นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ในชุดพนักงานขับรถแท็กซี่ / Photo by Palrak |
ทั้งนี้ นายณัฐวุฒิให้สัมภาษณ์หลังจากรับหนังสือของกลุ่มผู้ประกอบการผู้ขับรถแท็กซี่ว่า "กรณีการไม่ปรับขึ้นราคาค่าโดยสารรถแท็กซี่ ว่า เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ตนและสหกรณ์แท็กซี่สยาม จำกัด ร่วมกันเปิดตัวโครงการ แท็กซี่วิ่งสู้ฟัด ซึ่งเป็นโครงการที่แท็กซี่ทั่วประเทศ จำนวน 5 หมื่นคัน ร่วมใจไม่ปรับขึ้นราคาค่าโดยสารและตรึงราคาไว้ 3 เดือน หรือจนกว่ารัฐบาลจะมีนโยบายเปลี่ยนแปลงราคาพลังงาน"
"จนถึงขณะนี้ครบ 3 เดือนแล้ว โดยจากการที่ตนหารือกับกลุ่มสหกรณ์แท็กซี่ ได้ข้อสรุปตรงกันว่าพี่น้องแท็กซี่จะตรึงราคาค่าโดยสารไว้จนถึงสิ้นปีนี้ ไม่ว่าจะมีการขึ้นราคาพลังงานหรือไม่ก็ตาม ซึ่งคาดว่าจะสามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ยังคงแบกรับค่าครองชีพที่สูงได้ โดยตนได้ประกาศเดินหน้ามูลนิธิเพื่อคนขับรถแท็กซี่ โดยจะมีสวัสดิการของวิชาชีพให้พี่น้องคนขับรถแท็กซี่ในกรณีบาดเจ็บ ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต หากเจ็บป่วยเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลก็จะมีสวัสดิการให้ บุตรหลานคนขับแท็กซี่ก็จะมีโอกาสขอทุนการศึกษาได้ นอกจากนี้ คนขับรถแท็กซี่คันไหนประกอบคุณงามความดีเป็นที่ประจักษ์ต่อสังคมก็จะมีรางวัลให้เช่นกัน"
นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า สำหรับหลักเกณฑ์ในการได้รับสวัสดิการนั้น เบื้องต้นต้องเป็นแท็กซี่ที่มีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์สาธารณะ มีหนังสือรับรองจากสหกรณ์แท็กซี่ หรือตามอู่ต่างๆ อย่างไรก็ตาม สวัสดิการดังกล่าวจะดูแลคนขับรถแท็กซี่ทุกคนที่เข้าเกณฑ์ ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นสมาชิกสหกรณ์แท็กซี่หรือไม่ ส่วนหลักเกณฑ์และรายละเอียดจะให้กรรมการมูลนิธิที่เป็นพี่น้องแท็กซี่เป็นผู้กำหนดอีกครั้ง
"จะเปิดแคมเปญรณรงค์ระดมทุนเข้าสู่มูลนิธิแท็กซี่ด้วย เพราะที่ผ่านมาคนขับแท็กซี่มีกว่าแสนคนทั่วกทม.และส่วนใหญ่ขาดการสร้างระบบที่ชัดเจน ขาดแรงสนับสนุนดูแลในยามที่เกิดปัญหา แท็กซี่บางส่วนก็อาจจะเป็นมิจฉาชีพแฝงตัวมาซึ่งเป็นส่วนน้อย แต่ถ้าแท็กซี่มีสวัสดิการที่ดีก็จะเป็นเกราะป้องกันปัญหาอาชญากรรมได้อีกทาง ประโยชน์ก็จะเป็นของประชาชนผู้โดยสาร ซึ่งเราจะต้องผลักดันเรื่องนี้ให้เดินหน้าต่อไป" รมช.เกษตรและสหกรณ์กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น