วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2554

สส.สุนัย จุลพงศธร: ความคืบหน้าการประกันตัวแดงวันนี้ที่ศาลอาญา กทม.

Sunai Chulpongsatorn


ขอแสดงความเสียใจกับญาติพี่น้องและเพื่อนของผู้ต้องหาเสื้อแดง โดยเฉพาะ คุณสมยศ พฤกษาเกษมสุข และ อ.สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์(แซ่ด่าน) ที่โดนข้อหา ม. 112 ร่วมทั้งแฟนคลับทั้งหลายที่กำลังรอฟังผลการวินิจฉัยจากศาลอาญาและศาลในต่างจังหวัดอีกหลายแห่ง เช่น อุบลราชธานี ขอนแก่น มหาสารคาม และ นนทบุรี ในวันนี้ปรากฎว่าผู้ต้องหาทุกคนไม่ได้มีโอกาสออกมาสูดลมหายใจแห่งเสรีภาพได้เลย

เฉพาะผมเองได้เดินทางไปที่ศาลอาญาแต่เช้าวันนี้ได้พบ ส.ส. หลายคนโดยการประสานงานของ ส.ส.ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ ส.ส.จตุพร พรหมพันธุ์ ทุกคนได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่ของ ส.ส. ประกันตัวผู้ต้องหา แบ่งกันไปแต่ละสำนวน สำหรับผมได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ประกันตัว คุณสมยศ ส่วน อ.สุรชัย ดูจะหา ส.ส. ที่มีลำหักลำโค่นเก๋าลงนามให้ยากหน่อยแต่สุดท้ายก็ได้นามสกุลเก๋า "เทียนทอง" ชื่อ สุรชาติ เทียนทอง (ลูกป๋าเหนาะ) เป็นผู้ลงนามในคำขอประกันตัว โดยมีทนายความอีกหลายคนมาช่วยดำเนินการให้โดยไม่คิดค่าบริการ ก็ต้องขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้

ผมได้มีโอกาสอ่านคำร้องขอประกันของทนายความ เขาเสนอศาลมีเนื้อหาดีน่าฟัง โดยอ้างถึงสถานการณ์ทางการเมืองภายหลังการเลือกตั้ง ที่เข้าสู่บรรยากาศ สมานฉันท์ ภายหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ น.ส. ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรี และนายกฯได้นำพระราชดำรัส ในด้านความสามัคคีและปรองดองใส่เกล้าใส่กระหม่อมกำหนดเป็นนโยบาย แล้ว ส.ส.ก็นำนโยบายแห่งการปรองดองนี้มากราบเรียนต่อศาล ซึ่งก็ถือว่าเป็นบรรยากาศที่นุ่มนวลให้ความเคารพต่อสถาบันและศาลอย่างดีเยี่ยม แต่เมื่อผลออกมาเช่นนี้เราผู้เป็นพสกนิกรก็ต้องให้ความเคารพต่อคำวินิจฉัยของศาลซึ่งเป็นตัวแทนสถาบันพระมหากษัตริย์

ผมเข้าใจถึงความคาดหวังของญาติสนิตมิตรสหายของผู้ต้องหาทุกท่าน ที่อยากจะเห็นทุกๆคนเดินออกจากคุกเพื่อมาต่อสู้คดี เช่นเดียวกับผู้ต้องหาเสื้อแดงที่ จ.อุดรธานี ที่ศาลอุดรฯให้ความเมตตา แต่ขอเรียนเพื่อให้เข้าใจร่วมกันว่าคำวินิจฉัยของศาลแต่ละศาลเป็นดุลยพินิจ และ เป็นอำนาจที่มิอาจแทรกแซงได้และเป็นหนึ่งในสามอำนาจอธิปไตย คือ อำนาจตุลาการ(มาจากพระมหากษัตย์) อำนาจนิติบัญญัติหรือสภาผู้แทน (เลือกมาจากประชาชน) อำนาจบริหารหรือรัฐบาล(เลือกมาจากประชาชน) นี้คือระบบการเมืองของไทยที่พี่น้องของเราต้องเข้าใจและเคารพ ทางออกของปัญหานี้มีสองทางคือ

1. ยื่นอุธรณ์คำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นนี้ต่อศาลอุธรณ์ แล้วก็รอคำวินิจฉัยของศาลอุธรณ์

2. อดทนรอไปพลางก่อนจนกว่าจะมีเหตุการณ์ที่ดีที่จะกราบเรียนต่อศาลให้มีดุลยพินิจที่จะปล่อยตัวผู้ต้องหาได้โดนยื่นคำร้องใหม่ต่อศาลเดิมนั้นๆ

ทั้งหมดนี้เป็นข้อกฎหมายที่เราต้องเคารพและโต้แย้งอะไรมิได้ และขอความกรุณาอย่านำเอาคดีต่างๆเหล่านี้ไปเปรียบเทียบกับคดีอื่นๆ ของ พธม. เช่น ยึดสนามบิน และทำเนียบรัฐบาล เพราะมีข้อเท็จจริงที่แตกต่างกันและดุลยพินิจของศาลเป็นไปตามแต่ละคดี

จึงเรียนมาเพื่อจะโปรดทราบว่าผมและเพื่อนๆ ได้ทำหน้าที่ตามเงื่อนไขของกฎหมายอย่างเต็มที่แล้วและขอให้พี่น้องอดทนรอและอยู่ในความสงบเพื่อรอโอกาสใหม่

ไม่มีความคิดเห็น: