สวัสดีทุกท่านครับ วุ่นเสีย 2-3 วัน ไม่ได้แวะเข้ามาเลย
ได้ติดตามข่าวการปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์ที่ราชประสงค์แล้ว และดูความเห็นของสำนักข่าวต่างประเทศบางแห่งก็พอเห็นแล้วว่า นี่ไม่ใช่จุดพลิกผันของการหาเสียงแน่
ที่ไม่สามารถเป็นจุดพลิกผันได้ เพราะเนื้อหาี่นำเสนอทั้งหมดเป็นเรื่องที่เคยพูดกับประชาชนมาหมดแล้ว รวมทั้งประเด็นกล่าวหาในช่วงหาเสียงครั้งนี้
สิ่งที่เพิ่มเติมคือ การพยายามทำเรื่องนี้ให้สะเทือนใจด้วยการเล่าว่าคุณอภิสิทธิ์ร้องไห้ทั้งคืนในวันที่ 10 เมษายน 2553 และการร้องไห้บนเวทีของนายสุเทพ
นอกจากนั้นก็มีการเสนอวาทกรรมที่ว่า มาช่วยกันถอนพิษทักษิณ ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะเป็นประเด็นที่จุดขึ้น เพราะคนได้ทำความเข้าใจเชิงเหตุผลกันมามากแล้ว
จุดอ่อนที่สำคัญๆของการปราศรัยครั้งนี้ของพรรคประชาธิปัตย์ อันดับแรกคือ การเลือกสถานที่ที่ผิด เพราะในเชิงสัญลักษณ์เท่ากับต้องการท้าทาย ตอกย้ำและยั่วยุให้เกิดความขัดแย้ง รวมทั้งทำให้เกิดความเกลียดชังระหว่างคนในชาติ
ส่วนการแก้ต่างให้กับตนเองและพวกที่เพิ่มเติมขึ้นมาเช่น "ที่ราชประสงค์ไม่มีคนตาย" คนมีวิจารณญาณทั้งหลายก็ย่อมรับไม่ได้ ในขณะที่ผู้บาดเจ็บและญาติผู้เสียชีวิตย่อมโกรธมากขึ้น
การพูดแบบที่เคยพูดมาแล้วหลายครั้งว่า ประชาชนและทหารถูกคนชุดดำฆ่าตายทั้งนั้น ไม่มีใครเชื่อแน่ เพราะขัดกับข้อเท็จจริงอีกมากมายที่หลายฝ่ายนำเสนอไปแล้ว
ส่วนที่คุณอภิสิทธิ์บอกว่าร้องไห้ทั้งคืน ในวันที่ 10 เมษายน 2553 นั้น ไม่ทราบว่าร้องไห้ด้วยเหตุผลอะไรแน่ แต่คุณอภิสิทธิ์ควรทราบด้วยว่ามีประชาชนอีกมากมายที่ร้องไห้ไปอีกนานกว่าคุณอภิสิทธิ์
และผมจำเป็นต้องย้ำว่า ถ้าวันนั้นรัฐบาลไม่สั่งให้ยึดพื้นที่คืนให้ได้ ไม่สั่งให้นำอาวุธร้ายแรงนานาชนิดรวมทั้งรถหุ้มเกราะเข้าไปในบริเวณที่ชุมนุม และไม่ดันทุรังที่จะสลายการชุมนุมให้ได้ทั้งๆที่มืดแล้ว ก็คงไม่มีใครต้องร้องไห้
ต้นเหตุของความผิดพลาดของคุณอภิสิทธิ์ที่สำคัญ อยู่ที่การตั้งโจทย์เริ่มต้นรับมือกับการชุมนุมเรียกร้องของประชาชนว่าคนเหล่านี้ถูกจ้างมา ถูกกะเกณฑ์มา เป็นพวกคิดร้ายทำลายชาติ เมื่อมีการเสียชีวิตแล้วก็พยายามสร้างภาพอย่างเป็นระบบว่า ประชาชนเป็นพวกก่อการร้ายและล้มเจ้า
คุณอภิสิทธิ์กับพวกได้ถลำเข้าไปสู่จุดที่ต้องแพ้กันไปข้างหนึ่ง คือ ถ้าประชาชนไม่เป็นพวกก่อการร้ายและล้มเจ้า คุณอภิสิทธิ์กับพวกก็ต้องเป็นฆาตกร
เรื่องทั้งหมดแก้ยากมาก เพราะคู่กรณีฝ่ายหนึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ที่มีหน้าที่ต้องทำให้เกิดความยุติธรรม ยิ่งคุณอภิสิทธิ์แก้ต่างให้กับตนเองมากเท่าไรก็ยิ่งทำให้การพิสูจน์ความจริงเป็นไปได้ยากเท่านั้น
น่าเสียดายที่คุณอภิสิทธิ์ไม่ฟังคำทักท้วงของใครๆและยังคงไปปราศรัยที่ราชประสงค์ ด้วยเนื้อหาที่แย่กว่าที่ผ่านๆมาเสียอีกด้วย จึงยิ่งทำให้การแก้ปัญหาความขัดแย้งของคนในชาติแก้ยากยิ่งขึ้นไปอีก
น่าเสียดายที่การแก้ปัญหาความขัดแย้งของคนในชาติถูกทำให้แก้ยากยิ่งขึ้นเพียงเพราะความต้องการให้เกิดการพลิกผันในการหาเสียงเลือกตั้งของคุณอภิสิทธิ์กับพรรคประชาธิปัตย์
ผมประเมินว่าความพยายามจะพลิกกระแสของพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้จะล้มเหลว ในเวลาสั้นๆคนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร เข้าใจว่าคุณอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ทำอะไร
และเมื่อเป็นที่ชัดเจนว่าการปราศรัยที่ราชประสงค์ไม่ประสบความสำเร็จดังคาด มิหนำซ้ำยังอาจเป็นผลลบในหมู่ผู้ที่ทำงานด้านปรองดองและผู้ที่การให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า ถึงเวลานั้นผู้ที่จะรู้สึกเสียดายที่สุดก็คงจะเป็นคุณอภิสิทธิ์นั่นเอง
สำหรับวาทกรรม "แก้พิษทักษิณ" หรือ"ถอนพิษทักษิณ" ผมเชื่อว่าจุดไม่ติดแน่ ปัญหาของประเทศที่ต้องสูญเสียประชาธิปไตยกันไป สูญเสียระบบยุติธรรมและสูญเสียการมีรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพ มีเสถียรภาพไป ต้นเหตุสำคัญอันหนึ่งก็มาจากการจัดการกับ"ทักษิณ" ทำลายทักษิณ ไม่ใช่หรือ?
การจัดการกับทักษิณ ได้ทำให้บ้านเมืองเสียหายไปมาก และฝ่ายที่จ้องทำลายทักษิณก็เสื่อมลงไปมาก ในขณะที่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นที่ชัดเจนกว่าครั้งที่แล้วเสียอีกว่า เป็นการแข่งขันกันระหว่างฝ่ายจัดการกับทักษิณกับฝ่ายทักษิณ ซึ่งก็หมายความว่าต่างฝ่ายต่างก็ไม่มีอะไรปิดบังอำพราง และผลจากโพลทั้งหลายก็กำลังบอกว่าฝ่ายที่จ้องทำลายทักษิณกำลังจะแพ้อย่างหมดรูป การมาชูประเด็นถอนพิษทักษิณจึงไม่มีทางจุดขึ้น
ที่ปลุกให้คนแก้พิษทักษิณหรือถอนพิษทักษิณนั้น จึงมีเรื่องน่าคิดว่า ถ้ามุขนี้แป๊กและฝ่ายทักษิณชนะถล่มทลาย พวกที่จ้องทำลายทักษิณจะสรุปกันยังไง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น