แต่ปรากฏว่า ในแต่ละมาตราเล็กๆ กลับโดนเตะถ่วงด้วยฝีมือของพรรคประชาธิปัตย์ เช่น ในมาตรา 2 ที่ระบุว่า “ให้รัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้นับแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา”
ซึ่งเป็นคำปกติ ที่ใช้อยู่ในกฏหมาย ทุกฉบับ แต่ฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังหยิบยกขึ้นมาถกเถียงในที่ประชุมเสียเวลาไปเป็นวันๆ จึงเชื่อว่าเป็นความพยายามเล่นเกมที่ต้องการยื้อให้การพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญล่าช้าออกไปให้ถึงที่สุด อีกทั้ง กมธ.ยังต้องรอให้สมาชิกแปรญัตติตามที่ที่ประชุมกำหนดภายใน 30 วัน กว่าจะสิ้นสุดก็ช่วงปลายเดือน มี.ค.นี้ และยังมีขั้นตอนในการเชิญผู้ขอแปรญัตติเข้าชี้แจงในที่ประชุมอีก ส่วนตัวจึงมองว่าคงไม่ทันในสมัยประชุมสมัยนิติบัญญัติที่จะปิดในวันที่ 18 เม.ย.นี้
“คาดว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญคงเสร็จไม่ทันสมัยประชุมนี้ และยังอีกนานกว่าจะได้ข้อยุติ บรรยากาศการประชุมก็มีแต่น้ำ ไม่มีเนื้อหาสาระอะไร ท้ายที่สุดหากไม่สามารถสรุปได้ ก็คงจำเป็นต้องการลงมติเพื่อให้ได้ข้อยุติ ส่วนการจะขอเปิดประชุมสภาฯสมัยวิสามัญนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ ต้องรอดูสถานการณ์เป็นระยะๆ” นายวรวัจน์ กล่าว
มีรายงานข่าวทางลึกเปิดเผยว่า เหตุที่ พรรคประชาธิปัตย์พยายามเตะถ่วงทุกมาตรา จนในที่ประชุมไม่สามารถดำเนินการพิจารณาร่างฯ ไปได้นั้น เพราะ พรรคประชาธิปัตย์ ต้องการถ่วงให้การแก้ไขรัธรรมนูญดังกล่าวนี้ เลยกำหนดเดือนสิงหาคม เพราะจะครบรอบ 1 ปีวันแถลงนโยบายของรัฐบาล เพื่อหาเรื่องใส่ร้ายว่ารัฐบาลไม่สามารถทำตามนโยบายได้ และข้อที่ 2 พรรคประชาธิปัตย์ จะอาศัยช่วงเวลาจากนี้ไปค่อยใส่ร้าย ไม่ว่าจะเป็นข้อหาว่าแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อล้มเจ้า เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น