วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554

นายกรัฐมนตรีพบคณะเอกอัครราชทูตอาเซียน และคณะเอกอัครราชทูตต่างประเทศและหัวหน้าองค์การระหว่างประเทศ



นายกรัฐมนตรีพบคณะเอกอัครราชทูตอาเซียน และคณะเอกอัครราชทูตต่างประเทศและหัวหน้าองค์การระหว่างประเทศ
(9/9/2011)

นายกรัฐมนตรีพบคณะเอกอัครราชทูตอาเซียน และคณะเอกอัครราชทูตต่างประเทศและหัวหน้าองค์การระหว่างประเทศตามลำดับ ในโอกาสดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

วันนี้ เวลา 10.00 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล คณะเอกอัครราชทูตกลุ่มประเทศอาเซียน เข้าเยี่ยมคารวะ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความยินดีในโอกาสดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทย และมีการสนทนา สรุปดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีต้อนรับคณะเอกอัครราชทูตประเทศอาเซียน จาก กัมพูชา บรูไนดารุสซาราม ฟิลิปินส์ มาเลเซีย ลาว สหภาพเมียนมาร์ สิงคโปร์ เวียดนาม และอินโดนีเซีย พร้อมกล่าวแสดงความชื่นชมต่อบทบาทที่สร้างสรรค์ของอินโดนีเซียในฐานะประธานอาเซียน ซึ่งนำไปสู่ความสำเร็จของอาเซียน ทั้งในกรอบความร่วมมือต่างๆ และความเข้มแข็งของอาเซียน อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน และภูมิภาคอาเซียนโดยแท้จริง ทั้งนี้ การประชุมอาเซียนซัมมิทที่จะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้ ที่อินโดนีเซีย นายกรัฐมนตรีหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้มีการหารือ เพื่อขยายความร่วมมือในด้านต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศฯสมาชิก และภูมิภาค ซึ่งอาเซียนจะได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ความเจริญรุ่งเรือง และความมั่นคงต่อไป ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าการประชุมฯจะประสบความสำเร็จด้วยดี อีกทั้ง ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ของสหรัฐอเมริกาจะมาร่วมประชุมฯในครั้งนี้ด้วย ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ร่วมมือและผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจ และความมั่นคงร่วมกันต่อไป เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศในอาเซียน


ในโอกาสนี้ นายโมฮัมมัด ฮัตตา เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซียประจำประเทศไทย ในฐานะประเทศที่เป็นประธานอาเซียน ได้กล่าวแสดงความยินดีต่อนายกรัฐมนตรีในโอกาสดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของไทย ซึ่งอาเซียนมีความยินดีที่จะให้การสนับสนุนและให้ความร่วมมือกับรัฐบาลไทย และมั่นใจว่าประเทศไทยจะมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สดใส ภายใต้การดำเนินงานของรัฐบาล รวมทั้งมั่นใจว่า ไทยจะขยายและเสริมสร้างความร่วมมือในกรอบอาเซียนให้เข้มแข็งและเกิดประโยชน์ต่อประเทศ และภูมิภาคต่อไป ทั้งนี้ ขอชื่นชมบทบาทที่เข้มแข็งของไทยในฐานะสมาชิกอาเซียน และหวังว่าจะได้ร่งวมมือกับไทยเพื่อให้ 3 เสาหลักของประชาคมอาเซียนที่จะเกิดขึ้นในปี 2558 ได้แก่ เสาหลักด้านการเมืองและความมั่นคง เสาหลักด้านเศรษฐกิจ และเสาหลักด้านสังคมและวัฒนธรรม บรรลุเป้าหมายและประสบความสำเร็จเพื่อเจริญมั่นคงของภูมิภาค และของโลกต่อไป นอกจากนี้ ในด้านความสัมพันธ์ทวิภาคีกับอินโดนีเซีย ยินดีเป็นอย่างสำหรับความสัมพันธ์ที่แนบแน่นและพัฒนาก้าวหน้าไปด้วยดี และยินดีต้อนรับนายกรัฐมนตรีเยือนอินโดนีเซีย ในสัปดาห์หน้า


จากนั้น เอกอัครราชทูตฯ แต่ละประเทศได้กล่าวแสดงความยินดีต่อนายกรัฐมนตรี และได้กล่าวแสดงความเชื่อมั่นในการสานต่อความสัมพันธ์และพัฒนาความร่วมมือในระดับทวิภาคีในทุกด้าน รวมถึง ต่างแสดงความเชื่อมั่นว่าอาเซียนจะร่วมมือกันอย่างเข้มแข็งเพื่อผลักดันและเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียนต่อไป นอกจากนี้ แต่ละประเทศได้แสดงความกระตือรือล้นในการต้อนรับนายกรัฐมนตรีเยือนประเทศภูมิภาคอาเซียน ในอนาคตอันใกล้ ด้วย

จากนั้น นายกรัฐมนตรีเดินทางไปยังตึกสันติไมตรี เพื่อพบปะกับ คณะทูตานุทูต หัวหน้าองค์การระหว่างประเทศ และกงสุลต่างประเทศที่ประจำการอยู่ที่ประเทศไทย โดยนายกรัฐมนตรีได้ใช้โอกาสนี้ กล่าวแสดงความขอบคุณสำหรับสารแสดงความยินดีที่ได้รับจากประเทศต่างๆ หลังจากที่ได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ที่ผ่านมา และแสดงความมุ่งมั่นที่จะนำพาประเทศชาติ การเมือง เศรษฐกิจและสังคม ให้มีความมั่นคงเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน ตามแนวนโยบายของรัฐบาลที่เน้นประชาชนเป็นศูนย์กลาง พร้อมกล่าวกล่าวย้ำ สิ่งที่รัฐบาลให้ลำดับความสำคัญสูงสุด 4 ประการ ได้แก่


1. รัฐบาลจะเร่งสร้างความปรองดองสมานฉันท์และนำความสามัคคีกลับสู่สังคมไทย สร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อให้ประเทศสามารถก้าวไปข้างหน้าต่อไปได้
2. รัฐบาลจะเน้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่สมดุลและยั่งยืนควบคู่กับการค้าและกาลงทุนจากต่างประเทศ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทย โดยเฉพาะผู้ที่ด้อยโอกาส
3. รัฐบาลจะเดินหน้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ในปี 2015(พ.ศ.2558) ประเทศไทยจะมีบทบาทนำในอาเซียน เร่งสร้างความเชื่อมั่นกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งความเชื่อมโยงกันในภูมิภาค (Connectivity) และการเป็นหุ้นส่วนระหว่างกัน พร้อมสร้างความตระหนักแก่ประชาชนให้มีส่วนร่วมในการเป็นประชาคมอาเซียน
4. ในระดับนานาชาติ รัฐบาลให้คำมั่นที่จะเป็นสมาชิกที่มีความรับผิดชอบต่อประชาคมระหว่างประเทศ รักษาสันติภาพและความรุ่งเรืองของโลก ไทยจะปฏิบัติตามข้อตกลงและความร่วมมือระหว่างประเทศร่วมกับพันธมิตรทั่วโลก และเร่งฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจโลก ผ่านการค้า การลงทุน และการเจริญเติบโตด้านอุตสาหกรรม

โดยในตอนท้าย นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวย้ำกับคณะทูตานุทูตว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันมีความมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับนานาประเทศและองค์กรระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิด ภายใต้บทบาทที่เข้มแข็งและกระตือรือร้นเพื่อการสร้างสันติภาพและความรุ่งเรืองของโลกให้ดีกว่ายิ่งขึ้นกว่าเดิม

จากนั้น นายปีเตอร์ ชาน เจอร์ ฮิง เอกอัครราชทูตสิงคโปร์ประจำประเทศไทย ในฐานะหัวหน้าคณะทูตานุทูต ได้กล่าวแสดงความขอบคุณ และถือโอกาสแสดงความยินดีกับนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง โดยเชื่อมั่นว่ารัฐบาลชุดนี้ จะสามารถสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่ประชาชนชาวไทย โดยเฉพาะในเวลานี้ ที่เรากำลังจะก้าวสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ซึ่งไทยมีบทบาทที่สำคัญในภูมิภาคนี้
นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตสิงคโปร์ ยังกล่าวว่า ไทยมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อความก้าวหน้าของโลก ในศตวรรษที่21 นี้ ทั้งทางด้าน เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และยังมีบทบาทที่สำคัญยิ่งในเวทีระหว่างประเทศ ภายใต้กรอบความร่วมมือต่างๆ ทั้ง ในกรอบอาเซียน (ASEAN- สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้), การประชุมผู้นำอาเซียน+3 (ASEAN + 3), เอเปค (APEC-ความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย- แปซิฟิก) , การประชุมเอเชีย - ยุโรป (ASEM) ทั้งในระดับอนุภูมิภาค และภูมิภาค ในการนำมาซึ่งความสงบสุข สันติภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของโลก ร่วมกับนานาประเทศ

-------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น: