วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554

"ดร.ทักษิณ ชินวัตร" เผยสื่อฯต่างชาติยัน "ไม่กลับไทยจนกว่าปรองดองเสร็จสิ้น"

พ.ต.ท.ทักษิณยันผ่านสื่อญี่ปุ่นไร้เอี่ยวการเมืองไทย


พ.ต.ท.ทักษิณให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่โรงแรมอิมพิเรียล ยืนยันว่าหลังถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองไม่ได้มีส่วนร่วมใดๆ

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยืนยันว่าจะไม่กลับเมืองไทยจนกว่ากระบวนการปรองดองจะเสร็จสิ้น เพราะไม่อยากเป็นชนวนความขัดแย้งเพิ่มเติม ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่าถูกใส่ร้ายเรื่องล้มสถาบัน และยืนยันกับสื่อญี่ปุ่นว่าระบอบกษัตริย์และประเทศไทยจะต้องอยู่คู่กันตลอดไป

นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวถึงการแก้ปัญหาเศรษฐกิจไทยว่าไม่ใช่เป็นการกระตุ้นการบริโภค แต่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในผ่านเมกะโปรเจคต์ โดยไม่ละเลยการส่งออก

โดย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่าการเดินทางมาญี่ปุ่นครั้งนี้เพราะอยากแสดงความขอบคุณที่ญี่ปุ่นเคยช่วยเหลือไทยเมื่อเกิดสึนามิในปี 2547ไม่เกี่ยวข้องกับคุณยิ่งลักษณ์ การตัดสินใจให้วีซ่ามาจากรัฐบาลญี่ปุ่น ไม่ใช่จากไทย พร้อมกับเรียกร้องให้คนไทยทุกคนเดินหน้าสู่การปรองดอง เพื่อทำให้ประเทศชาติสงบสุข และเจริญรุ่งเรือง

พ.ต.ท.กล่าวอีกว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นสิ่งจำเป็น เพราะ รธน.50 เป็นผลิตผลจากรัฐประหาร ดังนั้นต้องแก้ไขให้มีความยุติธรรมแก่ทุกคนโดยการแก้ไขรธน.ควรจะเหมือนกับ รธน.40 ที่ร่างโดยประชาชน เพื่อประชาชน ไม่ใช่ร่างโดยทหาร

พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนยันว่าหลังจากถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ไม่ได้มีส่วนร่วมใดๆ เพียงแต่เป็นคนช่วยคิดเท่านั้น จึงเป็นที่มา "ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ"และ ถ้าทางเพื่อไทยไม่ติดต่อขอให้ช่วยคิด ก็จะไม่เสนอตัวทำอะไร อยากจะใช้เวลาพักผ่อนมากกว่า

ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่าพูดคุยกับคุณยิ่งลักษณ์ในฐานะพี่น้อง อาจสอบถามบ้างเกี่ยวกับคนที่ไม่รู้จักแต่การตัดสินใจทางการเมืองขึ้นอยู่กับคุณยิ่งลักษณ์

พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนยันว่าไทยไม่เคยมีปัญหาเรื่อง ม.112 แต่ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาถูกนำมาใช้เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองและถ้ามีการบังคับใช้กฎหมายอยากจริงจัง มีการปฏิรูปกฎหมายให้เป็นสากล ก็ไม่จำเป็นต้องมีการแก้ไข ม.112

นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยืนยันว่า ต้องมีการปฎิรูปกฎหมาย เพื่อให้นักลงทุนมั่นใจ มิเช่นนั้นนักลงทุนก็จะไม่อยากนำเงินมาลงทุนในไทยถ้ากฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์ และเห็นว่าถ้าไทยและกัมพูชาต่างเคารพซึ่งกันและกัน ข้อพิพาทน่าจะแก้ไขได้โดยง่าย แต่ในปัจจุบันต่างคนต่างถือแผนที่คนละฉบับซึ่งปัจจุบันการปักหมุดเขตแดนอาจจะไม่เสร็จ พื้นที่ที่ทับซ้อน น่าจะปล่อยให้เป็น No Man's Land แต่การเจรจาต้องเดินต่อไปและสิ่งที่เกิดขึ้น ต้องมีการเจรจากัน และต้องเคารพกัน ถ้าใช้กำลังก็จะเกิดปัญหาข้อพิพาท ซึ่งโดยส่วนตัวอยากเห็นความสัมพันธ์ไม่เพียงแค่เพื่อนบ้านเท่านั้นที่ดี แต่ต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกประเทศในโลก

by TEERAT

23 สิงหาคม 2554 เวลา 10:12 น.


ไม่มีความคิดเห็น: