วันอังคารที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

จดหมายฉบับสุดท้าย จาก "ป้าอุ" ถึง "อากง"




..เรื่องเล่า จากความทรงจำป้าอุ๊ เมื่อ ๔๔ ปีก่อน
วันนั้น...เหมือนแสงแดดจะจงใจระบายท้องฟ้าเป็นสีชมพู ฉันไม่รู้ว่าฉันเผลอแอบมองเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกที เราก็ต่างเขินอายกันเสียแล้ว...
ที่โรงงานรับซื้อไม้แห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี “อาตี๋ปอ” คือชื่อที่เพื่อนๆ เรียกชายหนุ่มคนนั้น เขาเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่รอยยิ้มเขามีเสน่ห์ยิ่งนัก เขาเป็นคนขับรถสิบล้อขนไม้มาส่งที่โรงงาน ชายหนุ่มที่ใส่เสื้อเชิตเชยๆ กับกางเกงขาสั้น...ผู้มีรถสิบล้อเป็นเสมือนเรือนนอน ด้วยร่างกายอันผอมบางเป็น “อาตี๋” ผิวขาวแบบคนจีน จนบางครั้งฉันเองก็แอบสงสารเวลาที่เขาต้องแบกไม้ลงจากรถ เหงื่อเขาช่างงดงามนักในสายตาของฉัน ฉันหมายถึงค่านิยมของหญิงสาวตอนนั้น แม้งานของฉันจะสบายกว่าเขานัก การจดหมายเลขรถ จดจำนวนไม้และหมายเลขไม้เหล่านั้นคือหน้าที่ของฉัน เราไม่มีความจำเป็นใดต้องคุยกัน เขาไม่กล้าคุยกับฉันหรอก ฉันก็ไม่ค่อยอยากคุยกับคนเย่อหยิ่งอย่างเขาเช่นกัน...ทว่า
“คุณครับ / คุณคะ”
ไม่สิ ฉันไม่น่าจะต้องอยู่ในสภาพนี้เลย เขากระโดดลงจากท้ายรถสิบล้อมายืนตรงหน้าฉัน มือฉันมันชาไปหมด ปลายปากกามันขีดสมุดไม่เป็นภาษา ฉันเพิ่งได้มองตาเขาใกล้ๆก็คราวนี้
“ค่ะ เสร็จแล้วคะ ฉันจดเสร็จแล้ว”
ฉันเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก เขาไม่ได้พูดอะไร รอยยิ้มจากดวงตาเขาในวันนั้นยังติดในดวงใจฉันตราบวันนี้
ฉันคงจะลืมเขาไปเสียแล้ว ถ้าไม่มีกล่องกระดาษที่จ่าหน้าถึงฉัน มันถูกส่งมาจากในเมืองชลบุรีนี่เอง ข้างในมีถุงกระดาษมีตราห้างบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าถูกซื้อมาจากบางกอก “กางเกงขาโบว์ลิ่งสีฟ้า” ฉันคลี่อออกมองด้วยความมึนงงว่าใครนะ ที่ของสิ่งนี้มาให้ฉัน ที่ก้นกล่องมีซองจดหมายสีชมพู ฉันค่อยๆเปิดออกอ่าน เหมือนเขาจะสอดสายตาคู่นั้นเข้ามาในซองจดหมายนั้นด้วย ฉันบรรจงอ่านทุกตัวอักษรในกระดาษแผ่นนั้น รอยยิ้มปรากฏบนแก้มฉันโดยไม่รู้ตัว ...
กล่องกระดาษถูกส่งมาถึงโรงงานฉันทุกๆสองสัปดาห์ แน่นอนว่ามันจะจ่าหน้าถึงฉัน พร้อมด้วย “กางเกงขาโบว์ลิ่ง” ที่เปลี่ยนสีไปทุกๆครั้ง บางทีฉันก็แอบขำผู้ชายคนนี้นะ คนบ้าอะไร จีบหญิงโดยซื้อกางเกงให้ และยังซื้อไม่ซ้ำสีกันอีก นี่ก็เกือบโหลแล้วเห็นจะได้ แต่ที่ทำให้ฉันต้องนอนไม่หลับทั้งคืนกลับเป็นจดหมายฉบับนั้น จดหมายฉบับล่าสุดที่ถูกสอดมาในกล่องใบนั้น...
“ผมหวังว่าผมจะเจอคุณนะครับ อีกสามวันหลังวันไหว้ ที่หาดแรกรักเที่ยงตรงนะครับ... ตี๋ปอ”
ดอกเฟื่องฟ้าสีชมพูถูกสายลมหอบมาโปรยตามหาดทราย เสียงคลื่นบรรเลงเพลงรักที่ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน ทองฟ้าแจ่มใสกว่าทุกวัน อะไรกันนี่ ฉันเป็นอะไร... หรือนี่เขาเรียกว่าความรัก ฉันหลงรักเขาแล้วหรอ ไม่สิ ฉันควรกลับไปและกลับมาที่นี่อีกครั้งสักเที่ยงครึ่ง นี่มันแค่เจ็ดโมงเช้าเอง...
“คุณอุ๊ครับ”
ฉันยังไม่ทันจะหันหลังเดินกลับบ้านด้วยซ้ำ เสียงทุ้มๆนุ่มเนิบก็ดังขึ้นในเบื้องหลังของฉันเสียแล้ว ฉันค่อยๆหันกลับไปมองตามเสียงนั้น ร่างของเขาช่างงดงามมากเมื่อถูกประกายแห่งแสงแดดยามเช้า
“ ผมกลัวคุณจะมารอ ผมเลยออกจากบางกอกแต่หัวรุ่ง เพื่อมาคอยคุณ แต่ก็น่าอายนักที่ต้องทำให้คุณมายืนรอจนได้...”
บทสนทนาของเราเต็มไปด้วยรสหวานแห่งเสน่หา สายลมเอ๋ย...เจ้าหอบรักมาหรือไร...
หลังจากวันนั้น เราทั้งสองได้คบกันสักระยะ จากกางเกงขาโบว์ลิ่งเกือบสองโหลที่สีไม่เคยซ้ำกัน กลายเป็นบัตรดูหนังทุกๆปลายสัปดาห์ สาวๆในโรงงานต่างพากันอิจฉาฉัน เราคงเป็นคู่กันแน่แล้ว ฉันได้ตกลงแต่งงานกับเขาเมื่อฉันอายุย่าง ๒๐ ส่วนเขาคงเบญจเพสพอดี งานแต่งของเราจัดขึ้นทั้งในแบบไทยและจีน เขาสัญญาต่อหน้าแขกในงานวันแต่งงานว่าเขาจะดูแลฉันตลอดชีวิต ทำเอาฉันหน้าแดง น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว มือเราประสานกันแน่น ฉันเห็นร้อยยิ้มในดวงตาเขา นั่นเหมือนรอยยิ้มแรกในวันที่เขากระโดลงจากท้ายรถ... วันที่มือฉันสั่นนะแหละ
เราสร้างครอบครัวกันด้วยความขยันขันแข็ง เรามีลูกสาวลูกชายที่น่ารักเกือบครึ่งโหล ฉันมีความสุขกับการตัดเย็บเสื้อผ้าให้ลูกๆไปโรงเรียน เขามีความสุขกับการส่งลูกๆไปโรงเรียน เรามีความสุขในการกินข้าวร่วมกันตอนเย็น และในอีก ๒๐ ปีต่อมา ลูกๆของเราก็มีหลานๆ ให้เราอุ้มเกือบโหล ฉันมีความสุขกับการทำอาหารให้หลานๆ ส่วนเขาก็มีความสุขกับการส่งหลานๆไปโรงเรียน
ชีวิตฉันมีความสุขมาก ทว่าวันนี้....
-----------------------------------------------------------------------------
เขาถูกพิพากษาจำคุก ๒๐ ปี ฉันยังรอสวมกอดชายคนนั้น ชายที่มากับรถสิบล้อ ชายที่มารอฉันตั้งแต่หัวรุ่งทั้งที่นัดฉันไว้ตอนเที่ยง ชายที่ซื้อกางเกงขาโบว์ลิ่งหลากสีให้ฉัน ชายอันเป็นที่รักของลูกๆและหลานๆ ฉันยังรอรอยยิ้มที่ยังตรึงในดวงใจฉันในวันนั้น...
“คุณอุ๊ครับ ผมกลัวคุณจะมารอ ผมเลยออกจากบางกอกแต่หัวรุ่ง เพื่อมาคอยคุณ แต่ก็น่าอายนักที่ต้องทำให้คุณมายืนรอจนได้...”

บันทึกฉบับสุดท้าย จาก “ป้าอุ๊ ถึงอากง”
วันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๕๕

เราอยู่กัน มาถึงปี ที่ ๔๔
รวมความสุข ทั้งความทุกข์ ที่มากมี
แล้ววันนี้ มีเปลี่ยนไป
มวลมรสุม ทุ่มเข้ามา ผวาสุดสุด
ร่างกองทรุด สุดหวั่นไหว
แต่เรายัง มีเรารวม ร่วมหัวใจ
จะยืนให้ ได้ใน ชะตากรรม
หากวันนี้ฉันมีคาถา เสกเป่าได้
และถ้าได้ ตามฝัน ที่ฉันขอ
ให้ทุกสิ่ง เป็นจริง เหมือนเฝ้ารอ
เพียงขอเธอ ให้ได้กลับคืน
บนทางเดิน ในเส้นนี้ มีขวากหนาม
จะพยายาม ไม่ยอมแพ้ แม้ร้องไห้
จะฝืน ยืนสู้ ซมซานไป
ใจไม่เคยท้อ เพราะรอเธอ
ถึงวันนี้ ยังลางเลือน เหมือนว่างปล่าว
แต่พวกเรา คงหวังยัง มีวันใหม่
วันพรุ่งนี้คงมี ทางวิ่งกลิ้ง เข้าเส้นชัย
มาเริ่มต้น กันใหม่ ในวัยชรา
จนตายจากกัน
เพื่อเธอ
จาก ป้าอุ๊
ครบรอบ ๔๔ ปี ของเธอและฉัน ครบรอบ 478 วัน ของเธอ (คดีอากงSMS)

------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น: