วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554

นายกรัฐมนตรีพร้อมรับแผนยุทธศาสตร์แห่งชาติฯ ไปบูรณาการกับนโยบายรัฐบาลเพื่อนำไปปรับใช้ต่อไป



นายกรัฐมนตรี พร้อมรับแผนยุทธศาสตร์แห่งชาติฯ ไปบูรณาการกับนโยบายรัฐบาลเพื่อนำไปปรับใช้ต่อไป พร้อมขอให้มีการประเมินความเปลี่ยนแปลงและพร้อมรับความเสี่ยง ขณะเดียวกัจะต้องมีการปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น และอย่ามองความเสี่ยงเป็นปัญหาแต่ให้มองเป็นโอกาสในการที่จะปรับตัว

วันนี้(8ก.ย.54) เวลา 15.00 น. นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการรับฟังการแถลงยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2555-2559 และยุทธศาสตร์ทหาร พ.ศ. 2555-2559 ของนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ประจำปีการศึกษา 2553 นักศึกษาวิทยาลัยเสนาธิการทหาร วิทยาลัยการทัพบก วิทยาลัยการทัพเรือ และวิทยาลัยการทัพอากาศ พร้อมให้ข้อคิดเห็นเพื่อให้ภาครัฐและภาคส่วน ต่าง ๆ นำไปพิจารณาใช้ประโยชน์ต่อไป จัดโดยสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ โดยมีผู้บริหารระดับสูงทั้งภาครัฐเอกชนและการเมือง ตลอดจนคณะนักศึกษาประกอบด้วย ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ นักธุรกิจภาคเอกชน นักการเมืองที่มีบทบาทสำคัญต่อประเทศ และสื่อมวลชนเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ณ ห้องมัฆวานรังสรรค์ สโมสรทหารบกวิภาวดี กรุงเทพมหานคร


ทั้งนี้การจัดงานดังกล่าวเนื่องด้วยสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ กำหนดจัดการแถลงยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2555-2559 และยุทธศาสตร์ทหาร พ.ศ. 2555-2559 เพื่อนำเสนอผลงานทางวิชการทหารของนักศึกษาที่เกิดจากการระดมสมองและความร่วมมือร่วมใจกัน ได้แก่ ยุทธศาสตร์ชาติฯ โดยนักศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 53 และหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักรภาครัฐร่วมเอกชน รุ่นที่ 23 และยุทธศาสตร์ทหารฯ โดยนักศึกษาวิทยาลัยเสนาธิการทหาร และวิทยาลัยการทัพทั้งสามเหล่าทัพ โดยนำผลประโยชน์แห่งชาติและนโยบายความมั่นคงแห่งชาติด้านการป้องกันประเทศของนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร 2553 มาพัฒนาจัดทำเป็นยุทธศาสตร์ทหาร ซึ่งเป็นการแสดงถึงความสัมพันธ์ของการใช้กำลังทหารในการสนับสนุนรัฐบาลร่วมกับกำลังอำนาจแห่งชาติด้านอื่น ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของชาติ


เมื่อนายกรัฐมนตรี เดินทางถึงสโมสรทหารบกวิภาวดี พลเอก ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชการเหล่าทัพ พลเอก ภุชงค์ รัตนวรรณ ผู้บัญชาการสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ผู้อำนวยการวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ผู้บัญชาการวิทยาลัยเสนาธิการทหาร ผู้บัญชาการวิทยาลัยการทัพบก ผู้บัญชาการวิทยาลัยการทัพเรือ ผู้บัญชาการวิทยาลัยการทัพอากาศและประธานนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ให้การต้อนรับ


โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่ารู้สึกยินดีที่ได้มีโอกาสมาเป็นประธานในการรับฟังการแถลงยุทธศาสตร์ชาติและยุทธศาสตร์ทหารของนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร นักศึกษาวิทยาลัยเสนาธิการทหาร วิทยาลัยการทัพบก วิทยาลัยการทัพเรือ และวิทยาลัยการทัพอากาศ ในวันนี้ ทั้งนี้คำว่า "ยุทธศาสตร์" เป็นคำที่มีค่าและมีความสำคัญมาก และวันนี้เชื่อว่าทุกคนมีความเห็นตรงกันว่ายุทธศาสตร์ชาติและยุทธศาสตร์ทหารต้องเกิดจากการบูรณาการร่วมกันและทำงานใกล้ชิดกันอย่างแท้จริง ซึ่งรู้สึกดีใจที่สถาบันวิชาการป้องกันประเทศได้ร่วมกับนักศึกษาทั้ง 3 เหล่าทัพ ระดมสมองเป็นระยะเวลา 1 ปี ในการนำเสนอแผนยุทธศาสตร์ชาติ ท่ามกลางกระแสความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น เรื่องของเศรษฐกิจโลกที่ปัจจุบันได้มีการย้ายฐานจากสหรัฐอเมริกาและยุโรปเข้ามาสู่ภูมิภาคเอเซีย ซึ่งการเคลื่อนตัวทางเศรษฐกิจในลักษณะเช่นนี้จะทำเกิดโอกาสในทางบวกสำหรับประเทศไทยได้ อย่างไรก็ตามหากฐานทางเศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลงแล้วสิ่งสำคัญคือประเทศไทยจะคว้าโอกาสอันดีนี้มาสู่ประเทศได้อย่างไร


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นอกจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจแล้ว ในด้านความมั่นคงทางการเมืองก็มีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ทั้งความขัดแย้งในด้านต่าง ๆ ทั้งนี้สิ่งที่อยากจะเห็นในการเปลี่ยนแปลงในเรื่องดังกล่าวก็คือ การเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่ระบอบประชาธิปไตย และการนำไปสู่ระบอบนิติรัฐที่จะนำมาซึ่งความเสมอภาคอย่างเท่าเทียมกันและทำให้ประเทศกลับมาสู่ความมั่นคงทางด้านการเมืองได้ ขณะที่ความมั่นคงทางด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ดิน น้ำ อากาศ อุณหภูมิ แร่ธาตุต่าง ๆ และพลังงานนั้น ก็กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญทางด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในเรื่องของพลังงานที่กำลังมีความสำคัญเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงมาสู่พลังงานทดแทนที่ต้องอาศัยพลังงานทางด้านอาหารต่าง ๆ ซึ่งตรงนี้หากเรามีการปูพื้นฐานที่ดีก็จะส่งผลให้อาหารเกิดการเปลี่ยนแปลงนำไปสู่ความมั่งคั่งได้ในอนาคต


ส่วนอีกด้านที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเช่นกันก็คือทางด้านเทคโนโลยีและสังคม ซึ่งในเรื่องสิทธิพื้นฐานจะทำอย่างไรให้สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้น เนื่องจากยังมีความเหลือมล้ำกันมากในเรื่องของความยากจน ตลอดจนจะต้องหันกลับมามองในสังคมผู้สูงอายุที่ขณะนี้กำลังเพิ่มขึ้น รวมไปถึงจากดัชนีความโปร่งใสที่ประเทศไทยลดลงมาเหลือเพียง 3.4 นั้น ก็เป็นสิ่งสะท้อนกลับมาว่าเรายังคงที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงในการที่ปรับตัวเพื่อรองรับกับความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ของโลกที่จะเกิดขึ้น ดังนั้นจึงขอชื่นชมกับการนำเสนอยุทธศาสตร์ของนักศึกษาในหัวข้อ" " ทำฐานรากกำลังอำนาจแห่งชาติให้แข็งแกร่ง สู่การเปลี่ยนแปลงอย่างชาญฉลาด (Smart Engagement, Strengthening Foundation)" เพราะทำให้รู้สึกว่าทุกคนมีความเห็นที่ตรงกัน และทำให้เชื่อมันว่าสิ่งที่ทุกคนได้ระดมสมองมาเป็นระยะเวลา 1 ปี นั้น เป็นการถอดออกมาจากความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนำมาสู่แนวคิดและยุทธศาสตร์ดังกล่าว


พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความชื่นชมและเห็นพ้องในหลายประการกับการนำเสนอยุทธศาสตร์ดังกล่าว เนื่องจากเมื่อความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเราก็ต้องหันกลับมาทำยุทธศาสตร์ทางด้านพื้นฐานให้เข้มแข็ง ไม่ว่าจะเป็นยุทธศาสตร์ทางด้านการสร้างความแข็งแกร่ง ลดช่องว่าง ลดความขัดแย้ง ลดเงื่อนไข เร่งสร้าง เพราะหากมีการสร้างเพียงอย่างเดียวโดยไม่มีการลดเงื่อนไข งานต่าง ๆ ก็จะเกิดขึ้นไม่ได้ ดังนั้นถ้าเราทำพื้นฐานที่แข็งแรงและแข็งแกร่งนั้นให้ครอบคลุมก็จะทำให้เราก้าวไปสู่ข้างหน้าได้


นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความชื่นชมยุทธศาสตร์การบูรณาการระบบการบริหารจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ ยุทธศาสตร์การพร้อมเผชิญสภาวะวิกฤตเรื่องอาหารโลก และยุทธศาสตร์การเตรียมประเทศให้พร้อมเพื่อการเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน โดยเฉพาะยุทธศาสตร์การบูรณาการระบบการบริหารจัดการภัยพิบัติแห่งชาตินั้นเป็นยุทธศาสตร์ที่มีการดำเนินการเป็นระบบและบูรณาการ ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่และเป็นวาระของชาติ รวมถึงเป็นปัญหาของทุกคน ดังนั้นจึงอยากเห็นการบูรณาการและรวมใจเป็นหนึ่งในการร่วมกันทำงานเพื่อประเทศไทย ส่วนยุทธศาสตร์การพร้อมเผชิญสภาวะวิกฤตเรื่องอาหารโลกและพลังงานที่ได้มีการนำเสนอระบุว่าเราต้องเตรียมในเรื่องของการสร้างรายได้และดูความเสี่ยงนั้น วันนี้พื้นฐานของประเทศไทยคือการมีเกษตรกรรม และการมีสินค้าที่ดีที่เน้นการสร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อทำให้ผลผลิตของประเทศเป็นผลผลิตที่ดีและมีคุณภาพ ซึ่งตรงนี้ถือเป็นพื้นฐานที่ดีของไทย ที่จะส่งผลให้เกิดการสร้างงานและสร้างคนได้ในที่สุด ขณะที่ยุทธศาสตร์การเตรียมประเทศให้พร้อมเพื่อการเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ก็เป็นเรื่องที่มีความสำคัญถึงแม้ประเทศไทยจะมีพื้นฐานที่ดีก็จะต้องไม่ลืมที่จะเตรียมความพร้อมให้กับประเทศในการก้าวไปสู่การแข่งขันและก้าวไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ซึ่งตรงนี้ทุกคนจะต้องเป็นมิติที่ทุกภาคส่วนจะมาทำงานร่วมกันอย่างแท้จริง


ในตอนท้ายนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า วันนี้ความเปลี่ยนแปลงได้เกิดขึ้นแล้ว ดังนั้นเราต้องมีการประเมินความเปลี่ยนแปลงและพร้อมรับความเสี่ยง ขณะเดียวกันเราจะต้องมีการปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น และอย่ามองความเสี่ยงเป็นปัญหาแต่ให้มองเป็นโอกาสในการที่เราจะปรับตัว เพื่อเตรียมความพร้อมประเทศไทยให้ก้าวไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียน พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความขอบคุณนักศึกษาและผู้จัดงานทุกคนที่ได้ร่วมกันนำเสนอแผนยุทธศาสตร์แห่งชาติฯ ครั้งนี้ ซึ่งรัฐบาลได้มองเห็นปัญหานี้เช่นเดียวกัน และจะขอรับเรื่องดังกล่าวไปบูรณาการร่วมกับนโยบายรัฐบาลเพื่อนำไปปรับใช้ต่อไป


ต่อจากนั้น พลโท ภัสสร อิศรางกูร ณ อยุธยา ประธานนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร 2553 กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรี เสร็จแล้วนายกรัฐมนตรี รับมอบของที่ระลึกจากผู้บัญชาการสถาบันวิชาการป้องกันประเทศก่อนเดินทางกลับ


ไม่มีความคิดเห็น: