"อียู" แถลงไม่ยอมรับการเลือกตั้ง
ผลเลือกตั้งพม่ารอบแรก57คน
เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน มีรายงานความคืบหน้าสถานการณ์การเมืองในพม่าระบุว่า คณะกรรมการสหภาพการเลือกตั้ง (ยูอีซี) ของพม่าได้ประกาศผลการเลือกตั้งทั่วไปที่มีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปีของพม่าแล้วบางส่วนตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งมีขึ้นหลังการปิดหีบเลือกตั้งในช่วงเย็นวันเดียวกันเพียงไม่กี่ชั่วโมง โดยผู้ชนะที่ได้รับการประกาศชุดแรกนี้ส่วนใหญ่มาจากเขตเลือกตั้งที่มีผู้สมัครเพียงคนเดียวจึงทำให้ชนะไปโดยปริยาย โดยกว่า 2 ใน 3 เป็นผู้สมัครจากพรรคสหสามัคคีและการพัฒนา(ยูเอสดีพี) ซึ่งเป็น 1 ใน 2 พรรคการเมืองที่รัฐบาลทหารพม่าหนุนหลังอยู่ ขณะเดียวกันมีรายงานเกิดเหตุปะทะกันอย่างหนักระหว่างทหารพม่ากับกองกำลังติดอาวุธชนกลุ่มน้อยชาวกะเหรี่ยงพุทธ(ดีเคบีเอ)ในจังหวัดเมียวดีติดกับชายแดนไทยหลังผ่านพ้นการเลือกตั้งไปได้เพียงวันเดียว
สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานอ้างสถานีวิทยุและโทรทัศน์ของทางการพม่าระบุว่า หลังปิดหีบเลือกตั้งไม่กี่ชั่วโมง คณะกรรมการสหภาพการเลือกตั้งของพม่าได้ประกาศผลผู้สมัครที่ได้รับเลือกตั้งเข้าสู่รัฐสภาพม่าชุดแรกจำนวน 57 ที่นั่งจากที่มีการแข่งขัน 1,159 ที่นั่ง โดยในจำนวนนี้ 55 ที่นั่งเป็นผู้สมัครจากเขตเลือกตั้งที่มีผู้ลงสมัครแข่งขันเพียงคนเดียวจึงทำให้ชนะการเลือกตั้งไปโดยปริยาย ส่วนอีก 2 ที่นั่งเป็นการคว้าชัยชนะเหนือคู่แข่ง
พรรครัฐบาลหนุนคว้า 41 ที่นั่ง
ซินหัวระบุว่า จำนวน 57 ที่นั่งที่มีการประกาศผลผู้ได้รับเลือกตั้งไปแล้วนั้นเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือส.ส.จำนวน 12 ที่นั่ง เป็นสมาชิกสภาชนชาติ 8 ที่นั่ง และอีก 37 ที่นั่งได้รับเลือกเป็นผู้แทนระดับแขวงหรือรัฐ โดยที่มีผู้สมัครจากพรรคยูเอสดีพี ที่รัฐบาลทหารพม่าหนุนหลังได้รับเลือกเข้าสู่สภาไปแล้ว 41 ที่นั่ง ส่วนที่เหลือเป็นการแบ่งสรรกันไประหว่างพรรคองค์การแห่งชาติพะโอ พรรคประชาธิปไตยและการพัฒนารัฐคะยา พรรคแห่งชาติปะโหลง และพรรคเอกภาพแห่งชาติ
ส่วนแกนนำระดับสูงในรัฐบาลพม่าที่ได้รับเลือกเป็นส.ส. อาทิ นายอู ซอ เต็ง รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม และ นายอู หม่อง หม่อง ส่วย รัฐมนตรีกระทรวงสวัสดิการสังคม บรรเทาทุกข์และการตั้งถิ่นฐานใหม่ ส่วนนายอู เต็ง อ่อง รัฐมนตรีกระทรวงป่าไม้ และนายอู ญาน วิน รัฐมนตรีต่างประเทศพม่า ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้แทนเขตเลือกตั้งระดับแขวงหรือรัฐ
สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า 2 พรรคใหญ่ที่รัฐบาลทหารหนุนหลังอยู่คือ ยูเอสดีพีและพรรคเอกภาพแห่งชาติ(เอ็นยูพี)จะคว้าชัยชนะอย่างชัดเจนในการเลือกตั้งครั้งนี้ที่นานาชาติประณามว่าไม่บริสุทธิ์และไม่เป็นธรรม แม้สื่อโทรทัศน์ทางการพม่าจะรายงานว่าการเลือกตั้งเป็นไปอย่างกว้างขวาง ประชาชนมีอิสระในการออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งก็ตาม สื่อทางการพม่ายังเผยแพร่ภาพพล.อ.อาวุโส ตาน ฉ่วย ผู้นำสูงสุดของพม่าและแกนนำระดับสูงในรัฐบาลทหารออกไปใช้สิทธิด้วย
"อียู"แถลงไม่ยอมรับเลือกตั้งพม่า
ส่วนปฏิกริยาของนานาชาติยังคงมีออกมาต่อเนื่อง โดยนางแคทเธอรีน แอชตัน หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป(อียู) ออกแถลงการณ์ระบุว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐานสากลที่ยอมรับได้
ขณะที่กระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่นแสดงความผิดหวังที่นางออง ซาน ซูจี ผู้นำฝ่ายค้านพม่า ไม่ได้รับการปล่อยตัวไปใช้สิทธิเลือกตั้ง และเรียกร้องให้รัฐบาลพม่าปล่อยตัวนักโทษการเมือง คืนอำนาจสู่ประชาชนและเคารพหลักเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน การเรียกร้องของญี่ปุ่นให้ปล่อยตัวนางซูจี มีขึ้นก่อนหน้าที่คำสั่งกักบริเวณจะครบกำหนดในวันที่ 13 พฤศจิกายนนี้
แหล่งข่าวจากฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารพม่าในประเทศไทย เปิดเผยกับ " มติชน " ว่า นายคิม อาริส บุตรชายของนางซูจี ซึ่งเดินทางมาพักอยู่ในไทย เดินทางไปยื่นขอวีซ่าเพื่อเดินทางเข้าพม่า ที่สถานเอกอัครราชทูตพม่าประจำประเทศไทย อย่างไรก็ตาม คำขอวีซ่าของนายอาริสยังไม่ทราบผล จนกว่าทางสถานทูตพม่าในไทย จะได้รับคำแนะนำจากกระทรวงต่างประเทศพม่า ที่กรุงเนปยีดอว์ เมืองหลวงของพม่า คาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 1-2 วัน ทั้งนี้ นายคิม อาริส ถือวีซ่านักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทย โดยสามารถพำนักอยู่ในประเทศไทยได้ เป็นเวลา 1 เดือน
ทูตญี่ปุ่นเร่งช่วยนักข่าวยุ่น
ส่วนชะตากรรมของนายโทรุ ยามาจิ วัย 49 ปี ผู้สื่อข่าวชาวญี่ปุ่นของสำนักข่าวเอพีเอฟ นิวส์ ซึ่งถูกทหารพม่าจับกุมตัวขณะลอบทำข่าวการเลือกตั้งเมื่อวันก่อน มีรายงานจากสถานทูตญี่ปุ่นประจำเมืองย่างกุ้งและสื่อท้องถิ่นในพม่าระบุว่า นายยามาจิถูกทหารพม่าจับกุมที่เมืองเมียวดี เนื่องจากต้องสงสัยว่าเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยสถานทูตญี่ปุ่นพยายามดำเนินการให้นายยามาจิได้รับการปล่อยตัว ทั้งนี้หนังสือเดินทาง(พาสปอร์ต)ที่นายยามาจิถืออยู่ ใช้ชื่อว่า โทรุ มัตสุโมะโตะ
ส่วนสำนักข่าวเอพีเอฟ นิวส์ ระบุว่าไม่สามารถติดต่อนายยามาจิ ตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายนแล้ว เมื่อเร็วๆ นี้นายยามาจิได้ทวีตข้อความลงในทวิตเตอร์ของตนเอง โดยแสดงความมุ่งมั่นว่าจะพยายามฝ่าด่านความเข้มงวดของรัฐบาลทหารเพื่อเข้าไปรายงานข่าวการเลือกตั้งในพม่าให้ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น