พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร |
เมื่อวันที่ 31 กรกฏาคม 2546 หรือเมื่อ 10 ปีที่แล้ว พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น
ได้ประกาศความเป็นไทให้คนไทยทั้งชาติได้ภาคภูมิใจ เมื่อสามารถใช้หนี้ก่อนครบกำหนดได้
ปลดแอกหนี้ก้อนสุดท้าย 6 หมื่นล้านกว่าบาทสำเร็จก่อนครบกำหนด
โดยไม่คาดคิดว่า 10 ปีต่อมา
จะมีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งได้บิดเบือนข้อเท็จจริง โดยพูดถึงขนาดว่า พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ
ไม่ได้ชำระหนี้ แต่กลายเป็น “นายชวน หลีกภัย” เป็นคนชำระหนี้ ทีมงานขอนำเสนอภาพและข่าวสำคัญชิ้นนั้นดังต่อไปนี้
“ทักษิณ” ประกาศกับคนไทยทั้งประเทศ
พ้นพันธะลูกหนี้ของไอเอ็มเอฟ หลังชำระหนี้ก้อนสุดท้าย กว่า 60,000 ล้านบาท และยังมีเงินทุนสำรองในประเทศอีกว่า 38
พันล้านเหรียญสหรัฐฯ พร้อมให้ความเชื่อมั่นคนไทยจะไม่ตกเป็นทาสไอเอ็มเอฟอีก
หากรัฐบาลชุดนี้ยังบริหารประเทศอยู่
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แถลงข่าวเกี่ยวกับ
การที่ธนาคารแห่งประเทศได้ชำระหนี้ให้กับกองทุนไอเอ็มเอฟ งวดสุดท้าย
เป็นจำนวนเงินกว่า 60,000 ล้านบาท
ซึ่งการชำระหนี้ไอเอ็มเอฟครั้งนี้ทำให้ทุนสำรองระหว่างประเทศลดเหลือ 38 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งถือว่าทุนสำรองฯ ยังอยู่ในระดับที่สูง
และฐานะการเงินของประเทศยังคงแข็งแกร่ง
“รัฐบาลชุดนี้เชื่อว่าการชำระหนี้ก่อนเวลาถึง 2 ปี
เนื่องจากมีความมั่นใจว่าเราพลิกสถานการณ์ได้ และมั่นใจว่าเราจะมีเงินทุนเพียงพอ
โดยที่เราไม่ต้องเก็บหนี้ไว้ การที่เราใช้หนี้เร็วนอกจากจะประหยัดดอกเบี้ยถึง 5,000
ล้านบาทแล้วยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศเพื่อให้ต่างประเทศเห็นว่าเรามีความพร้อม
มีความแข็งแรงพอ พร้อมที่จะให้หนี้ก่อนเวลา” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงความสำเร็จที่ไทยสามารถปลดหนี้ได้
เกิดจากการปรับนโยบายทางเศรษฐกิจของประเทศ ที่ใช้นโยบาย 2 แนวทาง
ซึ่งอาศัยเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นหลัก และรัฐบาลชุดนี้
ยังให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจรากหญ้าด้วย ซึ่งถือว่ามีความสำคัญ
ที่จะเป็นการกระจายรายได้ที่ดีที่สุด ซึ่งถือว่าการกระจายทุนเป็นสิ่งจำเป็น ด้วย
ทั้งนี้การใช้หนี้ไอเอ็มเอฟของไทยในครั้งนี้ ทำให้ไทยหมดพันธกรณีหลายๆ
อย่าง เช่น การที่ไม่ต้องปรับขึ้นภาษีจาก 7 เปอร์เซ็นต์ เป็น 10 เปอร์เซ็นต์ ตามที่ได้สัญญาไว้ว่า จะต้องเพิ่มเป็นร้อยละ 10 ในเดือนตุลาคมนี้ และเรื่องการแก้ไขกฎหมาย 11 ฉบับ
ที่หลายฝ่ายแสดงความเป็นห่วงและไม่เห็นด้วย จากการหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ได้ข้อสรุปว่าจะมีการแก้ไขกฎหมายหลายฉบับ โดยเฉพาะกฎหมายทุนรัฐวิสาหกิจ
ซึ่งที่ผ่านมาไทยจำเป็นต้องขายรัฐวิสาหกิจเพื่อนำเงินมาใช้หนี้ กฎหมายล้มละลาย
ที่จะทำให้เกิดความเป็นธรรมทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้ให้ได้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน
กฎหมายประกอบธุรกิจคนต่างด้าวบนพื้นฐานความเป็นธรรม และกฎหมายพิจารณาทางแพ่ง
“วิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ความผิดของรัฐบาลใด
แต่เป็นการสะสมของการที่ไม่ได้เรียนรู้การเปลี่ยนแปลงของโลก และ
ไม่ได้ใช้ข้อมูลอย่างฉลาด เหตุการณ์เหล่านี้ต้องไม่เกิดซ้ำอีก ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายเพราะคนไทยจำนวนมากยังไม่หายเจ็บปวดจากวิกฤติเศรษฐกิจ
ดังนั้นควรเป็นบทเรียนแก่คนไทย ที่ต้องร่วมคิดร่วมแก้ปัญหา
เพื่อไม่ให้เป็นเหยื่อของระบบทุนนิยม” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นอกจากนี้พ.ต.ท.ทักษิณ
ยังยืนยันการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ว่าจะไม่ทำให้คนไทยตกเป็นทาสของไอเอ็มเอฟ
และภายในปีนี้ประเทศไทยจะมีเงินทุนสำรองที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์หลังการปลดหนี้ไอเอ็มเอฟในครั้งนี้
พร้อมเชิญชวนคนไทยติดธงชาติไทย เพื่อประกาศถึงความเป็นไทให้ประเทศ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น