Go6TV (10 กันยายน 2555) ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ กทม. เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ร่วมกับ สำนักงานยูเนสโก กรุงเทพฯ บริษัทอินเทล และ International Telecommunication Union (ITU) จัดการประชุมระดับรัฐมนตรีเอเชียแปซิฟิกด้านไอซีทีในการพัฒนาการศึกษา (AMFIE) ประจำปี 2555 ในหัวข้อ “พลังของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่มีต่อนโยบายการศึกษา : การประยุกต์ใช้ในการดำเนินงานด้านการศึกษา โดยนางอิรินา โบโกวา ผู้อำนวยการใหญ่องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) กล่าวว่า ยูเนสโกยินดีที่จะสนับสนุนรัฐบาลไทยในการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการพัฒนาด้าน เทคโนโลยี ตลอดจนการฝึกอบรมและพัฒนาในส่วนต่างๆ เพราะปัจจุบันต้องยอมรับว่าไอซีทีเป็นสิ่งจำเป็นมาก ซึ่งไม่เฉพาะแต่ครู และเด็กเท่านั้น แต่รวมถึงคนในครอบครัวด้วย ดังนั้นการใช้แท็บเล็ตควรไม่ควรใช้เฉพาะด้านการศึกษาเท่านั้น แต่ควรจะครอบคลุมองค์ความรู้ในเรื่องการประกอบอาชีพด้วย และเป็นที่น่ายินดีที่ปัจจุบันภาคเอกชนปฏิวัติตัวเองเข้ามาสนับสนุนในการ จัดการศึกษามากขึ้น
“ขณะนี้ยูเนสโกกำลังจัดทำโครงการ Mobile Education Learning เพราะต้องยอมรับว่าปัจจุบันมีการใช้โทรศัพท์มือมากกว่าระบบเทคโนโลยี ดังนั้นโทรศัพท์มือถือจึงเป็นประโยชน์ไม่ใช่เพียงแค่การสื่อสารเท่านั้น แต่จะช่วยทำให้สามารถเข้าถึงการเรียนรู้ และการขจัดการไม่รู้หนังสือด้วย อย่างไรก็ตามจะมีการประชุมการดำเนินโครงการดังกล่าวในเดือน ก.พ.56 เพื่อจะนำไปใช้กับประเทศสมาชิกของยูเนสโก” นางอิรินา กล่าว
นายกวาง โจ คิม ผู้อำนวยการยูเนสโก กรุงเทพฯ กล่าวว่า การดำเนินโครงการจัดซื้อคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ตามนโยบายของรัฐบาล หรือ One tablet pc per child เป็นการริ่เริ่มที่ดีมาก เพราะการศึกษาต้องมีการลงทุน และที่สำคัญต้องมีนโยบายทางการเมืองเข้ามาสนับสนุนด้วย ซึ่งการมอบแท็บเล็ตให้แก่เด็กนั้นจะต้องไม่คำนึงถึงเรื่องตัวเครื่องเพียง อย่างเดียว แต่จะต้องคำนึงถึงเรื่องระบบอินเทอร์เน็ตไร้สาย การพัฒนาครู และระบบการสนับสนุนด้วย อย่างไรก็ตามยอมรับว่าในการเริ่มต้นจะต้องมีอุปสรรค แต่สิ่งเหล่านี้สามารถแก้ไขและพัฒนาได้ ดังนั้นการพัฒนาครูและการสนับสนุนโครงสร้างและอุปกรณ์อื่นๆ ก็จะทำให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จได้ อย่างไรก็ตามยูเนส โกจะติดตามการดำเนินโครงการแจกแท็บเล็ตของรัฐบาลไทยไประยะหนึ่งก่อนที่จะมี การประเมินผล และจะเสนอแนะประเทศอื่นๆ ในการนำแท็บเล็ตมาใช้เพื่อการศึกษาต่อไป
นาย จอห์น เดวี่ รองประธานบริษัทอินเทล กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าสิ่งที่น่ากังวลมากที่สุดในการแจกแท็บเล็ตให้แก่เด็กคือ ครู ดังนั้นครูจะต้องให้ความสำคัญกับหลักสูตร และสาระต่างๆ ที่จะนำไปใส่ในแท็บเล็ต นอกจากนี้จะต้องมีการใช้แอนนิเมชั่น และจะต้องมีโปรแกรมที่สามารถให้เด็กโต้ตอบได้ด้วยถึงจะสมประโยชน์อย่างแท้ จริง อย่างไรก็ตามบริษัทอินเทลนอกจากเป็นภาคเอกชนที่ให้บริการด้านอุปกรณ์แล้ว ยังมีหน่วยเฉพาะที่ดูแลด้านการอบรมและพัฒนาครู เพื่อให้ได้เรียนรู้การใช้เทคโนโลยีที่ถูกต้อง เพราะต้องเข้าใจว่ามีครูหลายคนที่ไม่ได้เติบโตในยุคไอที ดังนั้นคงเป็นเรื่องยากที่จะให้ครูได้มาเรียนรู้ ทั้งนี้อินเทลมีส่วนร่วมในการพัฒนาครูมาแล้ว 90 ประเทศ แต่ก็ยังมีครูอีกจำนวนมากที่ยังต้องได้รับการอบรมและพัฒนา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น