วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2556

ฟ้องอีกแล้ว! "สมเจตน์" สว.ลากตั้ง ฟ้องศาล รธน.ให้ร่างแก้ไข รธน.ไม่ชอบด้วยกฏหมาย


วันที่ 19 เมษายน 2556 (go6TV) ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว.สรรหา ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณีขอคัดค้านการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 68 รัฐธรรมนูญ ปี 2550 ที่ส.ส.และส.ว. 312 คนเข้าชื่อเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าว ซึ่งเห็นว่าการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 68 นั้นเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ที่ให้ยื่นคำร้องใช้สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญตามมาตรา 68 ให้ยื่นผ่านอัยการสูงสุดเพียงทางเดียวจะเป็นการลิดรอนสิทธิของประชาชนและไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย  ทั้งนี้การแก้ไขมาตรา 68 ยังขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่เคยมีคำวินิจฉัยไว้ชัดเจนว่าประชาชนมีสิทธิยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้โดยตรง อีกทั้งยังมองว่าการเสนอแก้ไขมาตรา 68 อาจจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครอง เนื่องจากหากแก้ไขมาตรา 68 สำเร็จ รัฐสภาก็อาจจะหยิบยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ที่ค้างอยู่ วาระ 3 ในสภามาพิจารณาได้ทันที ดังนั้นการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้เป็นการสมยอมและแบ่งกันหน้าที่กันทำ เพื่อเอื้อประโยชน์ระหว่างส.ส.และ ส.ว. ที่จะมีการแก้ไขไม่ให้มีการยุบพรรค อีกทั้งให้ ส.ว.มาจาการเลือกตั้งทั้งหมดโดยไม่จำกัดวาระการดำรงตำแหน่ง

พล.อ.สมเจตน์กล่าวว่า การที่พรรคเพื่อไทยคัดค้านการกระทำของศาลรัฐธรรมนูญ ที่รับคำร้องของ 40 ส.ว.ไว้วินิจฉัย ตามมาตรา 68 ก็เป็นสิทธิของพรรคเพื่อไทยที่สามารถคัดค้านได้ เพราะการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ต่างคนก็ต่างมีความคิดเห็นของตัวเอง ซึ่งทางผู้ถูกร้องก็สามารถที่จะโต้แย้งมา หากเห็นว่าคำร้องนั้นไม่มูล แต่ศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดในขั้นตอนสุดท้าย

ประชาธิปไตยต้องเป็นของประชาชน แต่รัฐบาลกลับต้องการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อลดอำนาจของประชาชนให้เป็นอำนาจของอัยการสูงสุดแต่เพียงทางเดียว สิ่งนี้ไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่มันคือเผด็จการ จึงต้องมายื่นคำร้อง เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองรัฐธรรมนูญเป็นกรณีฉุกเฉิน และสั่งให้ยกเลิกการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 68 และมาตรา 237 พร้อมขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคที่ให้ ส.ส.และ ส.ว.เข้าชื่อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญพล.อ.สมเจตน์ กล่าว

เมื่อถามว่าเหตุผลและข้อเท็จจริงอะไรที่ยืนยันว่าการร้องคัดค้านไม่ได้เป็นเพียงการจิตนาการหรือการคาดการณ์ล่วงหน้า พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า มาตรา 68 เป็นมาตราที่ป้องกันการกระทำที่จะเกิดขึ้นในอนาคต  เช่นการขอกู้เงินเพื่อป้องกันน้ำท่วม 3.5 ล้านบาท ทำให้ปีนี้น้ำก็ไม่ท่วม การกู้เงินจึงเป็นมาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิด  ซึ่งก็เหมือนที่ตนมายื่นร้องในครั้งนี้ที่ถือว่าเป็นการป้องกัน  ดังนั้นหากรัฐบาลบอกว่าการร้องเป็นการจิตนการเกินไป  รัฐบาลก็ต้องบอกได้ว่าเหตุผลที่ชัดเจนว่าการแก้มาตรา 68 มีจุดประสงค์อะไร อย่างไรก็ตามสถานการณ์ของประเทศไทยในขณะนี้ยังไม่ควรแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตราดังกล่าว เนื่องจากยังมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความเดือดร้อนของประชาชนอีกมากที่ควรจะแก้ไขก่อนมาตรา 68  แต่รัฐบาลก็ไม่ทำ

ไม่มีความคิดเห็น: