วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2555

"ยิ่งลักษณ์" คว้าลำดับ 30 สตรีทรงอิทธิพลที่สุดของโลก

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 

วันที่ 23 ส.ค. นิตยสารฟอร์บส์ เผยแพร่รายงานการจัดอันดับสตรีทรงอิทธิพลของโลก 100 อันดับประจำปี 2555 โดยให้นายกรัฐมนตรีแองเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี รั้งอันดับ 1 เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน อันดับ 2 คือ นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ อันดับ 3 คือ ประธานาธิบดีดิลมา รูสเซฟฟ์ ของบราซิล โดยอันดับของนางฮิลลารีและนางรูสเซฟฟ์ ไม่เปลี่ยนแปลงจากปีที่แล้ว

 นิตยสารฟอร์บส์ ให้เหตุผลที่ให้นางแมร์เคิลครองอันดับ 1 ว่า เป็นเพราะเธอมีบทบาทสูงสุดในความพยายามแก้วิกฤติการเงินในสหภาพยุโรป (อียู) และแก้วิกฤติหนี้สาธารณะในเขตยูโรโซน จนได้ฉายา “หญิงเหล็ก” ส่วนนางคลินตัน มีผลงานโดดเด่นอย่างมากในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ถึงแม้เธอจะพ้นจากตำแหน่งในสิ้นปีนี้ ขณะที่นางรูสเซฟฟ์ แสดงความเป็นผู้นำบราซิล ประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 8 ของโลกได้อย่างโดดเด่น และมีคะแนนนิยมภายในประเทศสูงมาก

 อันดับ 4 คือนางเมลินดา เกตส์ ประธานร่วมของมูลนิธิการกุศล “บิลล์ แอนด์ เมลินดา เกตส์” ภริยาของนายบิลส์ เกตส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟต์ อันดับ 5 คือนางจิลล์ อับรามสัน บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์ส อันดับ 6 คือนางโซเนีย คานธี ประธานพรรคคองเกรสแห่งชาติของอินเดีย

 อันดับ 7 คือนางมิเชล โอบามา “สตรีหมายเลข1” ภริยาของประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯ อันดับ 8 คือนางคริสทีน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) อันดับ 9 คือนางเจเน็ต นาโปลิตาโน รมว.กระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิแห่งสหรัฐฯ อันดับ 10 คือนางเชอรีล แซนด์เบิร์ก ผู้บริหารเครือข่ายสังคมออนไลน์ยอดฮิต “เฟซบุ๊ก” ส่วนนางอองซาน ซูจี ผู้นำพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย ฝ่ายค้านหลักของพม่า อยู่อันดับที่ 19

 ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย อยู่อันดับที่ 30 นายกรัฐมนตรี จูเลีย กิลลาร์ด ของออสเตรเลีย อยู่อันดับที่ 27 เลดี้ กาก้า นักร้องแนวป็อป อยู่อันดับที่ 14 ส่วนสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 ประมุขสหราชอาณาจักรอังกฤษ ติดอันดับ 26 การจัดอันดับสตรีผู้ทรงอิทธิพลประจำปีของฟอร์บส์ ครอบคลุมสตรีในทุกวงการ ทั้งแวดวงการการเมือง บันเทิง สื่อมวลชน เทคโนโลยี องค์กรการกุศลที่ไม่แสวงผลกำไร และอื่นๆ โดยวัดจากความร่ำรวย อิทธิพล และการตกเป็นเป้าสนใจของสื่อมวลชน

credit: AFP

ไม่มีความคิดเห็น: