ปราศรัยณ เวทีราชประสงค์ 23 มิถุนายน 2554
พี่น้องประชาชนที่เคารพรักทุกท่านครับ ผมกราบขอบพระคุณพี่น้องทุกคนที่เดินทางที่ราชประสงค์ในวันนี้ สิ่งที่เรากำลังดำเนินการอยู่นั้น ความจริงเขาก็เรียกว่าเป็นการปราศรัยทางการเมือง แต่วันนี้มีความหมายยิ่งใหญ่กว่าการปราศรัยกว่าทางการเมืองมาก และผมกราบขอบพระคุณพี่น้องที่มาร่วมกิจกรรมในวันนี้ ก่อนที่ผมจะพูดอะไรต่อไป ผมขอความกรุณาพี่น้องสักนิดเถอะครับ สถานที่แห่งนี้ ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความขัดแย้ง ของความสูญเสีย ของประชาชน ของประเทศ ในช่วงปีที่ผ่านมา ผมอยากให้พวกเราทุกคนนะครับ กรุณายืนขึ้น สงบนิ่ง สัก 1 นาที เพื่อรำลึกถึงความสูญเสียต่าง ๆ ที่ได้เกิดขึ้นกับทุก ๆ คน กับประเทศชาติ และตั้งสติร่วมกันครับว่า เราจะพาประเทศไทยเดินไปข้างหน้าด้วยสติ ด้วยเหตุ ด้วยผล ผมขอความกรุณาสงบนิ่งสัก 1 นาทีครับ
--- สงบนิ่ง 1 นาที ---
ต้องขอบคุณพี่น้องทุกท่านครับ
พี่น้องที่เคารพครับ ก่อนที่จะมาถึงวันนี้ มีเสียงวิพากษ์ วิจารณ์กันมาก บอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ ทำไมจึงมาตั้งเวทีกันที่นี่ บางคนวิตกกังวล ว่าเราจะมาเติมไฟ จะมาสร้างความขัดแย้ง ผมยืนยันว่าไม่ใช่หรอกครับ ผมและพรรคประชาธิปัตย์ ตัดสินใจพาพี่น้องมาอยู่ที่นี่ในวันนี้ เพื่อที่จะบอกว่า พื้นที่ราชประสงค์ เหมือนกับพื้นที่ทุกตารางนิ้วในประเทศไทย เป็นของคนไทยทุกคนครับ
ผมพาพี่น้องมาที่นี่ เพื่อให้ชาวไทยและชาวโลกรู้ว่า หลังวันที่ 3 ก.ค.นี้เราจะเริ่มต้นประเทศไทย เดินหน้ากันต่อไปสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวโลกอีกครั้งหนึ่งครับ
พี่น้องครับ วันนี้ การพูดจากกับพี่น้อง คงจะแตกต่างออกไปสักนิดหนึ่งครับ ขอบอกตั้งแต่ต้นว่า วันนี้ผมจะงดเว้นพูดถึงเรื่องของนโยบายที่ใช้หาเสียงกันอยู่ แต่อยากจะมาแสดงเจตนาของผมว่า ถ้าบ้านเมืองของเราจะเดินหน้าต่อไป ถ้าบ้านเมืองของเราจะเดินไปสู่ความปรองดองที่แท้จริงนั้น เราจะต้องทำอะไร และคนอย่างผมซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีมา 2 ปีกว่า ๆ ที่อาสาตัวมาอีกครั้งหนึ่ง ตั้งใจจะทำอะไร
พี่น้องครับ ผมคงต้องพูดถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านมา ผมไม่มีเจตนาจะไปตำหนิใคร ผมไม่มีเจตนาจะใส่ร้ายใครแน่นอน และผมไม่ลงรายละเอียดในเหตุการณ์ต่าง ๆ และจะไม่ตอบโต้ กับคนที่จะมาตอบโต้หลังจากวันนี้ แต่ผมต้องการจะบอกครับว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ที่มีความสูญเสียเกิดขึ้นกับชีวิตของพี่น้องประชาชนคนไทยก็ดี กับทรัพย์สิน กับธุรกิจ
ผมอยากจะบอกกับพี่น้องว่า ผมไม่มีเจตนาจะไปตำหนิใคร ผมไม่มีเจตนาจะมาใส่ร้ายใคร ผมมาเพื่อเปิดใจว่า ช่วงเหตุการณ์ของความวิกฤติของบ้านเมืองนั้น คนอย่างผมคิดอย่างไร ทำอย่างไร ให้พี่น้องประชาชนตัดสินว่าเหมาะสมที่จะพาประเทศไทยเดินไปข้างหน้าอีก 4 ปีหรือไม่
เพราะผมต้องยืนยันกับพี่น้องด้วยความสัตย์จริงครับ ว่าในช่วงที่มีความสูญเสียที่เกิดขึ้น กับชีวิตของพี่น้องประชาชนทุกคน จะเป็นเจ้าหน้าที่ จะเป็นผู้ชุมนุม หรือจะเป็นประชาชนที่ไม่รู้อิโหน่ อิเหน่ แล้วโดนลูกหลงไป ความสูญเสียที่เกิดขึ้น กับธุรกิจ กับพี่น้องประชาชน ในทางด้านเศรษฐกิจ ความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับชื่อเสียงของประเทศ นั่นคือความทุกข์มากที่สุดของผมในช่วงที่ผ่านมา
วันนี้ผมต้องมาพูดให้ชัดว่าสาเหตุของปัญหาที่ผมแก้ไขหรือพยายามแก้ไขมา 2 ปี มันอยู่ที่ไหน และเราจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร ต้องเอาความจริงมาพูดเพื่อให้เกิดความเข้าใจ
พี่น้องครับ ผมเปิดเผยหลายสิ่งหลายอย่าง ผ่านเฟสบุค ที่ได้มีการสื่อสารไปถึงพี่น้องประชาชน และก็ขอบคุณสื่อมวลชนจำนวนไม่น้อยที่ช่วยเผยแพร่ให้
ผมอยากจะบอกกับพี่น้องว่า วันที่ผมได้รับเสียงข้างมากในสภาให้มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันแรกที่ผมได้รับมติเสียงข้างมากจากสภาผู้แทนราษฎร มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ผมรู้ว่า เวลาของผมที่ปฏิบัติหน้าที่จะยากขนาดไหนเพียงไร มีคนถามผมอยู่เรื่อยครับว่า เป็นนักการเมืองอาสาตัวมาเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้ารู้ว่าสถานการณ์เหตุการณ์บ้านเมืองจะเป็นอย่างนี้ คิดจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่
ผมตอบเสมอครับว่า ผมไม่มีสิทธิ์เลือก เมื่อผมอาสาเข้ามา ผมดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรในขณะนั้น พรรคการเมืองคู่แข่งมีโอกาสบริหารประเทศผ่านนายกรัฐมนตรี 2 คน บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ผมไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบ หน้าที่ผมทำอย่างไรบ้านเมืองเดินหน้าได้ผ่านพ้นวิกฤติเท่านั้นครับ
และผมเชื่ออาจจะเป็นเพราะว่า ผมเป็นคนมองโลกในแง่ดี ว่าถ้าผมทำงานด้วยความซื่อสัตย์ ถ้าผมทำงานด้วยความทุ่มเท ถ้าผมรับฟังเสียงของพี่น้องประชาชนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะชอบ ไม่ชอบ เลือก ไม่เลือก สนับสนุน ไม่สนับสนุนผม ผมก็มองโลกในแง่ดีว่า เราจะฟันฝ่าปัญหาต่าง ๆ ไปได้
แต่ตั้งแต่ผมเป็นนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วินาทีแรก แม้แต่จะเดินทางออกมาจากสภาฯ ผมยังต้องหลบการขวางปาก้อนอิฐ ก้อนหิน แม้กระทั่งมีการราดน้ำมันใส่รถของส.ส.ที่เลือกผมเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วหลังจากนั้นก็มีการคัดค้านต่อต้าน ขัดขวาง การไปลงพื้นที่ของผม ผมก็ทำหน้าที่ครับ ที่ไหนประเมินว่าพอไปได้ แม้จะมีการ ที่มีคนมาโห่ มาไล่ มาขว้าง มาปา แต่ถ้าผมไปทำงานแล้วเกิดประโยชน์กับพี่น้อง ผมต้องไป
แต่ถ้าที่ไหน ไปแล้ว พี่น้องประชาชนจะตีกัน ประชาชนจะปะทะกันกับเจ้าหน้าที่ ผมยอมหลีกเลี่ยง ผมไม่ต้องเป็นเงื่อนไขของความขัดแย้งของสังคมนี้
ผมพยายามพิสูจน์ สิ่งเหล่านี้มาโดยลำดับด้วยความอดทน ด้วยความอดกลั้น ใครที่บอกว่า ผมหรือพรรคประชาธิปัตย์ เป็นคู่กรณีความขัดแย้ง ไปสร้างเงื่อนไขความขัดแย้ง ต้องไปทบทวนเหตุการณ์จริงครับ
แรก ๆ ที่มีการไปขัดขวางการลงพื้นที่บ้าง นั่นเรื่องหนึ่ง แต่เริ่มมารุนแรงตอนที่จะมีการประชุมสุดยอดอาเซียนที่พัทยา พี่น้องนึกออกไม๊ครับ รถผมติดไฟแดง ถูกกลุ่มมวลชนล้อมหน้า ล้อมหลัง ทุบกระจก ต้องหนีออกมา กลับมากรุงเทพฯ
นั่นไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้นที่จะต้องมาปฏิบัติกับผมอย่างนั้น แล้วสุดท้ายการล้มการประชุมอาเซียน ก็เกิดขึ้น ต่อมาก็เกิดเหตุการณ์ที่กระทรวงมหาดไทย ที่เขามาล้อมรถ ทุบตีรถ ผมอยากจะบอกกับพี่น้องครับว่า มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์อย่างหนึ่ง
วันนั้นพี่น้องเชื่อไม๊ครับว่า วันที่กระทรวงมหาดไทย เป็นวันแรกที่ผมใช้รถกันกระสุน รถคันนั้นได้ใช้วันเดียวครับ พังจนไม่สามารถที่จะซ่อมกลับมาใช้ใหม่ได้ ชีวิตผมรอดมาได้ด้วยความมหัศจรรย์อย่างแท้จริง
พี่น้องครับ สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมตั้งแต่วันนั้นแล้ว ผมมีสิทธิ์ที่จะพูดมากที่สุดว่าผม ไม่คิดแก้แค้นใคร
แต่ผมไม่เคยพูดประโยคนี้ครับ เพราะผมไม่เคยแค้นใครครับ ผมเดินหน้าแก้ปัญหาปี 2552 ในเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นรอบกรุง จนเหตุการณ์สงบลง ไม่มีผู้ใด เสียชีวิต
วันนั้นพี่น้องครับ พี่น้องจะไม่เคยได้ยินจากปากผมเลย ว่าเป็นเรื่องของชัยชนะ แต่ผมพยายามที่จะเอื้อมมือเข้าไปหาพี่น้องที่ต่อต้านผม บอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรวจสอบผมในสภา ตรวจสอบผมโดยกรรมาธิการ คณะกรรมการอิสระ ให้พี่น้องสบายใจว่าคนอย่างผม ไม่เคยคิดทำร้ายประชาชน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม
แต่ในที่สุดเขาก็ไม่ลดละความพยายาม จำได้ไม๊ครับ เขาอุตส่าห์ไปตัดต่อเสียงผมให้เป็นคลิปเสียงเผยแพร่ไปยังกลุ่มมวลชนต่าง ๆ ว่า ผมสั่งฆ่าประชาชน ทั้ง ๆ ที่ไม่มีคนเสียชีวิต ผมถึงต้องบอกกับพี่น้องที่นี่ว่า บางทีต้องเห็นใจ ถ้ารับข้อมูลไปผิด ๆ อารมณ์ ความรู้สึก ก็ย่อมนำไปสู่การตัดสินการกระทำหลายอย่าง ซึ่งพวกเราที่ฟังความรอบด้านรู้ความเป็นจริง จะไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่า เขาทำอย่างนั้นเพราะอะไร
พอมาปี 2553 นี่แหละครับ หลังจากพี่น้องส่วนใหญ่ไม่เชื่อสิ่งที่เขาพยายามกล่าวหาผมในปี 52 เหตุการณ์มันจึงรุนแรงมากขึ้น และมันรุนแรงมากขึ้น ก็เพราะว่าศาลได้ตัดสินยึดทรัพย์คุณทักษิณ 4 หมื่น 6 พันล้านบาท คดีนี้เหมือนกับคดีที่ศาลพิพากษาจำคุกคุณทักษิณ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมเลยครับ มีกระบวนการที่นำไปสู่ศาลแล้ว ศาลท่านพิพากษา คดีที่ตัดสินให้คุณทักษิณติดคุกนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นในยุคที่ผมเป็นรัฐบาลด้วยซ้ำ แต่เขาต้องทำทุกวิถีทางที่จะกดดันให้ผมเป็นคู่ขัดแย้ง เพราะในที่สุดเขาต้องการที่จะล้มรัฐบาลของผม ของประชาธิปัตย์ รัฐบาลที่รัฐสภาฯ หรือสภาผู้แทนราษฏรเลือกเข้ามาเพียงเพราะไม่ใช่พวกของเขา
แล้วปี 53 เขาจึงปลุกระดมอาศัยเงื่อนไขต่าง ๆ นานา มากมาย ที่สำคัญที่สุดที่คุณสุเทพ พูดไปแล้ว ก็คือมีการเตรียมกองกำลังที่ติดอาวุธอยู่ด้วย
พี่น้องครับ การแก้ปัญหาตรงนั้นวันนั้น เป็นเรื่องที่ยากเย็นมากครับ การระดมคนมาด้วยอาศัยเงื่อนไขการปลุกระดมต่าง ๆ นั้น มีพี่น้องมาร่วมเป็นจำนวนมาก ผมเข้าใจครับ พี่น้องหลายคนไม่ได้รับความเป็นธรรมในสังคมครับ แต่ไม่ใช่เพราะรัฐบาลชุดนี้ ไม่ใช่เพราะพรรคประชาธิปัตย์ แต่เป็นปัญหาที่สะสมมาเป็นเวลานาน
ผมเคยถาม ผมขอยกตัวอย่าง คนขับรถมอเตอร์ไซด์รับจ้าง ทำไมถึงมาชุมนุม เขาบอกว่า เขาถูกข่มเหง ถูกรังแกโดยเจ้าหน้าที่ มานานมาก วันที่เขาสามารถมารวมตัวกับพี่น้องเยอะ ๆ ชักธงแดง เขามีความรู้สึกว่า เขาได้มีอำนาจบ้าง ในบ้านนี้ เมืองนี้ เราต้องเข้าใจเขาครับ
แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือว่า คนที่พาเขามา หรือชักจูงเขามา หรือปลุกระดมเขามา มีเจตนาจะช่วยพวกเขาจริงหรือไม่ หรือเพียงแต่ต้องการใช้เป็นเครื่องมือไปสู่สิ่งอื่น นี่คือสิ่งที่เราต้องพูดกันชัด ๆ ในวันนี้ และเมื่อพี่น้องมากันมากผมรู้เลยครับว่า เราต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง ในการที่จะแก้ไขปัญหาต่าง ๆ โดยเฉพาะ เมื่อมีการมายึดพื้นที่ที่เป็นใจกลางเมืองอย่างนี้ ศูนย์กลางธุรกิจแทบจะเรียกว่า เป็นหัวใจของระบบเศรษฐกิจของประเทศ วันนั้นแรงกดดันมากมายครับพี่น้องครับ ด่าผมทุกวัน ว่าทำไมไม่สลายการชุมนุม
ผมพยายามทำความเข้าใจ ผมบอกว่าเขาวางแผนไว้หลายชั้น เขาอาศัยการเผยแพร่ไปยังต่างประเทศ พี่น้องเคยเห็นไม๊ครับ การชุมนุมครั้งไหนมีป้ายภาษาอังกฤษเยอะมาก โทรทัศน์ ซีเอ็นเอ็น บีบีซี อัลจาซีรา มาถ่ายการชุมนุมของพี่น้องเมื่อปีที่แล้ว ป้ายภาษาอังกฤษออกไปหมดครับ ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ต่อสู้เพื่อคนยากคนจน เขาต้องการให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างรัฐบาล โดยจะอ้างว่ารัฐบาลคือฝ่ายที่เป็นเผด็จการ ใช้กำลังความรุนแรงเข้าไปสลายพี่น้องที่มาเรียกร้องประชาธิปไตยพี่น้องหลายคนเพิ่งมาเข้าใจผมปีนี้ครับ
ที่เคยด่าผมว่าทำไมปล่อยเหตุการณ์ต่าง ๆ ยืดเยื้อต่าง ๆ วันนี้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นที่ตะวันออกกลาง ที่อาฟริกา ที่กลายเป็นสงครามกลางเมืองบ้าง ยังไม่รู้จะจบอย่างไรบ้าง ปีนี้มาบอกผมครับว่า คุณอภิสิทธิ์ ผมเข้าใจคุณแล้ว
และผมยืนยันครับว่า เราจึงต้องพยายามทำทุกวิถีทางไม่ให้เกิดปัญหา วันที่ต้องไปนั่งเจรจา 3 ชั่วโมงนั่นน่ะครับ พี่น้องผู้ชุมนุมไปที่ราบ 11 เป็นสถานการณ์ที่น่ากลัวมากครับ เพราะตามกฎเกณฑ์ของราชการ ถ้าเกิดอะไรขึ้น มีคนบุกรุกเข้าไปในพื้นที่อย่างนั้น พี่น้องครับ ฝ่ายความมั่นคงเขาต้องปฏิบัติตามมาตรฐานก็คือต้องปกป้องที่มั่นนั้น ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ความสูญเสียจะเป็นเท่าไหร่ และโชคดีนะครับวันนั้น วันเดียวกันวันนั้นมีคนยิง M79 ไปที่หน่วยทหารที่ รอ.1 ครับ นึกภาพสิครับ ถ้าพี่น้องเสื้อแดงอยู่ข้างหน้าราบ 11 แล้วมีใครยิง M79 เข้าไปในราบ 11 วันนั้นอะไรจะเกิดในบ้านเมืองของเรา
ผมถึงบอกคุณกอร์ปศักดิ์วันนั้นครับ ทำอย่างไรก็ได้ ขอให้พี่น้องเสื้อแดงกลับมาที่ชุมนุมหลัก ให้ผมไปเจรจาผมไป เพราะผมต้องการรักษาชีวิตของคนไทยทุกคน
เจรจาอยู่ 2 วัน ผมไม่พูดรายละเอียดหรอกครับ พี่น้องหลายคนก็ดูทางโทรทัศน์ ทราบดีว่าในที่สุด ไม่สำเร็จ และการชุมนุมเคลื่อนไหวก็ยังดำเนินต่อไป จนกระทั่งมีการไปไทยคม มีการไปทำอะไรหลายต่อหลายอย่าง ซึ่งทำให้ในที่สุดเราบอกว่า ต้องมีการดำเนินการบางอย่างเพื่อไม่ให้ประเทศไทยกลายเป็นรัฐที่ล้มเหลว
แต่ผมยืนยันครับ ว่าคนที่มีอำนาจในการตัดสินใจตามโครงสร้าง จะเป็น ศอ.ฉ. หรือใครก็แล้วแต่ เราคุยกันตั้งแต่วันแรก ผมขออนุญาตที่จะเอ่ยนามท่านผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ท่านถูกต่อว่า ถูกด่า จากหลายฝ่าย แต่ผมยืนยันครับ เราคุยกัน เปิดใจคุยกัน หัวใจของท่านตรงกับผม ตรงกับผมก็คือว่า จะปฏิบัติการอะไรต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความรุนแรง และความสูญเสียจนถึงที่สุด และเปิดใจคุยกันครับ คิดตรงกัน ผมบอกกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ ทหาร ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจ ว่า ท่านครับ ท่านทำหน้าที่ของท่าน ไม่ใช่อุ้มรัฐบาล แต่อุ้มประเทศและความถูกต้อง และระบอบประชาธิปไตย
เหตุการณ์วันที่ 10 เมษา พี่น้องเห็นไม๊ครับว่า ทหารพยายามเข้าไปขอคืนพื้นที่ ไปตั้งแต่บ่ายโมง จนถึงหกโมง 5 ชั่วโมงเต็ม ๆ ไม่มีความสูญเสียเลย เพราะเขามีวินัย เคร่งครัดในเรื่องของกฎของการใช้กำลัง แต่พอตอนค่ำขณะที่มีการถอนกำลังกลับมา แล้วเกิดเหตุการณ์ยิง M79 ยิงระเบิด จนนายทหารเสียชีวิต นั่นแหละครับ ความวุ่นวาย ความสับสนต่าง ๆ จึงเกิดขึ้น คุณสุเทพ เล่าให้พี่น้องฟังไปแล้วโดยละเอียด ผมไม่พูดซ้ำครับ แต่สิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือว่า วันนั้น ผมเห็นผู้บังคับบัญชาหลายคนน้ำตาซึมครับ ผู้ใต้บังคับบัญชาที่เป็นนายทหารที่มีคุณภาพต้องมาสูญเสียในเหตุการณ์นั้น และพอตกค่ำ ไปจนถึงช่วงดึก เราก็ทราบว่ามีพี่น้องผู้ชุมนุม เสียชีวิตด้วย ผมก็เชื่อครับว่า ญาติพี่น้องของเขา ก็ต้องเสียใจไม่น้อยไปกว่าญาติพี่น้องของทหาร หรือเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิต
แต่ที่ผมต้องพูดในส่วนของผู้บังคับบัญชาเหล่าทัพทั้งหลาย เขาไม่เคยคิดที่จะตอบโต้ด้วยความรุนแรง พี่น้องเห็นภาพตอนถอนกำลังออกมา พยายามอย่างมากที่สุดคือการยิงป้องกัน ยิงคุ้มครองเท่านั้นเอง ให้คนที่สามารถกลับมาโรงพยาบาลได้ กลับออกจากพื้นที่ที่มีการปะทะกันออกมาได้
เชื่อไม๊ครับ ผมไปเยี่ยมเจ้าหน้าที่ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎ เขาบอกว่า ไม่เคยมียุคไหนเหตุการณ์ใดที่มีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บและบาดเจ็บสาหัสเท่ากับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เมษาครับ
แต่กองทัพไม่ได้ใช้ความรุนแรงเข้าตอบโต้ กองทัพไม่ฉกฉวยโอกาสกระทำการรัฐประหาร เพราะอย่างที่ผมบอกคือเขาต้องการประคับประคองประเทศของเราให้เกิดหน้าต่อไปให้ได้เท่านั้นนะครับ
พี่น้องครับ เมื่อตอนหัวค่ำคุณสุเทพ บอกว่าคืนวันนั้นและวันรุ่งขึ้นไม่กล้าที่จะถามผมว่า ผมคิดอะไร ผมบอกกับพี่น้องครับ คืนวันที่ 10 เมษา คือคืนที่ผมทุกข์ที่สุด ตั้งแต่เป็นนายกรัฐมนตรี มาจนถึงวันนี้
พี่น้องหลายคน มักจะพูดกับผมเสมอครับว่า ผมเป็นคนไม่ค่อยแสดงความรู้สึกอะไรมากมายนัก ผมพยายามทำอย่างนั้น เพราะผมเคยพูดตั้งแต่วันแรกที่เป็นนายกรัฐมนตรีว่า ผมมีหน้าที่ที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเย็นลง แต่ที่คุณสุเทพ บอกว่าไม่กล้าถามผม และดูสีหน้าผมแล้วนั้น ผมต้องสารภาพ คืนนั้นเป็นคืนที่ผมร้องไห้อยู่นานมากครับ
ในชีวิตการเมืองของผม ผมไม่เคยต้องการจะเห็นความสูญเสียกับพี่น้องประชาชนคนไทย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด แม้แต่คนเดียว แต่มาเกิดขึ้นในยุคที่ผมเป็นนายกรัฐมนตรี
พี่น้องครับ ผมทบทวนแล้ว ทบทวนอีก คิดอยู่ตลอดเวลาว่า จะต้องตัดสินใจอย่างไร ทั้ง ๆ ที่ในใจรู้มาตลอดว่า ทั้งผม ทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐ เราพูดกันและปฏิบัติอย่างชัดเจนอยู่แล้วว่าเราจะทำทุกอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงความสูญเสียที่เกิดขึ้น
แต่ผมรู้ว่าตั้งแต่คืนนั้นแหละครับ ไม่ว่าผมจะตัดสินใจอย่างไร ชีวิตผมไม่มีทางเหมือนเดิม
ต้องมีคนโกรธ ต้องมีคนแค้น โดยธรรมชาติ และถ้ามีกระบวนการในการปลุกระดมให้เกิดความเกลียดชังมากขึ้น แน่นอนที่สุดครับ ไม่ต้องพูดถึงว่า ผมจะต้องเผชิญกับอะไร ไม่ว่าผมจะตัดสินใจอะไรก็ตาม ผมขออนุญาตที่จะบอกว่า ผมคิดหลายตลบ คิดไม่ตกผลึกครับ ว่าจะต้องทำอย่างไร แต่คนที่ให้สติผมคือ ภรรยาผมครับ
เขาก็รู้ ว่าชีวิตของเขาและลูก ๆ ของเราก็ไม่มีวันเหมือนเดิม ผมรู้สึกผิด เพราะผมนะอาสาตัวเข้ามาสู่การเมือง แต่เขาไม่ได้เป็นคนที่อาสา เขาไม่ได้เป็นคนที่ต้องมาอยู่การเมืองกับผม แต่ก็ผูกติดกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
วันนั้น เขาบอกกับผมอย่างเดียวครับว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าในเมื่อเรามั่นใจว่าเราไม่ได้เป็นคนที่ต้องการให้เกิดขึ้น ไม่ได้เป็นเงื่อนไขที่ทำให้เกิดขึ้น ทางเดียวที่จะเป็นความรับผิดชอบคือต้องแบกรับปัญหาและแก้ปัญหานั้นให้สำเร็จลุล่วงต่อไป
ห้ามหนี ห้ามทิ้งปัญหา เผชิญหน้า และแก้วิกฤติให้สำเร็จลุล่วงให้ได้
พี่น้องครับ หลังจากวันนั้น ผมก็เดินหน้าอย่างที่หลาย ๆ คนได้เล่าให้พี่น้องฟัง เกิดเหตุการณ์สะเทือนใจอีกหลายครั้ง พี่น้องที่บริสุทธิ์ ที่สีลม สถานีรถไฟฟ้า ปัญหาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่รพ.จุฬาฯ ซึ่งไม่มีใครคาดคิด ว่าจะเกิดขึ้นได้ อย่าว่าแต่ในประเทศไทยเลยครับ ที่ไหนในโลก ผมก็ถูกกดดันอยู่ตลอดเวลาว่า ถึงเวลาที่ต้องใช้กำลังเข้าแก้ไขปัญหา
แต่ไม่ใช่หรอกครับ ผมนั่งคิดอยู่ตลอดเวลาว่า จะทำอะไร อย่างไร จนผมเสนอแผนปรองดองออกมา เมื่อต้นเดือน พ.ค. แผนนั้นผมบอกกับพี่น้องว่า ยังคงเป็นแผนที่ใช้ที่จะเดินหน้าประเทศไทย แล้วผมก็ตัดสินใจว่า ผมพร้อมที่จะยุบสภาให้มีการเลือกตั้ง ก่อนผมจะครบวาระเป็นปี ขอให้ยอมรับแผนปรองดองและสลายการชุมนุม
ทำไมผมไม่ตัดสินใจยุบสภาเลย ผมก็บอกว่า มันไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง ถ้าหากว่าเรายุบสภาเพียงเพราะมีมวลชนมากดดัน วันข้างหน้า รัฐบาลใครเข้ามาก็จะไม่สามารถอยู่ได้
ระยะเวลาจากวันที่ผมเสนอแผน ถึงวันที่จะมีการเลือกตั้งที่ผมเสนอ แค่ครึ่งปี ผมต้องการเวลาให้ทุกฝ่ายไปตั้งสติ ไปปฏิบัติตามแผน ถ้าวันนี้เขารับเงื่อนไข ความจริงเลือกตั้งไปหลายเดือนแล้ว เงื่อนไขที่ผมเสนอไม่มีอะไรเลยครับ ที่จะเป็นพิษ เป็นภัยกับใคร มีแต่จะตอบโจทย์ ที่เขาใช้ในการเคลื่อนไหวการชุมนุม ผมพยายามขอร้องว่าเงื่อนไขแรก ที่เราจะต้องทำกันให้ได้คือ ความขัดแย้งทั้งหลายเป็นเรื่องการเมือง อย่าเอาองค์กร อย่างเอาสถาบันใดที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมืองและที่สำคัญอย่าเอาสถาบันใดที่อยู่เหนือการเมืองมาเกี่ยวข้องโดยเด็ดขาด
และผมบอกว่าไม่ใช่มารับปากกันว่าเราจะไม่ทำเท่านั้น พวกเราทุกคนนอกจากไม่ทำ จะต้องไปสอดส่องดูแล ไม่ให้มีใครทำด้วย ผมบอกว่าปัญหาของพี่น้องประชาชนที่มีความเหลื่อมล้ำ ไม่ได้รับความเป็นธรรม มาทำกันเป็นระบบจริง ๆ จัง ๆ เถอะครับ อย่างที่ อ.หมอประเวศ อย่างที่ท่านนายกฯ อานันท์ ได้กำลังไปดำเนินการอยู่ เดินหน้าไปเถอะครับ
ผมบอกว่าสื่อสารมวลชน มาปฏิรูปกันเถอะ สิทธิ เสรีภาพ มี แต่ทำอย่างไร อย่ากลายเป็นเครื่องมือที่ทำให้คนเกลียดชังกันมากขึ้น ผมบอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 10 เมษา ผมยินดีให้ตรวจสอบ เพราะผมมั่นใจว่า ผมและเจ้าหน้าที่เราปฏิบัติตามกฎหมายทุกประการ เอาคนนอก เอาคนกลาง เอาคนที่เป็นอิสระ มาตรวจสอบ และผมก็บอกว่าทุกฝ่ายถอยหลังกลับไปตั้งสติ ดูกติกาการเลือกตั้งแล้วนำไปสู่การเลือกตั้ง
พี่น้องครับในที่สุด เขาก็ปฏิเสธ ผมก็เชื่อที่คุณกอร์ปศักดิ์บอกกับพี่น้องเมื่อสักครู่ ว่าทำไมเขาปฏิเสธ ที่สุดแล้วเป็นเพราะแผนนี้ ไม่ได้ตอบโจทย์คน ๆ หนึ่งเท่านั้นเองครับ
ที่ไม่ต้องการปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล แล้วต้องการให้คนที่มีอำนาจรัฐมาลบล้างตรงนี้ออกไปให้เขา พีน้องครับ ผมไม่ได้ลดละความพยายามเลยครับ เวลาผ่านไป 10 วัน เมื่อไม่ยอมเลิกการชุมนุม ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจึงต้องเริ่มทำเรื่องของการกระชับวงล้อม กระชับพื้นที่ และพอมีเหตุสูญเสียมากขึ้น ผมก็พยายามให้คุณกอร์ปศักดิ์ มีการประสานงานอยู่ตลอดเวลา
พี่น้องครับ ผมจะยกตัวอย่างให้เห็นว่าสิ่งที่เราพยายามทำ แต่มันไม่สำเร็จนั้นเพราะอะไร มีการอ้างอิงถึงการเจรจาว่ามีท่านวุฒิสมาชิก ใครต่อใครมาร่วมด้วย แต่ว่าผมไม่ยอมทำตาม หักหลัง ไม่ใช่หรอกครับ เขาพยายามจะบอกว่า ทหารหยุดยิง ข้อเท็จจริงผมก็บอกไปว่า ทหารเขาตั้งด่านอยู่ เขาไม่เข้ามาที่นี่ แต่เขาต้องป้องกันตัวเมื่อมีคนไปโจมตีเขา ไม่ว่าจะเป็นที่บ่อนไก่ ไม่ว่าจะเป็นที่ถนนราชปรารภ เขามาเจรจาเขาบอกว่ายังไงครับ เขาบอกว่า คนที่มีการมายิง มาปะทะกับเจ้าหน้าที่นั้นไม่เกี่ยวข้องกับเขา แต่เขาจะพยายามสื่อสารไปให้หยุด แต่ขอแก้ปัญหาว่าให้ทหารเลิกด่านเอาทุกคนเข้ามาชุมนุมที่นี่มากขึ้น มันไม่ได้ทำให้บ้านเมืองแก้ไขปัญหาในขณะนั้นเลยครับ
แล้วผมก็ลองทดสอบบอก ถ้าอย่างนั้นจริง คุณให้หยุดก่อนสิ หยุดโจมตี หยุดยิง กำหนดเวลาชัดเจน มันไม่เป็นไปตามนั้นครับ ในที่สุด คุณสุเทพก็เล่าให้ฟังว่า เราก็ต้องเข้าไปเพื่อแก้ปัญหาที่สวนลุม ฯ ที่บริเวณลานพระรูป ร. 6 เพราะมันเป็นที่ซ่องสุมอาวุธ และกองกำลังติดอาวุธ ผมเจรจาทราบว่าถ้าสมมติในที่สุดเขาจะสลายการชุมนุม เราจะบริหารจัดการให้เรียบร้อยอย่างไร วันนั้น เขามีการเสนอว่า ขอพื้นที่วัดปทุมฯ เป็นเขตอภัยทาน ผมบอกกับผู้เสนอความคิดนี้ครับ ผ่านคุณกอร์ปศักดิ์ ผมบอกผมขอร้องเถอะ ถ้าจะใช้พื้นที่วัดปทุมฯ เลยไปข้ามถนนไปอีกนิดเดียว มันพ้นจากพื้นที่การชุมนุมแล้ว ไปตั้งตรงนั้นเถอะครับ ให้พี่น้องเตรียมตัวที่จะกลับบ้าน
เขาบอกว่า ไม่ต้องห่วง พื้นที่อภัยทานจะมีเฉพาะเด็ก ผู้หญิง คนแก่ ผมบอกเขาไปผ่านคุณกอร์ปศักดิ์ครับ ผมบอกว่าผมไม่คิดหรอกครับว่า จะควบคุมได้ ใครจะเป็นคนหยุดถ้ามีผู้ชายเดินเข้าไป มากับแม่ มากับภรรยา มากับลูกที่เป็นเด็กผู้หญิง ใครจะห้ามเขาได้ แล้วถ้ามีคนเอาอาวุธเข้าไป ใครจะห้ามเขา ผมบอกคุณกอร์ปศักดิ์ไปด้วยนะครับ ผมบอกผมกลัวที่สุด ถ้ามีเหตุการณ์ความสูญเสียที่เกิดขึ้นในวัด ใครจะรับผิดชอบ แต่เขาตัดสินใจเดินหน้า เขาเชื่อว่าไม่มีปัญหา วันสุดท้ายที่มีการสลายการชุมนุม เราก็ยังขอเลยครับ บอกแกนนำ ก่อนที่คุณจะมอบตัวนั้น คุณส่งพี่น้องของคุณกลับบ้านก่อนได้ไหม เพราะเราไม่แน่ใจว่า ถ้าพวกคุณไปมอบตัวแล้ว ไม่มีแกนนำในการชุมนุมแล้ว การบริหารจัดการให้พี่น้องกลับบ้านจะเป็นไปอย่างราบรื่น เขาก็ไม่ได้ทำ เหตุการณ์วันที่ 19 ที่เกิดขึ้น จึงเกิดอย่างที่พี่น้องเห็น
เปลวไฟ ควันไฟ ที่ลุกโชนอยู่ตรงนี้ครับ และที่ศาลากลาง และที่สยามสแควร์ และที่ช่อง 3 และที่ดินแดง บ่อนไก่ เราพยายามไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้ามามีปัญหากับผู้ชุมนุม ซึ่งอาจจะหวาดกลัว และกำลังจะกลับบ้าน แต่สุดท้ายมันเลี่ยงไม่ได้เพราะเจ้าหน้าที่ก็มีหน้าที่ในการที่จะเข้ามาดับไฟ วัดปทุมฯ ช่วงค่ำนี่แหละครับ มีผู้สื่อข่าวต่างประเทศติดต่อไปที่ราบ 11 บอกว่าถูกยิง ขอให้ช่วยเอาตัวไปส่งโรงพยาบาล พี่น้องเชื่อไม๊ครับกว่าจะเอารถพยาบาลเข้ามาได้หลายชั่วโมง เพราะรถพยาบาล เหมือนรถดับเพลิง ถูกยิงตลอดเวลา
เหตุการณ์เหล่านี้ต้องสอบข้อเท็จจริงต่อไป แต่จนถึงวันนี้ผมนึกไม่ออกจริง ๆ ว่า เจ้าหน้าที่เขามีเหตุผลอะไรที่จะไปยิงประชาชน ที่จะไปยิงรถดับเพลิง ที่จะไปยิงรถพยาบาล ความจริงเรื่องนี้ต้องพิสูจน์กันต่อไป แต่การมายัดเยียดว่าความตามที่เกิดขึ้นที่วัดปทุมฯ เป็นเพราะผมสั่งฆ่า หรือความสูญเสียที่นับรวมไปเป็นจำนวน 91 คนนี่แหละครับ มันเป็นธรรมแล้วหรือที่จะบอกว่าเป็นเรื่องของผมที่เป็นฆาตกรที่สั่งฆ่าที่มือเปื้อนเลือด
ผมอยากจะบอกกับพี่น้องครับ ว่าเหตุการณ์ทั้งหมด พวกเราทุกคนควรจะเสียใจ และควรจะคิดให้ทะลุให้ได้ว่า เราจะก้าวพ้นตรงนี้ไปได้อย่างไร ผมไม่เคยคิดหรอกครับว่า เราจะต้องมาตั้งเวทีกันอย่างนี้ จนกระทั่งเมื่อผมยุบสภา ผมได้เห็นกระบวนการที่พยายามที่จะสร้างข้อเท็จจริงชุดใหม่เพื่อมาปรักปรำผม มาปรักปรำใส่ร้าย หลายต่อหลายคน ควบคู่กันไปก็คือการที่พรรคเพื่อไทยได้พูดถึงเรื่องของการนิรโทษกรรมคุณทักษิณ
ผมจึงต้องมาพูดครับ เพราะผมต้องการให้พี่น้องเห็นอย่างชัดเจน ว่าใครเหมาะสมที่จะมาปรองดองในบ้านนี้เมืองนี้
ผมเล่าให้พี่น้องฟังอย่างละเอียดในหลาย ๆ เรื่อง พูดถึงแนวความคิด ความในใจของผม ในการตัดสินใจทุกขั้นตอนให้พี่น้องดูว่า ผมสามารถที่จะทำงานเรื่องปรองดองได้หรือไม่
ขณะเดียวกัน พรรคที่ขึ้นป้ายตอนนี้ว่า หยุดฟาดฟันกัน หันมาปรองดอง คือพรรคเพื่อไทย กำลังส่งใครเข้าไปในสภาฯ ส่งใครเข้าไปในทำเนียบครับ รายชื่อของผู้สมัครบัญชีรายชื่อที่อ่านไปทั้งหลายนั้น เขาเป็นคนพร้อมที่จะปรองดองประนีประนอมจริงหรือไม่
ในวันที่เขามีโอกาสที่จะประนีประนอมหลีกเลี่ยงความสูญเสียที่เกิดขึ้นมาทุกครั้งในเหตุการณ์ตั้งแต่เมษา ถึงพฤษภา ทำไมเขาปฏิเสธ ทำไมนายใหญ่ของเขา จึงได้ปฏิเสธการประนีประนอม ปรองดอง ที่ผ่านมา ผมต้องบอกกับพี่น้องว่า ผมเข้าใจยากจริง ๆ ว่าจิตใจของเขาทำด้วยอะไร
ผู้สนับสนุนของเขาเอง อยู่กับความยากลำบาก อยู่กับความเสี่ยงต่อการสูญเสีย แต่เขาไม่พยายามปกป้อง ผมอยากจะบอกกับพี่น้องนะครับ ผมไม่ตำหนิพี่น้องที่มาชุมนุมโดยบริสุทธิ์ นั่งอยู่ที่นี่นับเดือน ฟังความอยู่บนเวทีข้างเดียว ย่อมต้องมีจิตใจเช่นนั้น ผมไม่ตำหนิแม้แต่แกนนำทุกคนนะครับ เพราะผมรู้ว่าแกนนำบางคนอยากจะประนีประนอม เคยบอกกับนายใหญ่เขาด้วยซ้ำว่า พี่น้องเราลำบากมากแล้ว พอหรือยัง แต่สุดท้าย มันไม่พอ เพราะเขายังไม่ได้สิ่งที่เขาต้องการ
ผมถึงยืนยันว่าการปรองดอง ที่จะเดินหน้าต่อไปนี้ ที่ผมเขียนจาก 10 ข้อเหลือ 5 ข้อ ต้องเดินไปข้างหน้า ผมพร้อมทำทุกอย่าง แต่ผมไม่สามารถนิรโทษกรรม คนทุจริต ไม่สามารถคืน 4 หมื่น 6 พันล้านให้กับคุณทักษิณ
ถ้าผมหาเงิน 4 หมื่น 6 พันล้านมาได้ด้วยตัวเอง ผมจะยินดีเอาไปให้คุณทักษิณ แล้วบอกหยุดทำร้ายประเทศไทย
แต่ที่เขาจะเอา มันไม่ใช่เงินของผม มันเงินของประเทศ มันเงินของประชาชน ผมไม่มีสิทธิ์เอาไปให้
ถ้าผมพูดกับคุณทักษิณได้ ผมก็จะบอก ว่าถ้าคุณสำนึกผิด คุณยอมรับกฎหมาย ผมก็เชื่อว่า สังคมไทยเป็นสังคมที่พร้อมจะให้อภัย
แต่ถ้าคุณยังยืนยันว่า เมื่อใดก็ตามศาลตัดสินว่าคุณถูก ไม่มีปัญหา ศาลตัดสินว่า คุณผิด เป็นสองมาตรฐาน อย่างนี้ประเทศไทยยอมไม่ได้ครับ
วันนี้การตัดสินใจจึงต้องเป็นของพี่น้องประชาชน เพราะอย่าลืมว่า คุณทักษิณ มีพี่น้องที่รักเป็นจำนวนมาก และผมก็บอกได้ครับว่า หลายสิ่งที่คุณทักษิณทำแล้วเป็นประโยชน์กับพี่น้อง มี และสิ่งเหล่านั้นผมก็ยินดีทำต่อ ต่อยอดให้
แต่วันนี้คุณทักษิณ และพรรคเพื่อไทย กำลังเอาความพอใจของพี่น้องประชาชน กับนโยบายบางเรื่องบวกกับการตลาดที่เขาชำนาญ เพื่อจะกลับมามีอำนาจโดยมีเป้าหมายสุดท้ายเหมือนเดิม คือลบล้างคำพิพากษาของศาล
ดีว่าคุณทักษิณ หลุดพูดออกมา คุณเฉลิม ประกาศเองว่านี่คือเรื่องสำคัญเรื่องแรกที่ต้องทำ ไม่ใช่ปัญหา ปากท้อง ของแพง หรือยาเสพติด แต่วันนี้เมื่อเราเริ่มชี้ให้พี่น้องเห็น หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พี่น้องรู้จักไม๊ครับ คุณยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ ไปดีเบตกับผม คุณยงยุทธบอกว่าพรรคเพื่อไทยยังไม่มีนโยบายนิรโทษกรรม เพราะคุณยงยุทธเป็นหัวหน้าพรรค เป็นกรรมการบริหารพรรค ยังไม่มีมติเรื่องนี้ ที่สมาชิกพรรคไปพูดไม่เกี่ยวกับพรรค ไม่ผูกมัดพรรค
และผมรู้ครับ เขาก็จะบอกต่อไปว่าเขาไม่มีความคิดนิรโทษกรรมให้กับคุณทักษิณคนเดียว เขาจะล้างความผิดทุกสี ทุกกลุ่ม เพื่อจะบอกว่า นี่ไงคือความเสมอภาค แต่เป้าหมายสุดท้าย เรื่องเดิม
ผมยืนยันครับ ถ้ามีใครขณะนี้ไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยคดีเพราะเป็นเรื่องการเมือง ผมยืนยันว่าจะช่วยคน ๆ นั้นถึงที่สุด ไม่ให้มีความผิดครับ แต่ถ้าใครทุจริตทำผิดอาญา ก่อการร้าย ตรงนี้กฎหมายต้องเป็นกฎหมายเท่านั้นครับ บ้านเมืองถึงจะเดินต่อไปได้
วันนี้พี่น้องจึงต้องเลือก ระหว่าง พรรคประชาธิปัตย์ ที่มีผมเป็นผู้นำในการเดินหน้าปรองดองบนหลักของความถูกต้อง กับพรรคเพื่อไทย และกลุ่มคนเสื้อแดง ผมอยากจะบอกกับพี่น้องครับว่า พรรคเพื่อไทย หรือหัวหน้าพรรคเพื่อไทยจะพูดอย่างไรก็แล้วแต่ ประสบการณ์ของผม 2 ปีที่ผ่านมา ผมไม่มีคำถามในใจอีกต่อไปว่า เป้าหมายสุดท้ายของเขาคืออะไร
วันนี้ผมถึงบอกกับคุณยงยุทธ ในช่วงของการดีเบต ผมบอกผมไม่ทราบหรอกครับ กรรมการบริหารพรรคท่านจะมีมตินโยบายนี้หรือไม่ แต่ผมเห็นป้าย ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ
และทักษิณทั้งคิด ทั้งพูด ว่าถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะกลับประเทศไทย ปลายปีนี้ มาร่วมงานแต่งงานของลูกสาว ผมถามว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่นิรโทษกรรมให้จะเป็นไปได้อย่างไร เหมือนที่ผ่านมาแหละครับ ที่ทักษิณคิด แกนนำเสื้อแดงทำ วันนี้ก็ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ เราจะปรองดองกันแบบนี้เหรอครับ แล้วเหตุการณ์วันนี้มันไปไกลแล้วครับ ไกลขนาดที่ว่าพี่น้องเห็นปัญหาของคนเสื้อแดง ที่มาประท้วงผม ขับไล่ผมในช่วงที่ผมหาเสียง แล้ววันนี้คุณยิ่งลักษณ์ก็บอกว่าสั่งคนเสื้อแดงไม่ได้แล้วในขณะที่กำลังบอกว่า บ้านเมืองจะต้องปรองดอง ก็มีการไปจัดตั้ง หมู่บ้านเสื้อแดง
พี่น้องครับ เราจะยอมให้คนซึ่งมีหัวรุนแรง มีเป้าหมายซึ่งขัดกับกฎหมายอย่างชัดเจน เดินหน้าประเทศไทยเหรอครับ
ผมอยากจะบอกว่า เขาจะพูดอย่างไรก็ตาม เราต้องเข้าใจความเป็นจริง คุณยิ่งลักษณ์เสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าคุณยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี คุณยิ่งลักษณ์จะเป็นคนที่น่าสงสารที่สุดคนหนึ่ง ที่น่าสงสารเพราะอะไรครับ เพราะพี่ชายจะต้องคิดยื่นเงื่อนไขเรื่องการทำให้ตัวเองพ้นผิด ถ้าพี่น้องเป็นคุณยิ่งลักษณ์ พี่น้องจะทำยังไง คนเป็นพี่ เป็นน้องกันนะครับ ห่างกันพอสมควรในเชิงอายุ ผมเชื่อในใจคุณยิ่งลักษณ์ต้องชื่นชมคุณทักษิณในฐานะที่เป็นพี่ใหญ่ เป็นเรื่องธรรมชาติ กับปัญหาที่คุณทักษิณบอกว่า ไม่อยากอยู่เมืองนอกแล้ว อยากกลับบ้าน แล้วน้องสาวอยู่ในฐานะที่จะทำให้กลับบ้าน ถ้าคุณยิ่งลักษณ์ไม่ทำให้พี่ คุณยิ่งลักษณ์จะเป็นคนอย่างไรแต่ถ้าคุณยิ่งลักษณ์ทำให้พี่ คุณยิ่งลักษณ์ก็ต้องมาเผชิญหน้ากับพี่น้องประชาชนที่ต้องการความถูกต้อง
ผมจึงอยากจะบอกครับว่า อย่าให้สถานการณ์อย่างนั้นเกิดขึ้นเลย ไม่ได้เป็นผลดีกับใคร แล้ววันนี้เราต้องมาพูดกันให้ชัด ๆ ว่าวิธีที่เราจะก้าวพ้นความขัดแย้งนำไปสู่การปรองดอง คือสังคมต้องช่วยคนที่มีความเดือดร้อนจริง ๆ และต้องปฏิเสธคนที่นิยมความรุนแรง และต้องการสิ่งที่ขัดกับกฎหมายครับ
ผมบอกกับพี่น้องว่า ถ้าพี่น้องเลือกเบอร์ 10 ผมก็จะเดินหน้าหาทางปรองดองบนความถูกต้องด้วยความอดทน อดกลั้น อย่างถึงที่สุด
แต่ถ้าพี่น้องไม่อยากเลือกเบอร์ 10 เพราะกลัวว่าเลือกเบอร์ 10 แล้ว เสื้อแดงจะไม่หยุด ผมก็ต้องบอกกับพี่น้องครับว่า ถ้าตัดสินใจอย่างนั้น อาจจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปครับ แต่วันข้างหน้า พี่น้องประชาชนทั้งประเทศ จะเหมือนตัวประกันของคนนิยมความรุนแรงตลอดไป
หรือถ้าพี่น้องบอกว่า ไม่อยากเลือกเบอร์ 10 อยากจะได้พรรคการเมืองที่เข้ามาแล้วแก้ปัญหานี้ แล้วก็ไปตายเอาดาบหน้า เราก็กำลังนำพาประเทศ ไปสู่ความเสี่ยงความวุ่นวายอีกครั้งหนึ่ง ผมอยากจะบอกอย่างนี้ครับ โอกาสนี้ เป็นโอกาสที่ดีที่สุด ที่เราจะถอนพิษทักษิณ ออกจากประเทศ
พี่น้องคนไทย ที่นิยมชมชอบสิ่งที่คุณทักษิณ เคยทำไว้ ต้องแยกให้ออกระหว่างนโยบายต่าง ๆ ที่มาทำให้กับพี่น้องกับตัวตนของคุณทักษิณ สิ่งเดียวที่เป็นอาวุธเหลืออยู่ของคุณทักษิณในวันนี้ คือการกล่าวอ้างว่าพี่น้องประชาชนนิยม
ถ้าคุณทักษิณแน่จริง หยุดใช้การตลาด หยุดสร้างภาพลวงตา เอากันให้ชัด ๆ ประกาศเลยว่า เพื่อไทยมีนโยบายอย่างเดียว คือล้างผิด ให้ทักษิณ แล้วให้พี่น้องเลือกสิครับ
เราจะได้รู้กันไปว่า พี่น้องประชาชนคนไทย จะตัดสินใจอย่างไร แล้ววันนี้ ผมต้องบอกกับพี่น้องที่อยากจะเลือกเบอร์ 10 ว่ามีการไปปราศรัยที่ต่างจังหวัด โดยพรรคเพื่อไทยบอกว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยมาเป็นที่หนึ่ง แล้วไม่ได้เป็นรัฐบาล จะเตรียมพี่น้องเสื้อแดงมาอีก
พี่น้องครับ ที่จริงในระบบรัฐสภานั้นทั่วโลก กติกาสากล ถ้าคุณได้เสียงข้างมาก เกินกึ่งหนึ่ง ไม่มีใครไปทำอะไรคุณได้อยู่แล้ว ก็เห็นอวดอ้างอยู่เหลือเกินว่าได้ 270 ได้ 300 เสียง แล้วมากลัวทำไมว่าจะตั้งรัฐบาลไม่ได้
ผมจึงบอกว่าวันนี้พี่น้องที่ตั้งใจจะเลือกเบอร์ 10 ถ้าอยากจะให้ถอนพิษทักษิณโดยเด็ดขาด ต้องเลือกประชาธิปัตย์มาเป็นที่หนี่ง
ถ้าอยากจะให้ถอนพิษทักษิณโดยเด็ดขาด เลือกประชาธิปัตย์ให้เกิน 250
แล้วเราจะได้ประกาศไปทั่วประเทศ และทั่วโลก ว่าประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะเดินหน้าต่อไป รักษาระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
แล้วเราจะได้บอกกับพี่น้องประชาชนคนไทย และชาวโลกว่า ประเทศไทย เงินซื้อไม่ได้
แล้วเราจะได้บอกกับพี่น้องประชาชนคนไทย และชาวโลกว่า คนไทยจะไม่ยอมให้กฎหมู่ อยู่เหนือกฎหมาย
แล้วเราจะได้บอกกับชาวไทยและชาวโลกว่า คนไทยประกาศอิสรภาพจากความกลัว จากการข่มขู่แล้ว
พี่น้องครับ และที่สำคัญที่สุด จะเป็นการประกาศให้คนไทยและชาวโลกรู้ว่า ประเทศไทยไม่ใช่ของคนหนึ่งคน หรือหนึ่งสี
ประเทศนี้ต้องเป็นของทุกคน ทุกสี
พี่น้องครับ ผมอยู่กับพี่น้องในฐานะนักการเมืองมา ปีนี้ปีที่ 20 ผมมีโอกาสทำหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 2 ปีเศษ ๆ ถ้าพี่น้องให้ความไว้วางใจผมอีก 4 ปี ผมก็จะทุ่มเททำงานให้กับคนทุกคน ไม่ทำงานไม่ล้างผิดให้กับใครคนใดคนหนึ่ง
และถ้าพี่น้องเลือกผมเข้าไปผมจะไม่อนุญาตให้ใครเอาชีวิตของประชาชนมาเป็นของเล่นทางการเมืองอีก
และไม่ใช่เฉพาะราชประสงค์ ต้องไม่มีพื้นที่ใดในประเทศไทยที่คนเอาชีวิตของประชาชนมาเป็นของเล่นทางการเมืองอีก
พี่น้องครับ ผมพูดมาทั้งหมด พี่น้องคงเห็นแล้วว่า การตัดสินใจของคนไทยในวันที่ 3 สำคัญอย่างไร ผมบอกกับพี่น้องว่า ผมทำมาสุด ๆ แล้วหล่ะครับ แต่ผมยอมรับว่า ผมคงไม่สามารถทำทุกเรื่องให้พี่น้องสมหวัง หรือพึงพอใจได้ ใน 2 ปีกว่า ๆ ที่ผ่านมาแต่การเลือกตั้งครั้งนี้ ถ้าเลือกผมกลับเข้าไป ผมบอกได้เลยว่า ถ้าผมได้เป็น 4 ปี ผมไม่มีโอกาสที่จะมาขอทำงานให้กับพี่น้องอีก 4 ปีเต็มหลังจากนั้น เพราะรัฐธรรมนูญชัด ว่าไม่ให้เป็นนายกรัฐมนตรีเกิน 8 ปี
ผมจึงบอกได้อย่างเดียวว่า ถ้าพี่น้องให้ผม 4 ปี นั่นคือผมต้องเอาชีวิตการเมืองของผมเป็นเดิมพัน ที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างให้บ้านเมืองเดินหน้าสมานบาดแผลที่เกิดขึ้น และทำให้ประเทศไทยเติบโตก้าวหน้ายิ่งใหญ่ต่อไปให้ได้
ผมจะไม่มีโอกาสมายืนขอกับพี่น้องอย่างนี้อีก เพราะฉะนั้นครั้งนี้คือสิ่งที่ผมจะทุ่มเทที่สุดในชีวิตทางการเมืองของผม
แต่ถ้าวันนี้พี่น้องคนไทย บอกว่า ไม่ต้องการนักการเมืองที่ยืนหยัด ไม่เอาเงินไปให้คุณทักษิณ ไม่ต้องการนักการเมืองที่พยายามรักษาหลักของกฎหมาย ผมก็ต้องยอมรับการตัดสินนั้น แต่ผมก็ต้องบอกกับพี่น้องครับว่า การต่อสู้ตรงนี้ ก็ต้องมีคนอื่นที่จะรับไม้ไปจากผมในพรรคประชาธิปัตย์
เพราะผมต่อสู้ครั้งนี้เพื่อที่จะให้ประเทศหลุดพ้นจากปัญหาต่าง ๆ จริง ๆ ทำได้ ผมก็จะทุ่มเทต่อไป ทำไม่ได้ผมต้องหลีกทางให้คนอื่นมาทำแทน เพราะ เพราะเราจำเป็นที่จะต้องให้ระบบอยู่เหนือตัวบุคคล
แต่อนาคตการเมืองผมจะเป็นอย่างไร ก็ไม่สำคัญเท่ากับอนาคตของประเทศไทย
ขอให้พี่น้องตัดสินใจโดยเด็ดขาดเถอะครับวันนี้ และบอกทุกคนที่พี่น้องรู้จัก ตัดสินใจให้เด็ดขาดไปเลย
อย่าไปคิดเป็นอย่างอื่น เลือกประชาธิปัตย์ หรือเลือกเพื่อไทย ให้มันเด็ดขาดกันไปข้างหนึ่ง จะได้รู้ว่าจะเดินไปทางไหน
พี่น้องครับ ถ้าพี่น้องชัดเจนแล้ว ตัดสินใจแล้ว ขอเสียงดัง ๆ เป็นครั้งสุดท้ายว่า จะเลือกเบอร์อะไรครับ (เบอร์ 10) เบอร์อะไรครับ (เบอร์ 10) เบอร์อะไรครับ (เบอร์ 10) เบอร์อะไรครับ (เบอร์ 10) ขอบคุณพี่น้องครับ
เราสัญญาว่าวันนี้ที่เรามาอยู่ที่ราชประสงค์ เรามาประกาศว่า นี่คือจุดเริ่มต้นของการหลุดพ้นจากความกลัวและปัญหาทั้งปวงที่ประเทศไทยเผชิญมา 2 ปีกว่า ๆ และจะเดินหน้าประเทศไทย ไปด้วยกันในวันที่ 3 กรกฎา กราบขอบพระคุณพี่น้องครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น