รายงานเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนว่า ในการประชุมศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ที่ประชุมได้มีการอนุมัติให้ดำเนินการกับนายทหารกองทัพอากาศ ยศ "นาวาอากาศตรี"
กรณีมีพฤติกรรมโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค โดยข้อความดังกล่าวเข้าข่ายการหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ซึ่งที่ประชุม ศอฉ.จึงได้สั่งให้ดำเนินการทางกฎหมายทันที
ก่อนหน้านี้ เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมากองทัพอากาศได้แจ้งความดำเนินคดีกับนายทหารยศ "นาวาอากาศตรี" ที่ได้โพสท์ข้อความในเฟซบุ๊กที่อาจเข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่ สน.ดอนเมือง โดยพนักงานสอบสวนได้รวบรวมหลักฐานเพื่อนำขึ้นฟ้องศาล ฐานเข้าข่ายกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 211 และมีทหารเรือสองนายได้ไปพบข้อความจึงแจ้งไปที่กองทัพอากาศให้ดำเนินการ
พล.อ.ต. มณฑล สัชฌุกร โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า กองทัพอากาศได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง พร้อมให้นายทหารพระธรรมนูญ เข้าสอบสวน น.ต.ชนินทร์ คล้ายคลึง หัวหน้าฝ่ายกรมช่างทหารอากาศ โดยต้นสังกัดของทหารนายดังกล่าวได้ไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเบื้องต้นมีคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่งไว้ก่อน เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนดำเนินคดีทางกฎหมาย ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเกิดจากการแจ้งเข้ามาว่าพบการโพสต์ข้อความที่ไม่เหมาะสมหลายครั้ง และนำข้อความเหล่านี้ลิงค์ไปที่อื่นด้วย ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารอากาศให้ความสำคัญเรื่องดังกล่าว เพราะเคยให้นโยบายกับหน่วยขึ้นตรงกองทัพอากาศ ให้กำลังพลทุกคนยึดมั่นในสถาบันพระมหากษัตริย์ และปกป้องสถาบัน สำหรับเรื่องดังกล่าวได้รายงานให้ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ได้รับทราบเมื่อสัปดาห์ก่อน
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบไปยัง แหล่งข่าวจาก ศอฉ. ได้รับการเปิดเผยด้วยท่าทีอึดอัดใจ ว่า กรณีดังกล่าวเป็นความจริง แต่เนื่องจากเป็นเคสที่ค่อนข้างอ่อนไหวอย่างมาก โดยเฉพาะกระทบต่อภาพลักษณ์ของกองทัพทำให้ได้มีการขอร้องในที่ประชุมให้ปิดเป็นความลับก่อน รอจนกว่าได้มีการจับกุมตัวและสอบสวนเป็นที่เรียบร้อยจึงจะได้เปิดเผยเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม เท่าที่ทราบกรณีดังกล่าวเป็นการดำเนินการของกองทัพอากาศเองที่รู้ถึงพฤติกรรมไม่เหมาะสมของนายทหารคนดังกล่าว พร้อมกับได้สั่งพักราชการไปแล้ว ก่อนไปแจ้งความกับตำรวจและอยู่ในระหว่างการรวบรวมหลักพร้อมกับขอศาลออกหมายจับแล้ว อย่างไรก็ตาม เป็นไปได้ว่าศาลจะออกหมายจับนายทหารทั้งสองแล้ว
"เชื่อว่าศาลน่าจะออกหมายจับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ด้วยความที่การดำเนินการเป็นไปในทางลับ ได้มีการกำชับในที่ประชุมให้ปิดเป็นความลับ จนกว่าจะได้มีการจับกุม และสอบสวนเป็นที่เรียบร้อยก่อน จึงไม่มีใครกล้าที่จะออกมาให้ข่าวกรณีนี้" แหล่งข่าวรายเดิมกล่าว พร้อมกับโยนให้ไปถามทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) แทน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น