วันที่ 17 เมษายน 2556 เวลา 15.00น.(ตามเวลาในประเทศไทย) ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ นายวีรชัย พลาศรัย
เอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก
แถลงด้วยวาจาต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกกรณีรัฐบาลกัมพูชายื่นขอให้ศาลตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร
ปี 2505
โดยนายวีรชัยชี้ให้เห็นว่าตัวแทนฝ่ายรัฐบาลกัมพูชาจัดทำข้อมูลเท็จ
สร้างเรื่องขึ้นมาเองเพื่อทำให้ศาลเข้าใจผิดในข้อเท็จ
ถือเป็นการแสดงเจตนาไม่บริสุทธิ์
นายวีรชัยระบุหลังเกิดข้อพิพาทในคดีประสาทพระวิหารและศาลโลกมีคำพิพากษาเมื่อวันที่
15มิถุนายน 2505 ไทยปฎิบัติตามคำพิพากษา
โดยมอบปราสาทพระวิหารให้กัมพูชาและถอนกำลังออกจากพื้นที่ อีกทั้งยังทำรั้ว
ป้ายเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี
นายวีรชัยแถลงว่า ขณะที่ไทยปฎิบัติตามคำพิพากษา
แต่ฝ่ายกัมพูชากลับแสดงเจตนาไม่บริสุทธิ์ พยายามให้ศาลตีความพื้นที่เส้นเขตแดนระหว่างประเทศมาตราส่วน
1:200000ระวางดงรักที่ผนวกท้ายคำฟ้องทั้งๆที่ในปี
2505ศาลโลกไม่ได้พิพากษา
นอกจากนี้ยังความพยายามขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก
"
การร้องขอให้ศาลตีความเส้นเขตแดนดังกล่าวเป็นคำขอที่รับไม่ได้ เป็นเหมือนคำอุทธรณ์
ถือว่าเป็นคำร้องโดยมิชอบ
และข้อพิพาทที่เกิดขึ้นในปัจจุบันไม่ได้แตกต่างไปจากข้อพิพาทเดิมก่อนปี 2505"
นายวีรชัยยังชี้ให้เห็นว่าพื้นที่ 4.6ตารางกิโลเมตร
เป็นข้อพิพาทที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคำพิพากษาของศาลโลกเมื่อปี 2505นอกจากนี้แล้ว ก่อนหน้าปี2543
กัมพูชาไม่เคยประท้วงและยอมรับในกิจกรรมของฝ่ายไทยที่ทำอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว
แต่ในเวลาต่อมา กัมพูชารุกล้ำพื้นที่ที่ไทยมีอธิปไตยเหนือดินแดน
โดยก่อสร้างวัดและมีการประท้วง
พร้อมกับใช้แนวทางเจรจาผ่านทางคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชาหรือจีบีซี(General
Border Committee) ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนที่อยู่ในบันทึกความเข้าใจร่วมของทั้งสองประเทศหรือเอ็มโอยู
ปี 2543
นายวีรชัยยังแถลงต่อศาลโลกโดยระบุฝ่ายกัมพูชาพยายามรุกเข้าสู่ดินแดนที่เป็นอธิปไตยของไทยระหว่างกัมพูชายื่นขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก
ต่อยูเนสโก จัดประชุมที่เมืองไคร์ชเชิร์ต ประเทศนิวซีแลนด์ แม้ว่าไทยเจรจาก็ไม่เป็นผล
อีกทั้งมีการยั่วยุทำให้ไทยต้องใช้แนวทางป้องกันตนเอง
เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเฮก
เป็นตัวแทนฝ่ายไทยในการแถลงต่อศาลโลกยังระบุอีกว่า ข้อพิพาทเรื่องเขตแดน 4.6ตารางกิโลเมตร
เป็นการกระทำของฝ่ายกัมพูชาเพียงฝ่ายเดียว และคำพิพากษาเมื่อปี 2505ของศาลโลกไม่ได้พิจารณาในเรื่องเขตแดนดังกล่าว
ในขณะนั้นฝ่ายกัมพูชาไม่เคยขอให้ศาลพิจารณาเขตแดน
นายวีรชัยระบุ ฝ่ายกัมพูชาไม่มีหลักฐานใหม่ๆ
ขณะเดียวกันยังใช้เอกสารปลอมแปลงยื่นต่อศาล ถือเป็นกลับลำอย่างชัดแจ้ง
“ฝ่ายกัมพูชากำลังใช้ศาลเป็นเครื่องมือ
มีการสร้างเรื่องจัดทำเอกสารขึ้นมาเอง10ประเภท
มีการปลอมแปลงแผนที่ถือว่ากระทำไม่ชอบไม่ถูกต้อง ทำให้ศาลเข้าใจผิดในข้อเท็จจริง
นอกจากนี้ยังทำข้อมูลผ่านเว็บไซต์ที่ปรากฏในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
เป็นเอกสารที่หลอกคนดู”นายวีรชัยกล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น