วันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2555

′ความจริง′จาก′ผู้สูญเสีย′ ′ความจริง′จาก′คอป.′?

เหตุการณ์สลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ระหว่างวันที่ 10 เมษายน ถึงวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 นับเป็นการปราบปรามการชุมนุมที่รุนแรงครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์

2 ปีผ่านไป แต่ความจริงจากเหตุการณ์ยังไม่กระจ่างชัด 

เกิดสภาพ "ความจริง" คนละชุด โดยเฉพาะเมื่อกรณีนี้ได้กลายเป็นคดีความ ทยอยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมปกติ 

ล่าสุดยังมีรายงานของ "คอป." นำเสนอผลการสอบสวน 98 ศพ และข้อเสนอในการปรองดอง

พบว่ามีข้อมูลหลายเรื่องเป็นปัญหา จน เกิดการโต้แย้งจากคนเสื้อแเดง และญาติ ผู้เสียชีวิต 

กลุ่ม "ศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุมช่วงเมษายน-พฤษภาคม 2553 (ศปช.)" ได้ตามเก็บรวบรวมข้อมูล สัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้อง จัดระบบข้อมูล และตีพิมพ์เป็นหนังสือเล่มใหญ่ ชื่อว่า "ความจริงเพื่อความยุติธรรม : เหตุการณ์และผลกระทบจากการสลายการชุมนุม เมษา-พฤษภา 53"

และได้จัดเสวนาเรื่อง "ความจริงเพื่อความยุติธรรม" พร้อมกับเปิดตัวหนังสือ ดังกล่าว ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา

โดยเชิญญาติวีรชน 98 ศพ ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวมาร่วมงานครั้งนี้ พร้อมกับมอบหนังสือดังกล่าวให้ด้วย 

ญาติของผู้เสียชีวิตที่รับเชิญขึ้นเวที 4 คน และได้แสดงความเห็นต่อรายงานของ คอป. ไว้อย่างน่าสนใจ 

นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ บิดาของเฌอ หรือนายสมาพันธ์ ศรีเทพ ผู้ถูกยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 15 พ.ค.2553 ที่ซอยรางน้ำ ได้กล่าวว่า นายคณิต ณ นคร บอกว่า คอป.ไม่มีหน้าที่ชี้ถูกหรือชี้ผิด แต่ คอป.มีหน้าที่รวบรวมข้อมูลเพื่อ ที่จะนำไปสู่การสร้างความปรองดองและสมานฉ ันท์ของคนในชาติ 

ไม่กี่วันมานี้ ไปออกรายการโทรทัศน์ช่องหนึ่ง นายสมชาย หอมลออ โทรศัพท์เข้ามาร่วมรายการ ผมก็ได้ถามว่า ในการสลายการชุมนุมในคราวนั้น มีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้เห็นว่าผู้ชุมนุมที่ใช้สิทธิชุมนุมตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายได้สร้างเหตุร้ายแรงจนต้องใช้กำลังทหารเข้าไปสลายการชุมนุม 

นายสมชายตอบผมว่า ให้ผมไปอ่านในรายงานของ คอป. ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ตลก สุดท้ายเรื่องของชายชุดดำก็มาบรรจบลงตรงนั้นพอดี 

นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาของ น.ส. กมนเกด อัคฮาด หรือน้องเกด พยาบาลอาสาที่ถูกยิงเสียชีวิตภายในวัดปทุมวนาราม เมื่อวันที่ 19 พ.ค.53 กล่าวว่า 

"กรณี 6 ศพวัดปทุมฯ นักการเมืองไป พูดในสภาว่ามี 2 ใน 6 ศพที่มีเขม่าดินปืนอยู่ ที่มือ ซึ่งหลังจากนั้นไม่กี่วัน คอป.ได้เชิญดิฉันไปพบกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งในวันนั้นดิฉันได้พบคุณ หมอพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ซึ่งคุณหมอก็ได้พูดชัดเจนต่อหน้านักข่าวว่า ได้พิสูจน์ตามหลักวิทยาศาสตร์ทุกขั้นตอนก็ไม่พบเขม่าดินปืนเลย ซักศพเดียว นั่นก็แสดงว่า 6 ศพวัดปทุมถูกกล่าวหาทุกศพเลย

"ดิฉันมีความเห็นต่างกับ คอป. เพราะที่ คอป.ได้เชิญเข้าไปพูดคุย เจ้าหน้าที่ทหารก็ได้ยอมรับกับดิฉันเองว่ามีเจ้าหน้าที่ทหารยิงเข้าไปในวัดปทุมฯจริง และก็ได้ถามไล่จนยอมรับหลุดคำพูดออกมาเรื่อยๆ ซึ่งคุณสมชาย หอมลออ ซึ่งอยู่ในห้องนั้นด้วย ก็ได้ยุติการพูดคุย บอกได้เลยว่าตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาดิฉันไม่มีความเชื่อถือใน คอป.อีกเลย" นางพะเยาว์กล่าว

นายบรรเจิด ฟุ้งกลิ่นจันทร์ บิดาของ นาย เทิดศักดิ์ ฟุ้งกลิ่นจันทร์ ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่สี่แยกคอกวัว วันที่ 10 เม.ย.53 กล่าวว่า วันนั้นมีการสลายการชุมนุมที่แยกคอกวัว ตนเฝ้ารอให้ลูกชายโทร.กลับมาด้วยความเป็นห่วง จนกระทั่งมีเบอร์ของลูกชายโทร.มาก็ดีใจว่ายังปลอดภัยดี แต่กลับเป็นเสียงของพยาบาลบอกว่าลูกชายถูกยิง จึงรีบออกไปหายังได้คุยกับเขาจนกระทั่งหมดลมหายใจ 

"ลูกชายของผมเป็นเสาหลักของครอบครัว หาเลี้ยงและก่อนที่จะเสียชีวิตได้กู้เงินมาเพื่อ ซื้อบ้านให้ครอบครัวได้อยู่กัน แต่หลังจากเขาเสียชีวิตไป ภาระหนี้สินที่เกิดจากการซื้อบ้านทำให้ ผมเป็นหนี้ก้อนใหญ่ ในช่วงนั้นมีความลำบากมาก แต่ก็ได้เงินเยียวยาของรัฐบาลมาช่วยบรรเทา ให้ครอบครัวของผมมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ผมอยากจะให้ความเห็นในเรื่องรายงานของ คอป. ว่าเป็นเรื่องโกหกสีดำมาก ผมอยากให้คุณ คณิต (นายคณิต ณ นคร ประธาน คอป.) กลับไปคิดทบทวนดูว่า ถ้าหากเป็นลูกหลานของท่านเอง แล้วจะคิดแบบนี้หรือเปล่า" นายบรรเจิดกล่าว

นายสมชาย เจียมพล บิดาของ นาย ทิพเนตร เจียมพล ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์สลายม็อบที่แยกดินแดงเมื่อวันที่ 14 พ.ค.53 กล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม ต้องการสิทธิและเสรีภาพ โดยหวังให้รัฐบาลของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยุบสภาให้มีการเลือกตั้งใหม่ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ ผมสูญเสียลูกชายไป ซึ่งเป็นเสาหลักของครอบครัวไป 

"ครั้งแรกที่ผมได้ยินว่าลูกชายผมเสียชีวิต ผมตกใจมาก ผมคิดอยู่เสมอว่าลูกชายของผมไม่ควรเสียชีวิตในคราวนั้น เพราะลูกผมเป็นคนดี ขยันทำมาหากิน ช่วยเหลือคนอื่นมาโดยตลอด ผมเสียใจที่คนมีอำนาจสั่งการสลายการชุมนุมในคราวนั้น ไม่เคยมีใครออกมาขอโทษหรือออกมารับผิดชอบเลย วันนี้ถ้ามีคนมาขอโทษผมก็พร้อมที่จะอโหสิกรรมให้" นายสมชายเล่า 

นายสมชายกล่าวต่อว่า ในฐานะที่เป็นพ่อคนหนึ่งเข้าใจดีสำหรับการสูญเสียของทุกๆ ครอบครัว บางครอบครัวสูญเสียเสาหลักไป มีความลำบากมากในช่วงที่ผ่านมา การได้รับเงินเยียวยาทำให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นก็จริง แต่คงไม่มีค่าเท่ากับความสูญเสียทางจิตใจที่เกิดขึ้นกับตนไม่ได้เลย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือจะต้องนำคนผิดมาลงโทษให้ได้

นี่คือเสียงของ "ความจริง" จากผู้สูญเสีย ตัวจริงเสียงจริง

ไม่มีความคิดเห็น: