณมองว่าอาจเป็นปัญหานำสู่ความรุนแรง?
เมื่อก่อนมีเยอะนะ แต่พอหลังเลือกตั้งก็ลดลงไปเยอะ ตัวคุณกนกก็เชื่อว่าเปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน เพียงแต่ว่าการจำของคนยังจำในช่วงก่อนอยู่
ถ้าจะมองปรากฏการณ์อาจารย์วรเจตน์ เหมือนกับคุณกำลังจะบอกว่าคุณกนกเป็นส่วนหนึ่งทำให้อาจารย์วรเจตน์ถูกชก?
มันคือภาพรวม เรื่องของอาจารย์วรเจตน์คล้ายเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 19 มาก วันนั้นมีวิทยุยานเกราะ มีหนังสือพิมพ์ดาวสยาม มีการออกมาปลุกปั่นเรื่องสุ่มเสี่ยงต่อความรู้สึกกันบ่อยๆ จนนำมาสู่เหตุทำร้ายร่างกาย อันนี้ก็คล้ายๆกัน มันเริ่มจากสื่อก่อน
ทางพรรคประชาธิปัตย์เอารูปของคุณกับ พ.ต.ท.ทักษิณ มาแสดง แล้วบอกว่าเป็นศิษย์รัก ไม่มีอุดมการณ์อะไร เป็นเครื่องมือ พ.ต.ท.ทักษิณ ตรงนี้จะว่าอย่างไร?
กี่ครั้งกี่หนเขาก็พูดอย่างนี้ เขาจะไม่มีทางพูดเป็นอื่นไปได้ คนเสื้อแดงจะถูกพูดว่าไม่กี่อย่าง คือ ไปรับเงินท่านทักษิณ อย่างผมเรียกท่านนี้ก็ว่าอีกแล้ว ว่าไปรับเงิน ถูกจ้างมา จะตั้งโจทย์แรกไว้ก่อน จริงแล้วประชาชนในต่างประเทศมีภาพออกมาเยอะแยะไป นายกทักษิณเขาเข้าพบง่ายในต่างประเทศ เวลาเขาเดินทางไปที่ไหน เจอคนไทยที่ไหน เขาถ่ายรูปเป็นเรื่องปกติ
รูปที่ถ่ายคู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นก็ที่ต่างประเทศ?
ใช่ครับ นานแล้ว เป็นเรื่องปกติ
ได้คุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เรื่องอะไรบ้าง?
ผมไม่ได้สำคัญขนาดจะไปคุยได้ เป็นแค่ไปสังเกตุการณ์ในฐานะที่เป็นคนให้กำลังใจเขา คณะที่ผมไปก็มีเยอะ คนที่ไปให้กำลังใจ ไม่ได้ไปขอตำแหน่งอะไร ไปโดยบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้คุยอะไรยาว ฟังเขาเล่าเรื่องราวชีวิตในต่างประเทศ ไม่ได้มีลึกซึ้งซับซ้อน
สถานการณ์ที่สื่อเลือกข้างมากมายทุกวันนี้ ก็อาจนำไปสู่ความรุนแรงได้ มองเรื่องนี้ยังไง?
มันเป็นธรรมชาติ ไปบอกให้ถอยคงไม่ถอยแน่นอน แต่ผมแค่บอกว่า อย่าอยู่ในสื่อกลาง ถ้าไปอยู่ในสื่อนั้น สร้างมวลชนตัวเองโดยลีลาทางการเมืองอะไรเต็มที่ไปเลย เรื่องความขัดแย้งทางการเมืองมันซับซ้อน ผมถึงบอกว่า การที่ผมไปพบคุณกนก อาจเป็นสิ่งที่ดีกับสังคมก็ได้ ที่เห็นว่าคนที่เห็นต่างก็เริ่มมาพูดคุยกัน และต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันกลับไปโดยปกติ และมีการปรับลดท่าทีกันลงบ้างเล็กน้อย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น