น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่ม 40
ส.ว.ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ เพื่อให้ระงับการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตรา 68 และ 237 ว่า ต้องเรียนว่า
ตนหวังว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีการชี้ทางออกให้กับประเทศด้วย
เพราะว่าวันนี้เรื่องข้อกฎหมายต่างๆ
จะเห็นว่าหลายประเทศมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกฎหมาย การทำงานไปก็ต้องมีการปรับปรุง
และเชื่อว่าการทำให้กฎหมายนั้นเป็นประชาธิปไตยมีความยุติธรรมและเป็นไปตามหลักนิติธรรม
ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการที่จะสร้างความเชื่อมั่น อย่างไรก็ตาม
แนวทางออกในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็หวังว่าจะมีทางออก
เพราะว่าการแก้ไขโดยแนวทางที่จะมีการสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ก็ไปไม่ได้
ก็มาแก้รายมาตราแล้ว ก็หวังว่าทางออกจะมีให้กับประเทศ อันนี้ก็หวังไว้อย่างนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้ามีการวินิจฉัยระงับการพิจารณาชั่วคราว
จะทำให้เกิดปัญหาหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า จริงๆ ก็อยากขอว่า
ในส่วนของรัฐสภาน่าจะนำเอาปัญหาที่ทาง
ส.ว.ที่มีการติดตามเรื่องสิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญเอามาหารือกันในสภา
เพื่อที่จะพูดคุยกันและหาทางออก
มากกว่าการที่ใช้ข้อกฎหมายแล้วทางออกของประเทศเดินไม่ได้ เพราะวันนี้ทุกคนก็จะเห็นว่า
ทุกอย่างมันไม่สามารถที่จะเดินก้าวข้างหน้าได้
ขณะที่เราจะเตรียมตัวสู่ประชาคมอาเซียน
ในหลายประเทศกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านก็มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงข้อกฎหมายทั้งนั้น
และมีทางออกได้ แต่วันนี้ประเทศไทยเชื่อว่า ทุกฝ่ายจะร่วมกันหาทางออกให้กับประเทศ
เมื่อถามว่า ฝ่ายที่ออกมาคัดค้านมองกันว่า
การแก้ไขแบบรายมาตราครั้งนี้ จะนำไปสู่การแก้ไขทั้งฉบับ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า
ทุกอย่างมีกลไกอยู่แล้ว และทุกขั้นตอนมีสิทธิในการที่จะทักท้วงพูดคุยกัน
เชื่อว่าเราอยู่ในสังคมที่พูดกันได้ สังคมประเทศไทยน่าจะมีเวทีในการพูด ในส่วนของการที่บอกว่าจะไปแก้ทั้งฉบับนั้น
วันนี้ก็เห็นอยู่แล้วว่าเรื่องของ ส.ส.ร.ก็ยังไปไม่ได้เลย
เราจะไปได้ถึงขนาดนั้นหรือไม่ ตนก็มองอย่างนั้น
ซึ่งในข้อกังวลก็น่าจะไปพูดคุยกันในชั้นของรัฐสภาหรือกรรมาธิการได้
ในการป้องกันข้อกังวลต่างๆ แต่ว่าสิ่งที่ควรจะเริ่มคือ คงต้องมองว่ากระบวนการต่างๆ
ต้องให้ความยุติธรรมทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหา
ซึ่งเป็นสิทธิของประชาชนที่จะทำตามภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น