ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ในการประชุมร่วมของรัฐสภา นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ได้ขอปิดอภิปรายกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญได้รับคำร้องให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 โดยสอบถามที่ประชุมว่ามีผู้ใดเห็นเป็นอย่างอื่นหรือไม่ ถ้าไม่มีจะขอปิดการอภิปราย ทำให้สมาชิกรัฐสภา ทั้ง ส.ส.และ ส.ว. บางส่วนไม่เห็นด้วยและยังคงอยากที่จะอภิปรายต่อ และนายสมศักดิ์ได้ชี้แจงอีกครั้งว่า ตนขอความกรุณา อยากให้บรรยากาศเป็นไปด้วยดี และเห็นสมควรว่าอภิปรายมาพอสมควรแล้ว จึงอยากให้ยุติเพียงเท่านี้ จึงทำให้ พ.ต.อณันย์ วัชโรทัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงว่า อยากถามว่าท่านดำเนินการในฐานะ “นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์” หรือ “ประธานรัฐสภา”
จากนั้นนายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่ประธานกล่าวว่าอยากให้เรื่องนี้จบด้วยดี ด้วยความปรองดองจากทุกฝ่ายนั้น ตนเห็นว่าองค์กรอื่นก็ต้องเคารพเรา และเราก็ต้องเคารพเขา อย่างไรก็ดีสิ่งที่หลายคนยังคาใจอยู่ ว่าเราจะเดินหน้ากันอย่างไร
"ถ้าเรายอมรับคำสั่งนี้ จะเริ่มเป็นบรรทัดฐานในครั้งหน้าว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ถ้าเราปฏิเสธคำสั่งศาลที่สั่งมา เป็นคำสั่งอันมิชอบ ก็เป็นความชอบธรรมของรัฐสภา ในการปฏิเสธความมิชอบธรรมดังกล่าว ทางออกคือศาลต้องไปเพิกถอนคำสั่งนี้หรือแก้ไขคำสั่งนี้ให้ถูกต้องเสียก่อน" นายพีรพันธุ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายสมศักดิ์ได้พยายามตัดบทให้มีการปิดอภิปรายในเรื่องดังกล่าว โดยได้สอบถามที่ประชุมว่ามีผู้ใดเห็นเป็นอย่างอื่นหรือไม่ หากจะเสนอให้ปิดอภิปรายในเรื่องดังกล่าว จึงทำให้ พ.ต.ท.จิตต์ ศรีโยหะมุกดาธนพงษ์ ส.ว.มุกดาหาร ลุกขึ้นเสนอญัตติขอให้รัฐสภามีความเห็นว่าคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันหรือไม่ จึงทำให้ ส.ว.และ ส.ส.บางส่วนยกมือขึ้นสนับสนุน
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นประท้วงว่า อยากถามว่าประธานรัฐสภา บอกจะแจ้งต่อที่ประชุมเพื่อรับทราบคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ และบอกให้มีการปิดอภิปราย วาระนี้เป็นวาระเพื่อทราบ ซึ่งตนคิดว่าการจะไปลงมติวาระเพื่อทราบจะกระทำไม่ได้ ต้องพิจารณาว่าสภามีอำนาจพิจารณาญัตติอย่างนี้หรือไม่ ถ้ามีการเสนอญัตติท่านต้องตอบให้ได้ว่า 1.ญัตติที่ว่าเป็นญัตติที่จะให้รัฐสภามีมติอะไร และรัฐสภา จะประชุมเรื่องใด 2.ถ้าอยู่ในอำนาจหน้าที่ของรัฐสภาจะพิจารณาในสมัยนิติบัญญัติได้หรือไม่
จากนั้นในเวลา 13.42 นายสมศักดิ์ได้ตัดสินใจขอมติสมาชิก ขณะที่ ส.ส.ฝ่ายค้าน และ ส.ว.บางส่วนรวมถึง ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลได้เดินออกจากห้องประชุมไป ทำให้ที่ประชุมมีสมาชิกบางตา
นายสมศักดิ์ แจ้งว่า องค์ประชุมสภาร่วม 644 คน กึ่งหนึ่งเท่ากับ 322 คน ฉะนั้นเสียงข้างมากจะต้อง 323 คน
นายสมศักดิ์ จึงขออนุญาตไปทำธุระส่วนตัว 5 นาที ทำให้ต้องพักการประชุมชั่วคราว
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการเช็กองค์ประชุม มีสมาชิกอยู่ในห้องประชุมเพียง 323 คน ผลปรากฏมีผู้เห็นด้วย 318 เสียง ไม่เห็นด้วย 2 งดออกเสียง 2 ถือว่าไม่ถึงกึ่งหนึ่ง คือ 322 เสียง ถือว่าที่ประชุมไม่เห็นด้วยต่อญัตติดังกล่าว
ขณะที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคนแสดงสีหน้าผิดหวังที่สภาไม่สามารถลงมติว่าคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญผูกพันรัฐสภาหรือไม่ ขณะที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์พากันส่งเสียงดีใจ
