วันที่ 20 มี.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา เข้ายื่นหลักฐานเพิ่มเติมกรณีร้องคัดค้านการสรรหา ส.ว. รวม 3 กรณี ประกอบด้วย 1.องค์ประกอบของคณะกรรมการสรรหา ส.ว.ชอบหรือไม่ 2.องค์กรที่เสนอรายชื่อของ ส.ว.สรรหา ชอบหรือไม่ และ 3.ส.ว.สรรหา มีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่ ตามที่ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนไปก่อนหน้านี้ โดยในวันนี้ได้นำหลักฐานมายื่นเพิ่มเติม คือ หนังสือของศาลฎีกาที่แต่งตั้งนายมนตรี ศรีเอี่ยมสะอาด ให้เป็นคณะกรรมการสรรหา ส.ว. เมื่อเดือน พ.ย. 50 ในตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกา แต่การเสนอรายชื่อของนายมนตรีในปี 2554 ถูกเสนอชื่อในตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโส ซึ่งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 219 (4) และมาตรา 113 มีการแยกผู้พิพากษาอาวุโสศาลฎีกากับผู้พิพากษาไว้อย่างชัดเจน จึงมองว่านายมนตรีมีคุณสมบัติไม่ครบถ้วน และการที่นายมนตรีเป็น 1 ในคณะกรรมการสรรหา ส.ว. น่าจะทำให้คณะกรรมการดังกล่าวไม่ชอบ เพราะคณะกรรมการสรรหาส.ว.ต้องเป็นผู้พิพากษาในศาลฎีกา เรื่องดังกล่าวอาจจะส่งผลให้ ส.ว.สรรหาทั้ง 73 คน ไม่ชอบตามไปด้วย ทั้งนี้มองว่าหาก กกต.พิจารณาแล้วว่าการที่นายมนตรี มีคุณสมบัติไม่ครบและทำให้การทำงานของคณะกรรมการสรรหาไม่ชอบ แต่ก็ไม่น่าจะกระทบกับการทำงานของ ส.ว.ทั้งหมด เพราะ ส.ว.สรรหามีเพียงครึ่งเดียว ทั้งนี้การร้องให้ตรวจสอบยังอยู่ในกรอบระยะเวลา 1 ปี และแม้จะพ้นกำหนด 1 ปีไปแล้ว แต่ถ้ามีการร้อง กกต. ก็ต้องหยิบมาพิจารณาและส่งให้ศาลฎีกาวินิจฉัย
ส่วนกรณีที่ยื่นคัดค้าน ส.ว.บางคนที่ไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง และจะทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ว. นั้น นายเรืองไกร กล่าวว่า ล่าสุด กกต.มีหนังสือด่วนให้ตนเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ส.ว.ที่ไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ซึ่งตนมีข้อมูลเพียงบางส่วนที่พบว่ามี ส.ว.ที่ไม่ใช้สิทธิ์เลือกตั้งประมาณ 10 คน แต่เท่าที่ตนสามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้พบว่ามี ส.ว.ที่ไม่ใช้สิทธิ์เลือกตั้งมีเพียง 2 คน ที่เหลือยังไม่สามารถยืนยันได้ ที่เหลือทางคณะอนุกรรมการสอบข้อเท็จจริงจึงมีความเห็นควรให้ตรวจสอบ ส.ว.ทั้ง 73 คนว่าใช้สิทธิ์เลือกตั้งครบถ้วนหรือไม่ ซึ่งคณะอนุกรรมการฯได้แจ้งว่าน่าจะทราบผลการตรวจสอบภายใน 7 วัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น