วันนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะประกอบด้วยบุคคลสำคัญ อาทิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางถึงท่าอากาศยานกรุงพนมเปญ เพื่อเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการ โดยมีนาง Ing Khathaphavi รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการสตรีกัมพูชาให้การต้อนรับที่ท่าอากาศยาน ก่อนเดินทางไปยังสำนักนายกรัฐมนตรีกัมพูชา (Peace Palace) ซึ่งทางการกัมพูชาจัดให้มีพิธีต้อนรับและการตรวจแถวทหารเกียรติยศอย่างสมเกียรติ จากนั้นเวลาประมาณ 15.35 น. นายกรัฐมนตรีได้เข้าร่วมการหารือกลุ่มเล็กกับสมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐนตรีกัมพูชา ต่อด้วยการหารือเต็มคณะอย่างเป็นทางการ ซึ่งบรรยากาศการหารือเป็นไปอย่างใกล้ชิดและอบอุ่น
โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวแสดงความขอบคุณสำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยทั้งสองฝ่ายเห็นว่าการเยือนของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ นับเป็นการเริ่มศักราชใหม่ของความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา และความสัมพันธ์นี้ จะเป็นพื้นฐานนำไปสู่การพัฒนา และความร่วมมือในด้านต่างๆ เพื่อประชาชนและประโยชน์ของสองประเทศ และทั้งสองฝ่ายต่างยันยันว่าจะไม่ให้มีปัญหาใด มากระทบกระเทือนความสัมพันธ์สองประเทศ โดยจะไม่ให้ปัญหาความขัดแย้งที่มี มากระทบความสัมพันธ์ในภารพรวม และจะร่วมกันแก้ปัญหาอย่างสันติ โดยใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ อาทิ คณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (JC) ไทย-กัมพูชา คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ไทย-กัมพูชา คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) โดยทั้งสองฝ่ายจะส่งเสริมให้มีช่องทางการติดต่อสื่อสารกันในทุกระดับ
นอกจากนี้ไทยและกัมพูชาเห็นพ้องจะปฏิบัติตามคำสั่งศาลโลก และเห็นว่า ควรใช้กลไกคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ( GBC ) ไทย-กัมพูชา เพื่อกำหนดขั้นตอนและรายละเอียดเกี่ยวกับการปฏิบัติตามคำสั่งมาตรการชั่วคราวของศาลฯร่วมกัน
นอกจากนี้ มีการหารือเรื่องเขตทับซ้อนทางทะเล ซึ่งผู้นำทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องที่จะให้มีการเจรจาเรื่องเขตทับซ้อนทางทะเลอย่างเป็นทางการและเปิดเผย หลังจากเว้นว่างจากการเจรจามาเป็นเวลานาน ซึ่งในเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ฝ่ายไทยเองต้องมีการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกระบวนการภายในของไทยสำหรับการจัดทำกรอบเจรจาดังกล่าวก่อนจะมีการเจรจาอย่างเป็นทางการ
สำหรับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ที่ผ่านมายังเป็นไปอย่างปกติและมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จึงเห็นพ้องว่า ควรใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ เช่น JC ( Joint Commission for Bilateral Cooperation ) JTC ( Joint Trade Commission ) เพื่อเพิ่มพูนการค้าและการลงทุนระหว่างกัน โดยเฉพาะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อประชาชนจะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้แสดงความพร้อมพิจารณาสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆที่จำเป็น โดยเฉพาะโครงข่ายการคมนาคมในกัมพูชา และทั้งสองฝ่ายพร้อมผลักดันการเปิดจุดผ่านแดนถาวรแห่งใหม่ บ้านหนองเอี่ยน อ. อรัญประเทศ - สตึงบท เพื่อรองรับการขยายตัวของการขนส่งสินค้า สำหรับความร่วมมือด้านการศึกษา ไทยจะเพิ่มความช่วยเหลือด้านวิชาการและให้ทุนการศึกษาแก่กัมพูชา และในด้านการท่องเที่ยว ทั้งสองฝ่ายจะส่งเสริมความร่วมมือด้าน ACMECS Single Visa ให้มีความคืบหน้ามากขึ้นเพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างกัน
สำหรับกรณี นายวีระ - น.ส ราตรี นั้น นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาว่าเนื่องจากรัฐบาลไทยมีหน้าที่ต้องดูแลความเป็นอยู่และทุกข์สุขของชาวไทยในกัมพูชา จึงอยากขอความร่วมมือนายกรัฐมนตรีกัมพูชาในการพิจารณาขอพระราชทานอภัยโทษของบุคคลทั้งสองด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้แสดงความประสงค์ที่จะให้ความช่วยเหลือ อย่างไรก็ดี รัฐบาลกัมพูชาเองไม่สามารถแทรกแซงคำตัดสินของศาลที่ได้มีการพิจารณาไปแล้วได้ แต่รัฐบาลกัมพูชาจะขอให้มีการพิจารณาลดโทษให้แก่บุคคลทั้งสองแทน
ภายหลังการหารืออย่างเป็นทางการ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี พระมหากษัตริย์กัมพูชา ณ พระราชวังเขมรินทร์ และเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเป็นเจ้าภาพเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรี ณ สำนักนายกรัฐมนตรี และเดินทางกลับถึงประเทศไทย ณ ท่าอากาศยานทหารกองบิน 6 ในวันเดียวกัน เวลา 21.20 น.
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น