ศพนายอัครเดช ขันแก้ว |
นายอัครเดช คนขวาสุดก่อนหน้าโดนยิงไม่กี่ชั่วโมง ส่วนคนที่สองจากซ้ายคือพยาบาลอาสา กมนเกด อัคฮาด |
ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง ศาลไต่สวนคำร้องชันสูตรการเสียชีวิตคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 4 ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนชันสูตรการเสียชีวิต 6 ศพ ในวัดปทุมวนาราม ในช่วงการสลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ประกอบด้วย นายสุวัน ศรีรักษา อายุ 30 ปี เกษตรกร นายอัฐชัย ชุมจันทร์ อายุ 28 ปี บัณฑิตคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง นายมงคล เข็มทอง อายุ 36 ปี เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นายรพ สุขสถิต อายุ 66 ปี พนักงานขับรถรับจ้างในสนามบิน น.ส.กมนเกด อัคฮาด อายุ 25 ปี พยาบาลอาสา และนายอัครเดช ขันแก้ว อาชีพรับจ้าง
ทั้งนี้ พนักงานอัยการนำนายอุดร สุวรรณสิงห์ ขึ้นเบิกความสรุปว่า ประกอบอาชีพขับแท็กซี่ และเข้าร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดง วันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ที่แกนนำ นปช.ประกาศยุติการชุมนุม ได้เดินออกจากบริเวณแยกราชประสงค์ ปีนกำแพงเข้าโรงพยาบาลตำรวจ และขณะที่จะเดินเข้าไปหลบภัยที่วัดปทุมวนาราม ได้ได้ยินเสียงชายคนหนึ่งตะโกนบอกว่า ไม่ต้องข้ามมา ขณะเดียวกันมีเสียงปืนดังขึ้น 1 ชุด มาจากแยกเฉลิมเผ่า จึงก้มหลบ เมื่อเงยหน้ามองออกไปเห็นนายมงคล และนายรพ ถูกยิงเสียชีวิตอยู่หน้าวัด จากนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้นเป็นครั้งที่ 2 อีก 1 ชุด เมื่อมองเข้าไปในวัดเห็น น.ส.กมนเกด ถูกยิงล้มลง ทั้งนี้ เข้าใจว่าทหารเป็นคนยิง เพราะผู้ยิงสวมชุดลายพรางทหาร
แม่ค้าน้ำเห็น"ลายพราง"ยิง
ต่อมาพนักงานอัยการ นำนางศันษณีย์ โมจิซึ ขึ้นเบิกความสรุปว่า เป็นแม่ค้าขายน้ำดื่มในที่ชุมนุมตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน 2553 แต่ก่อนเกิดเหตุได้เลิกขายน้ำและเข้าร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงบริเวณแยกราชประสงค์ เมื่อแกนนำ นปช. ประกาศยุติการชุมนุมและให้ผู้ชุมนุมเข้าไปหลบที่วัดปทุมวนาราม เนื่องจากมีการประกาศให้เป็นเขตอภัยทาน จึงเข้าไปหลบอยู่ในเต็นท์ปฐมพยาบาลหน้าวัด ได้พบนายอัครเดช กำลังช่วยปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บอยู่ ระหว่างนั้นได้ยินเสียงปืนและมีคนตะโกนบอกว่า มีผู้เสียชีวิตหน้าวัด กลุ่มผู้ชุมนุมจึงนำตัวชายที่ถูกยิงบริเวณหน้าอกด้านซ้ายเข้ามาในวัด ก่อนที่ชายคนดังกล่าวจะเสียชีวิต
"ต่อมาได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีก 1 ชุด ได้หลบไปอยู่ด้านข้างรถกระบะ ด้านข้างเต็นท์พยาบาล ส่วน น.ส.กมนเกด และนายอัครเดช หลบอยู่ใต้โต๊ะพยาบาลในเต็นท์ ระหว่างนั้นเห็น น.ส.กมนเกดพยายามจะคลานมาหลบกับพวกดิฉัน ได้เห็นแขนข้างซ้ายของ น.ส.กมนเกดมีเลือดไหล เข้าใจว่าถูกยิง จึงนำกล้องถ่ายรูปมาถ่ายบันทึกภาพเหตุการณ์ ต่อมานายอัครเดชถูกยิงอีกคนหนึ่ง และได้ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย เพราะขณะนั้นมีเสียงปืนดังขึ้นต่อเนื่องเป็นระยะ โดยเสียงดังมาจากรางรถไฟฟ้าหน้าวัด เมื่อเงยหน้ามองเห็นคนสวมชุดลายพรางกำลังเล็งปืนยิงใส่มาภายในวัด" นางศันษณีย์เบิกความ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังศาลไต่สวนพยานเสร็จสิ้น ได้นัดไต่สวนพยานครั้งต่อไป วันที่ 30 สิงหาคม เวลา 09.00 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น