จาก “แพรวา” ถึง “หมอมุก”
ไม่แปลกใจที่คดีใหญ่ขนาดพันตรีแพทย์หญิงหทัยพร อิ่มวิทยา ถูกชนกลางถนน ต่อหน้าต่อตาประชาชนที่กำลังทานข้าวในร้านอาหาร และกลางถนนย่านสามเสน กลับถูกซุกเก็บเงียบเป็นเวลาร่วม ๙ วันกว่าคู่กรณีจะออกมามอบตัวกับตำรวจ
ขนาดคู่กรณีเป็นถึงแพทย์หญิงในโครงการแพทย์อาสาในสมเด็จฯ เป็นนายทหารยศพันตรี มีคุณแม่เป็นอาจารย์หมอศิริราช มีคุณพ่อเป็นทหารมีเกียรติคุณผ่านสมรภูมิรบอย่างกล้าหาญ มีกลุ่มเพื่อนหมอทั้งโรงพยาบาลวชิระ ต้องออกมาตะโกนดังๆ ผ่านสื่อมวลชนอย่างข่าวสามมิติ ตำรวจจึงค่อยกล้า “ขยับ” ร่วมออกทีวีกดดันให้ผู้ต้องหามามอบตัว ทั้งที่รู้ตัว รู้รถของกลาง แต่ไม่กล้าเปิดเผยชื่อ
ผ่านไปอีกวัน ผู้ต้องหาจึงได้คลานออกมามอบตัวพร้อมกับนายทหารพระธรรมนูญ โดยใช้สิทธิตามกฏหมายปล่อยตัวไประหว่างรอพิจารณาคดี
เพราะคู่กรณีเป็นนายทหาร ยศพันเอก เป็น ผอ.กองกลางสำนักปลัดบัญชีทหาร กองบัญชาการกองทัพไท
ไม่แปลกใจที่คดีใหญ่ขนาดบุคลากรทางวิชาการระดับ ดอกเตอร์ อาจารย์ นักศึกษา และประชาชน ผู้โดยสานรถตู้จากธรรมศาสตร์รังสิต ถูกชนบนทางด่วนโทรเวย์ ถูกซุกเงียบจนประชาคมธรรมศาสตร์ต้องออกมาโวยวาย นานมากกว่า๑๐ วัน คู่กรณีจึงออกมาเผยและมอบตัวกับตำรวจ
คู่กรณีผู้เสียหายเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นลูกกตัญญู ได้รับทุนราชการไปศึกษาต่อจนจบระดับปริญญาเอก และกลับมาทำงานรับใช้มหาวิทยาลัย ต้องมากลายเป็นศพห้อยบนสะพานลอยคนข้าม หน้าเกษตรศาสตร์ แต่ภาพคู่กรณียืนเล่น บีบี แชทกันอย่างไม่แคร์ความรู้สึกใดๆ บนทางด่วน
เพราะคู่กรณีเป็นลูกทหาร มีญาติเป็นทหารมีชื่อเสียง นามสกุลดัง “แพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา”
ไม่แปลกใจที่คดีใหญ่กว่านี้ ตายกลางเมืองกว่า ๙๒ ศพ ผู้เสียชีวิตมีตั้งแต่นายทหารผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก “ขัตติยะ สวัสดิผล” นายทหาร ประชาชน ต้องโดนยิงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ ๑๐ เมษายน ถึง ๑๙ พ.ค. ๕๓ โดยที่ผู้สั่งการไม่รู้สึกอะไร ยังลอยหน้าตาบนโพรเดียม
เพราะคู่กรณีเป็น “ทหารกองทัพไทย”
คนไทยรู้หรือยังว่า “อภิสิทธิ์ชนตัวจริงของสังคม คือใคร”???
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น