วันพฤหัสบดีที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

จาตุรนต์ : ข้อสังเกต คลิปฉาวศาลรัฐธรรมนูญ ตอน1


ข้อสังเกต : กรณีคลิปฉาวศาลรัฐธรรมนูญ

จาตุรนต์ ฉายแสง

เรื่องคลิปฉาวภาค ๑ - ๓ เป็นกรณีตัวอย่างที่ผู้อยู่ในวงการยุติธรรม วงการกฎหมาย สื่อมวลชน สถาบันอุดมศึกษาต่างๆและผู้สนใจทั่วไปน่าจะนำมาศึกษาและวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างจริงจัง

เราเคยเห็นนายตำรวจถูกออกจากราชการมาแล้วเพราะคลิปทำนองนี้ ยังมีกรณีอื่นๆอีกมาก เช่น คลิปการฮั้วประมูล เด็กตบตีกัน หรือแม้แต่พระปาราชิกมั่วสีกา คลิปเหล่านั้นมักมีผลทำให้เกิดการลงโทษผู้กระทำผิดตามที่ปรากฏในคลิป

ในกรณีเหล่านั้น ไม่ค่อยปรากฏว่ามีใครสนใจว่าใครเป็นผู้บันทึกหรือใครเป็นผู้เผยแพร่ แต่กรณีคลิปฉาวของวงการตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคราวนี้ กลับได้รับการปฏิบัติอย่างแปลกประหลาดที่สุด

เท่าที่เห็น ดูจะมีแต่การพยายามตรวจสอบว่าใครเป็นผู้บันทึกและผู้เผยแพร่ ทั้งที่ผู้บันทึกและผู้เผยแพร่ไม่น่าจะผิดกฎหมายอะไรเลยด้วยซ้ำ

นอกจากนี้ก็ปรากฏเป็นข่าวว่ามีการสั่งให้บล็อคเว็บไซท์ต่างๆที่เผยแพร่คลิปเหล่านี้ โดยไม่ทราบว่าใช้กฎหมายอะไร ใช้อำนาจอะไรไปทำกันอย่างนั้น

นอกจากนี้ยังเห็นข่าวการสั่งยกเลิกพาสปอร์ตนายพสิษฐ์ ซึ่งก็ไม่ทราบเอากฎหมายอะไรมาทำกันและไม่น่าจะทำได้โดยชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ

ผมไม่รู้จักนายพสิษฐ์ และไม่ต้องการจะทำหน้าที่เป็นปากเสียงให้เขา แต่เข้าใจว่าเขายังไม่ได้รับการพิจารณาดำเนินคดีใดๆ จึงน่าจะต้องปฏิบัติต่อเขาอย่างผู้บริสุทธิ์ เขาน่าจะได้รับการคุ้มครองสิทธิในฐานะคนไทย การไปยกเลิกพาสปอร์ตเขาน่าจะเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย

ในส่วนเนื้อหาของคลิปนั้นมีประเด็นที่เป็นปัญหาอยู่ 2 ส่วน คือส่วนแรกเป็นกรณีที่เกี่ยวข้องกับคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีความพยายามของทนายและนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ที่พยายามวิ่งเต้นศาลรัฐธรรมนูญให้หาทางนำนายทะเบียนพรรคการเมืองมาเป็นพยานให้ได้ นัยว่าถ้ามาได้จะเป็นประโยชน์ต่อพรรคประชาธิปัตย์

ซึ่งก็สอดคล้องกันคือกรณีการหารือของตุลาการบางคนที่หารือกันในที่ประชุมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเอง ที่ต้องการเรียกและให้กระแสสังคมกดดันให้นายทะเบียนพรรคการเมืองมาเป็นพยาน และไม่ต้องการให้กรรมการในคณะกรรมการการเลือกตั้งบางคนมาเป็นพยาน เพราะเกรงว่าจะไม่เป็นผลดีกับพรรคประชาธิปัตย์

ในส่วนนี้สำคัญต่อบ้านเมืองอย่างมาก เพราะเป็นกรณีการยุบพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นพรรคใหญ่ ที่เก่าแก่และยังเป็นแกนนำของรัฐบาลปัจจุบันอีกด้วย

คดีพรรคประชาธิปัตย์จะได้รับการตัดสินอย่างยุติธรรมหรือไม่ จึงเป็นสิ่งสำคัญหาต่อความเป็นไปของบ้านเมืองและมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมของประเทศ

กรณีที่มีการหารือในคลิปเกี่ยวกับคดียุบพรรคประชาธิปัตย์จึงจะต้องมีการสอบสวนพิสูจน์ให้กระจ่าง ก่อนที่จะมีการตัดสินคดีนี้ มิฉะนั้นจะไม่มีใครเชื่อถือผลของการตัดสิน

กรณีที่ 2 เกี่ยวกับการทุจริตในการจัดสอบเพื่อรับคนเข้าทำงานในศาลรัฐธรรมนูญ ขอไว้พูดในโอกาสต่อไปครับ

ไม่มีความคิดเห็น: