วันนี้(27 ส.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มการเมืองสีเขียว(Green Politics) กล่าวเปิดตัวกลุ่มการเมืองสีเขียว ว่า สำหรับการจัดตั้งกลุ่มการเมืองสีเขียวนั้น ความตั้งใจของกลุ่มคนที่ร่วมกันทำงานจะมีการพัฒนากลุ่มฯให้เป็นพรรคการเมือง แต่เป็นเรื่องที่เราไม่ได้ผูกมัดว่าต้องการเป็นพรรคการเมืองในตอนไหน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การเมืองด้วยว่าจะเอื้ออำนวนแค่ไหน ซึ่งหลักการของเราต้องทำให้การเมืองภาคประชาชนเข้มแข็งก่อน เพื่อที่จะทำให้ได้พรรคการเมืองที่มีคุณภาพ ต้องการทำให้การเมืองภาคประชาชนเป็นผู้กำหนดวาะการเมือง เนื่องจากที่ผ่านมาการเมืองภาคประชาชนได้ถูกฉวยโอกาสและถูกบิดเบือนไป โดยถูกใช้เป็นเครื่องมือของพรรคการเมืองมากเกินไป ทำไมโจทย์ต่างๆทางการเมืองจำกัดอยู่ที่พรรคการเมืองและนักการเมือง ที่มีแต่เรื่องของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เอาทักษิณ ไม่เอาทักษิณ ทั้งที่จริงแล้วเรามีปัญหาอื่นอีกมากเช่น ปัญหาชายแดนใต้ ปัญหาสิ่งแวดล้อม วันนี้เราต้องไกลกว่าทักษิณแล้ว อย่าให้ทักษิณมาเป็นอุปสรรคต่อการปฏิรูปการเมือง
นายสุริยะใส กล่าวว่า ตนและกรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่(กมม.) 10 คนที่ร่วมกันรณรงค์โหวตโนกับกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ตัดสินใจลาออกจากสมาชิกพรรคการเมืองใหม่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเราได้ร่วมกับผู้ปฎิบัตงานพรรคบางส่วน ลาออกมาเพื่อขับเคลื่อนสร้างการเมืองแบบใหม่ ในนามกลุ่มการเมืองสีเขียว เน้นการขับเคลื่อนการเมืองที่สะอาด มีประสิทธิภาพ สร้างความเป็นธรรมในทุกๆ เราตระหนักถึงความเสียสละของพี่น้องพันธมิตรฯ ที่สละเวลา แรงกายแรงใจ และทุนทรัพย์มาช่วยงานพรรคการเมืองใหม่ เมื่อบางส่วนอยากทำงานในนามพรรคการเมืองใหม่ต่อก็ทำกัน ตนเคารพการตัดสินใจของทุกคน ส่วนตนเองกับกก.บห. บางส่วนก็เห็นความสำคัญของการสร้างการเมืองแบบใหม่ เมื่อแนวทางต่างกัน ก็แยกทางกันด้วยดี ไม่มีปัญหากับใครที่ผ่านมาถือเป็นบทเรียนที่ตนและทีมงานต้องสรุปบทเรียน โดยเฉพาะทฤษฎี 2 ขา และการจัดความสัมพันธ์ระหว่างพรรคการเมืองกับการเมืองภาคประชาชน
“แน่นอนว่าการทำการเมืองต้องมีฐานเสียงมวลชนรองรับ ที่ผ่านมาเรามีฐานของกลุ่มพันธมิตรฯอยู่ แต่เท่านี้คงไม่พอ ดังนั้นเราจึงได้ประสานงานไปยังเครือข่ายต่างๆ เช่นด้านสิ่งแวดล้อม ด้านเกษตรกร ฯลฯ เพื่อเข้ามาช่วยกันปฏิรูปการเมืองไทยเพื่อเพิ่มอำนาจให้กับประชาชน” นายสุริยะใส กล่าว
นายสุริยะใส กล่าวว่า ตนเป็นห่วงว่าสถานการณ์การเมืองยุครัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ลำพองว่าได้ชัยชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ถ้าใช้อำนาจตรงนี้ไปไถ่บาป หรือไปแก้ไขในสิ่งผิด เชื่อว่ารัฐบาลนี้อยู่ได้ไม่นานแน่นอน อย่างไรก็ดียืนยันว่าพวกเราและกลุ่มพันธมิตรฯ ยังไม่มีโปรแกรมออกมาเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาล แต่จะทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งนโยบายต่างๆที่เราเห็นรัฐบาลเปิดออกมาเป็นประโยชน์ เช่น ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท เงินเดือนปริญญญาตรี 15,000 บาทเป็นต้น เราจึงอยากให้โอกาสรัฐบาลได้ทำงานอย่างเต็มที่ก่อน แต่สายล่อฟ้าที่น่ากังวลคือ เรื่องของคนเสื้อแดง และ 3 เรื่องที่พวกเรายอมไม่ได้และต้องมีการเคลื่อนไหวหรือกำหนดท่าทีทันทีคือเมื่อเราเห็นสัญญาณจากรัฐบาลจะดำเนินการใน 3 เรื่องนี้คือ 1.การนิรโทษกรรมให้พ.ต.ท.ทักษิณ 2.ล้มล้างสถาบัน 3.การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องเหล่านี้เราไม่เห็นด้วยและยอมไม่ได้แน่นอน
นายสุริยะใส กล่าวว่า ส่วนอีกเรื่องที่น่าเป็นห่วงคือเรื่องคนเสื้อแดงนั้น ขณะนี้มีพฤติกรรมก้าวร้าวขึ้นทุกวัน เราจึงอยากเห็นความจริงใจของรัฐบาลในการปรามคนเสื้อแดง อย่าให้คนเสื้อแดงกลายเป็นอันธพาลการเมือง อย่าทำให้ประเทศนี้ประหนึ่งเป็นของคนเสื้อแดง พฤติกรรมก้าวร้าวต่างๆเป็นสิ่งน่ากลัว แต่จะน่ากลัวมากที่สุดหากพฤติกรรมเหล่านั้นมีรัฐบาลหนุนหลังอยู่ บ้านเมืองจะไปไม่รอด ก็หวังว่ารัฐบาลจะจริงใจแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้
เมื่อถามว่ากรรมการบริหารพรรค 10 คนที่ลาออกมีใครบ้าง นายสุริยะใส กล่าวว่า มีตน นายทศพล แก้วทิมา นายพิเชฏฐ พัฒนโชติ นายสำราญ รอดเพชร เป็นต้น ซึ่งเรื่องการลาออกมาทำกลุ่มการเมืองสีเขียวนี้ ตนได้ปรึกษากับนายสนธิ ลิ้มทองกุล และพล.ต.จำลอง ศรีเมืองแล้ว ซึ่งต่างก็ยินดีไม่ได้มีปัญหาอะไร
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงรายชื่อกรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ที่เตรียมลาออก ได้แก่ 1.นายสำราญ รอดเพชร รองหัวหน้าพรรคและโฆษกพรรค 2.นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรค 3.พ.อ.(พิเศษ) ไพโรจน์ นิยมพันธ์ กรรมการบริหาร 4.นายบรรจง นะแส กรรมการบริหาร 5.นายอัศวชร์ อภัยวงศ์ กรรมการบริหาร 6.นายพิชิต ไชยมงคล กรรมการบริหาร 7.นายทศพล แก้วทิมา กรรมการบริหาร 8.นายรังษี ศุภชัยสาคร กรรมการบริหาร 9.นางสาวนิตยา กุระคาน กรรมการบริหาร และ10.นายณัฐดิษฐ์ นันท์วิมลวุฒิ กรรมการบริหาร จากคณะกรรมการบริหารพรรคทั้งสิ้น 21 คน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น