วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2555

พันศักดิ์ วิญญรัตน์ : Magic Number ชงรถไฟไฮสปีดทะลุยุโรป


สัมภาษณ์พิเศษ "พันศักดิ์ วิญญรัตน์" โดยประชาชาติธุรกิจและมติชนออนไลน์ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1345348445&grpid=00&catid=&subcatid=


"ตอนอายุ 10 ขวบผมเรียนอยู่วชิราวุธวิทยาลัย อ่านหนังสือพิมพ์ว่า เมืองไทยจะมีสายการบินแห่งชาติ จะมีนักบินของตัวเอง...ผมแทบช็อก แต่ตอนนี้เราก็มีการบินไทยมา 52 ปีแล้ว"


นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี 3 คน 3 ยุค กล่าวเกริ่นก่อนที่จะขึ้นเค้าโครงนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ด้วยรถไฟความเร็วสูงของประเทศไทย ในนามโครงการ "Value Creation From Thailand"s High Speed Train"


เขาบอกว่า ภายใน 6 ปี ทุกอย่างเกิดขึ้นในเฟดแรกแน่นอน "เพราะนายกฯคุยกับทุกฝ่ายตกลงกันหมดแล้ว" นั่นหมายถึงคู่ค้าอย่างญี่ปุ่น-จีน ต่างร่วมรับรู้โครงการรถไฟไทย-จีนอย่างลึกซึ้งด้วย


รถไฟความเร็วสูง ในฐานะเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ตามที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แถลงต่อรัฐสภาเมื่อ


23 สิงหาคม 2554 ในข้อ 3.4 ตั้งใจให้เกิด 4 สาย อาทิ กรุงเทพฯ-โคราช, กรุงเทพฯ-หัวหิน, กรุงเทพฯ-พัทยา ระยอง และกรุงเทพฯ-เชียงใหม่


รวม 4 เส้นทาง 1,447 กิโลเมตร ใช้เงินลงทุน 481,066 ล้านบาท เดินทางเฉลี่ยเร็วที่สุด 1 ชั่วโมง นานที่สุด 3 ชั่วโมงกว่า


พันศักดิ์บอกว่า ตัวเลขเป้าหมายการเกิดขึ้นของ 2 อภิมหาโปรเจ็กต์ อย่างรถไฟความเร็วสูง กับทวายโปรเจ็กต์ เป็นตัวเลข 6 ซึ่งเป็น "magic number"


โดยอธิบายเพิ่มเติมว่า รถไฟความเร็วสูงมีเป้าหมาย 6 เส้นทาง เสร็จเฟดแรกใน 6 ปี สอดคล้องกับทวายโปรเจ็กต์ ที่จะแล้วเสร็จเฟดแรกสมบูรณ์ภายใน 6 ปี ทั้ง 2 โครงการจะเกิดขึ้นและสำเร็จพร้อมกันภายในเลข 6-magic number


"ต้องทำให้ได้ และทำให้เกิดขึ้นก่อนที่เศรษฐกิจของโลกจะโงหัวฟื้นขึ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจ...ผมไม่เชื่อว่าภายใน 6-7 ปี ปัญหาเศรษฐกิจในยุโรปจะฟื้นตัว"


"ถ้ารถไฟความเร็วสูงเกิด รายได้ประชาชาติและฐานภาษีจะเพิ่มขึ้น สามารถใช้หนี้ในการลงทุนได้ มีเงินลงทุนใหม่ ๆ ให้กับประเทศ"



เขาเชื่อว่าภายใน 10 ปี จะได้เห็นโครงการรถไฟความเร็วสูงเดินทางประมาณ 4-5 ชั่วโมงถึงเมืองจีน จากนั้นสามารถเชื่อมการเดินทางต่อไปถึงยุโรปได้ภายใน 4 วัน


แผนการที่ "พันศักดิ์" วาดไว้คือ จากนี้ไปอีก 5 เดือน จะมีการจัดงาน Exhibition แสดงตัวอย่างรถที่จะนำมาเดินใน 4 เส้นทาง พร้อม ๆ กับการเปิด international bidding-เปิดประมูลระดับนานาชาติ ในช่วงต้นปี 2556 คาดว่าจะมีนักลงทุน ทั้งจีน-เกาเหลี-ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส เข้าร่วมคับคั่ง


"ความจำเป็นที่โครงการนี้ต้องเกิดขึ้น ไม่ได้เป็นความฝันของผม หรือของรัฐบาล แต่เป็นความจำเป็นระดับการเปลี่ยนโครงสร้างรายได้ และเศรษฐกิจของประเทศ" พันศักดิ์กล่าว


หากโครงการไม่ถูกขัดขวางจากความไร้เสถียรภาพของการเมือง การขาดหลักนิติรัฐ ประเทศไทยจะเป็น hub ของเอเชีย


พันศักดิ์เปรียบเทียบว่า โครงการหลายอย่างที่เคยเป็นไปไม่ได้ ก็เป็นไปได้มาแล้ว ซึ่งเป็นไปตามคำสอนของพระเจ้าที่ว่า Nothing is permanent in this wicked world not even our troubles.


"เมืองไทยพึ่งพาการส่งออกสินค้าอย่างเดียวไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ถึงเวลาแล้วที่คนไทยจะได้ทำหน้าที่ขนส่งความสด-ใหม่ ไปถึงมือนักบริโภคทั่วโลก ด้วยรถไฟความเร็วสูง" 

ไม่มีความคิดเห็น: