"หลวงปู่ศรี มหาวีโร"ศิษย์รุ่นสุดท้ายของ"หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต"ได้ละสังขารด้วยโรคชรา รวมอายุได้ 94 ปี 3 เดือน 13 วัน
เมื่อเวลา 05.35 น. วันที่ 16 ส.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่าพระเทพวิสุทธิมงคล หรือ(หลวงปู่ศรี มหาวีโร) เกจิชื่อดังแห่งภาคอีสาน สายวิปัสสนากรรมฐาน ศิษย์รุ่นสุดท้ายของหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต วัดหนองผือ ต.นาโน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร เป็นพระชื่อดังของประเทศไทย และสปป.ลาว เป็นศิษย์ร่วมรุ่นกับพระมงคลญาณเถร หรือหลวงปู่มา ญาณวโร วัดสันติวิเวก อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ที่ละสังขารไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ และหลวงตาบัว ญานสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี ซึ่งหลวงปู่ศรีได้ละสังขารด้วยโรคชรา ภายในศาลากลางน้ำ วัดประชาคมวนาราม (ป่ากุง) อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด รวมอายุ 94 ปี 3 เดือน 13 วัน
ทั้งนี้หลังจากพระเทพวิสุทธิมงคลอาพาธมาตั้งแต่ ปีพ.ศ. 2550 ญาติโยมและศิษยานุศิษย์ทั้งหลายได้นำท่านเข้ารักษาตัวที่รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น หลายครั้งจนกระทั่งท่านละสังขารลงอย่างสงบ โดยประชาชนทั้งใน จ.ร้อยเอ็ด และจากทั่วทุกสารทิศที่ทราบข่าวการอาพาธของท่านต่างหลั่งไหลเดินทางมาเยี่ยมอย่างไม่ขาดสาย ขณะนี้นายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผวจ.ร้อยเอ็ด เตรียมประชุมกับ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และศิษยานุศิษย์ เพื่อทำเรื่องขอพระราชทานน้ำหลวงอาบศพให้แก่หลวงปู่ เนื่องจากเป็นพระผู้ใหญ่ที่ได้สมณศักดิ์ พัดยศจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯชั้นสุดท้ายเป็นพระราชาคณะชั้นเทพ “พระเทพวิสุทธิมงคล”เบื้องต้นตั้งศพบำเพ็ญกุศลไว้ที่ศาลากลางน้ำ ส่วนพิธีการอื่นๆนั้นอยู่ระหว่างการดำเนินการหาข้อสรุป
หลวงปู่ศรี มหาวีโร เกิดในตระกูล “ปักกะสีนัง” เกิดเมื่อ วันศุกร์ที่ 3 พ.ค.2460 ตรงกับวันแรม 8 ค่ำ เดือน 6 ปีมะเมีย ณ บ้านขามป้อม ตำบลขามป้อม อำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม เป็นบุตรคนที่ 6 ของ นายอ่อนสี และ นางทุมจ้อย ปักกะสีนัง มีพี่น้องรวมกัน 11 คน อาชีพทำนา ทำสวน ทำไร่ หลวงปู่เคยเล่าว่าก่อนที่แม่จะตาย ได้สั่งเสียอยากให้ลูกบวชให้ อย่างน้อย 10 วัน หลวงปู่ก็รับปากก่อนที่เข้าอุปสมบทเมื่ออายุ 29 ปี ที่ “วัดราษฎร์รังสรรค์” บ้านป่ายาง ต.ขอนแก่น อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด เมื่อวันที่ 26 พ.ค.2488 ได้ฉายาว่า “มหาวีโร” แปลความหมายว่า “ผู้มีความหาญกล้ามาก” หรืออีกนัยหนึ่ง “ ผู้สามารถบุกเข้าไปทำลายกิเลสได้ ” โดยมีพระโพธิญาณมุณี (คำ โพธิญาโณ) เจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ด (ธรรมยุต) เป็นพระอุปัชฌาย์ , พระครูศิริธรรมธาดา เจ้าคณะอำเภอเมืองร้อยเอ็ด เป็นพระกรรมวาจาจารย์ , พระครูสมุห์พันธ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
จากนั้นหลวงปู่ศรีได้เดินทางออกวิเวกเข้าป่าเทือกเขาภูพาน และได้เข้ากราบนมัสการเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต จ.สกลนคร จากนั้นออกเดินทางปลีกวิเวกไปยัง จ.นครพนม จ.อุดรธานี และอีกหลายต่อหลายจังหวัด และปี 2530 ได้เดินทางกลับไปจำพรรษาอยู่ที่วัดประชาคมวนาราม หรือวัดป่ากุงปัจจุบัน นับเป็นเวลาถึง 8 ปี ที่หลวงปู่ศรี มหาวีโร ท่านได้ออกธุดงค์เที่ยววิเวกภาวนาและจำพรรษาในถิ่นอื่น การย้อนกลับมาสู่ถิ่นเดิมของท่าน หลวงปู่ศรีเห็นว่าป่าไม่และสัตว์ป่าบนภูเขาเขียวถูกทำลายไปมากจึงมีแนวคิดสร้างพระมหาเจดีย์ชัยมงคลขึ้น และรับเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ดำเนินการก่อสร้างพระมหาเจดีย์ฯมูลค่าการก่อสร้างกว่า 3,000 ล้านบาทเพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจชาวพุทธ และรักษาพื้นที่ป่า- สัตว์ป่า ที่วัดผาน้ำย้อย ต.โคกสว่าง อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด พร้อมกับสนับสนุนการสร้างวัดสาขาในจังหวัดอีกหลายแห่ง สร้างเจดีย์หินขึ้นที่วัดป่ากุง สร้างสิ่งสาธนูปโภคและช่วยเหลือชาวบ้านอย่างต่อเนื่องจนเป็นที่เคารพและเลื่อมใสในบุญบารมีตลอดมา.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น