วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554

'ทักษิณ' โฟนอินขอโทษเสื้อแดงไปพบที่ลาวไม่ได้


เวลา 20.00 น. ที่สถานีวิทยุชมรมคนรักอุดร 97.5 เมกกะเฮิร์ซ บ้านหนองลีหู ต.สามพร้าว อ.เมือง นายขวัญชัยพร้อมสมาชิกชมรมจำนวน 576 คน คอยฟัง พ.ต.ท.ทักษิณ จะโฟนอินเข้ามายังมือถือของนายขวัญชัยเพื่อพูดคุยกับคนเสื้อแดงทั้งหมด

จนกระทั้งเวลา 20.20 น. พ.ต.ท.ทักษิณโฟนอินเข้ามาที่มือถือของนายขวัญชัย โดยมีการนำเสียงออกอากาศสด ผ่านคลื่นวิทยุ และถ่ายทอดสดสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่อง P&P Channel พร้อมกล่าวขอโทษที่ไม่ได้เดินทางไปพบว่า เพราะมีคนไม่อยากให้ตนไปพบ โดยเฉพาะฝ่ายค้านที่เขากลัวตนเหมือนกลัวผี กลัวตนไปใกล้มาก ๆ เหมือนคอจะหักอย่างนั้น ตนก็เลยไม่ได้ไป เกรงใจรัฐบาล สปป.ลาว

จากนั้นเสียงสัญญาณเบาหายไปประมาณ 20 วินาที จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ก็กล่าวว่า "ขอโทษนะที่ให้รอนาน เพราะโทรศัพท์ไปไม่ได้เลย โทร.ยังไม่ได้ โทร.ยากมาก"

นายขวัญชัยกล่าวว่า วันที่ 31 สิงหาคมนี้ได้นัดกับ พ.ต.ท.ทักษิณไว้ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ที่จะบินมาพบกับชมรมคนรักอุดร แต่ทางฝ่ายความมั่นคงของ สปป.ลาว เข้าไปตรวจสอบที่โรงแรมแห่งนั้น พ.ต.ท.ทักษิณจึงระงับการเดินทางมาพบ ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณก็เสียใจ เพราะเป็นคนนัดเอง แต่ก็มาไม่ได้ สิ่งที่ตนต้องการให้พ.ต.ท.ทักษิณยืนยัน ก็เพื่อให้พี่น้องของชมรมคนรักอุดร ได้เข้าใจว่าตนไม่ได้หลอกลวง ตั้งแต่วันที่พ.ต.ท.ทักษิณโทรทัศน์มานัดวันที่ 16 สิงหาคม ก็สื่อไปว่ามีคนอยากพบ แต่ชมรมคนรักอุดรไม่เคยพูดเลยว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะมาพบกับชมรมคนรักอุดร เพราะไม่ต้องการให้เป็นข่าว

“แต่แล้วก็มีผู้หวังดีประสงค์ร้ายไปปล่อยข่าวว่า พวกเราจะไปพบกับท่านที่ สปป,ลาว จึงเป็นประเด็นข่าวที่สื่อต่าง ๆ นำเสนอ ทางฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ติดต่อไปทาง สปป.ลาว เมื่อท่านทราบว่ามีข่าวออก ท่านจึงไม่เดินทางมา เพราะไม่ต้องการให้กระทบกระเทือนต่อรัฐบาลลาว ไม่อยากให้เป็นประเด็นทางการเมือง ท่านจึงยกเลิกการเดินทางมาพบกับพวกเรา แต่ท่านก็โฟนอินมาพูดคุย เพราะท่านแคร์ความรู้สึกของพวกเรา ที่สนับสนุนท่านมาตลอด 5 ปีที่ผ่านมา” นายขวัญชัยกล่าว


ขอขอบคุณ

http://www.komchadluek.net/detail/20110831/107815/%E0%B8%82%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%9E%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B8%A7.html

Dear Mr.President Obama … from Joe Gordon

จดหมายฉบับดังกล่าวนี้ เขียนขึ้นจากบันทึกจากคำพูดในเรือนจำ เพื่อมาเขียนเป็นจดหมาย จากนักโทษคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ นายโจ การ์ดอน (เลอพงษ์ วิไชยคำมาตย์) ซึ่งเขียนนำเรียนนายบารัค โอบาร์มา ประธานาธิบดีประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อร้องขอความช่วยเหลือจากการพิจารณาคดีอย่างไม่เป็นธรรม จากเว็บไซต์สำนักกฏหมายราชประสงค์ มีข้อความซึ่งขออนุญาตถ่ายทอดดังนี้

Dear President Obama :

I am writing to you as a matter of life and dead from jail in Bangkok, Thailand. The Thai authority charges me with lese “ majeste” and computer crime laws. The Thai government uses these laws to target activists , scholars, journalists, authors and politicians and sentence them to decade in prison on multiple charges.

I cannot fight my case against the Thai justice system alone. Because, the system is corrupted , bias, and violated human rights. Therefor, there is no fair treatment. For example, my case, by detaining me and not allowing bail. Beside, I feel sad to see our freedom of expression has been insulted, punished, and degraded by the third world country like Thailand.

I would like to ask all americans to stand up, support, and defence our “proud” U.S.constitutions freedom of expression that the Thai government does not respect. American government should protest and condemn Thailand for using this abusive laws as a tool to protect the royal institution from criticism, especially, my case in American soil. And, demands Thailand to release me from jail immediately.

God bless you , God bless America.

Sincerely,

Joe Gordon

Bangkok Jail, Thailand


http://rli.in.th/2011/08/31/dear-president-obama-from-joe-gordon-%E0%B8%88%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%97%E0%B8%A9%E0%B8%84%E0%B8%94/

อึ้ง! จับร้านของกงเต๊ก ละเมิดตราสินค้าลิขสิทธิ์

ตร.นิวยอร์กบ้าจี้! จับร้านของกงเต๊ก ชี้ละเมิดแบรนด์หรู



สัปดาห์ที่ผ่านมาหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทมส์รายงานว่า เมื่อวันอังคารที่ 23 ส.ค. ทางตำรวจนิวยอร์กได้บุกเข้าตรวจค้นและจับพนักงานในร้านขายของกงเต๊งชื่อ “ฟุก ออน ซิง” ที่ตั้งอยู่บนถนนมัลเบอร์รี กลางเกาะแมนฮัตตันมหานครนิวยอร์ก โดยเจ้าของร้านดังกล่าวถูกตั้งข้อหา ปลอมแปลงสินค้าหลายชนิด รวมไปถึงละเมิดลิขสิทธิ์กระเป๋าแบรนด์ดังอย่าง หลุยส์ วิตตอง และเบอร์เบอรี อีกด้วย


สำหรับร้านฟุก ออน ซิง ตั้งอยู่ในย่านไชน่าทาวน์ โดยขายสินค้าและอุปกรณ์ต่างๆ เกี่ยวกับงานศพตามประเพณีจีนหลายหลายชนิด โดยสินค้าที่ละเมิดลิขสิทธิ์ส่วนใหญ่ผลิตจากกระดาษ กระดาษแข็ง และพลาสติกซึ่งชาวจีนใช้เผาส่งไปให้บรรพบุรุษหรือญาติมิตรที่ล่วงลับไปแล้วในพิธีกงเต๊ก โดยร้านดังกล่าวขายคฤหาสน์ทำจากกระดาษแข็งในราคาประมาณ 12,000 บาท (400 เหรียญสหรัฐฯ) โทรทัศน์จอแบน 1,200 บาท (40 เหรียญสหรัฐฯ) นอกจากนี้ยังมีแบงก์กงเต๊กระบุมูลค่าใบละ 10,000 เหรียญสหรัฐฯ รถยนต์สปอร์ต โทรศัพท์มือถือ ชุดสูท ตุ๊กตาคนรับใช้ที่ทำจากกระดาษขายอีกด้วย


“เมื่อญาติพี่น้องเสียชีวิต คนจีนก็รู้สึกว่าคนที่จากไปต้องการสิ่งของเครื่องใช้ในโลกหน้าด้วย พวกเขาอาจจะต้องการรถ ต้องการบ้าน และของดีๆ อย่างอื่น ผู้คนซื้อของเหล่านี้ไว้ใช้ส่งไปให้กับคนตาย” เอมี มัก ชาน ผู้มีศักดิ์เป็นป้าของพนักงานพยายามอธิบาย


ขณะที่โฆษกตำรวจนิวยอร์กให้ข้อมูลแต่เพียงที่ระบุในบันทึกการจับกุม คือ ผู้ถูกจับกุมคือ นายวิง ซุน มัก ถูกจับได้ว่าเสนอขายกระเป๋าถือปลอมแปลงละเมิดลิขสิทธิ์ยี่ห้อเบอร์เบอรีจำนวน 3 ใบ ละเมิดลิขสิทธิ์ยี่ห้อหลุยส์ วิตตองอีก 1 ใบ ไม่นับรวมกับรองเท้าอีก 4 คู่ และเสื้อผ้าอีก 2 ชุด

นายมักให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า มีชายในชุดลำลองเดินเข้ามาในร้าน โดยดูจะให้ความสนใจกับกระเป๋าและรองเท้าลำลองกระดาษแข็งที่พะยี่ห้อ หลุยส์ วิตตอง และกุชชี “เขาถามผมว่า ‘ราคาเท่าไหร่’” นายมักเล่า และตอบกลับไปว่าราคาใบละ 20 เหรียญสหรัฐฯ หลังจากนั้นชายคนดังกล่าวก็แสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ และจับกุมนายมักในทันที

หลังจากถูกจับ นายมักถูกควบคุมตัวอยู่หนึ่งคืน และถูกนำตัวไปขึ้นศาลอาญาในช่วงบ่ายวันพุธ (24) ก่อนจะถูกปล่อยตัวออกมา โดยนายมักถูกตั้งข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ในระดับที่ 3 ขณะที่ทนายของมักให้สัมภาษณ์ว่า เขาปฏิเสธข้อเสนอของทางโจทก์ที่ยอมให้นายมักยอมรับสารภาพว่ากระทำผิดและจ่ายค่าปรับจำนวน 100 เหรียญสหรัฐฯ เพื่อยุติคดีความ


ป้าของผู้ต้องหาให้สัมภาษณ์ต่อว่า “เราไม่คิดว่าการขายของอย่างนี้จะผิดกฎหมายของอเมริกา เพราะของในพิธีกงเต๊กที่เผาไปให้กับผู้ตายก็เปลี่ยนแปลงไปยุคสมัย” โดยรายงานระบุด้วยว่าในวันดังกล่าวนอกจากการเข้าจับกุมของใช้ในพิธีกงเต๊กที่ละเมิดลิขสิทธิ์ในร้านฟุก ออน ซิงแล้ว ตำรวจนิวยอร์กยังมีการจับกุมผู้ตั้งแผงขายกระเป๋าแบรนด์เนมปลอมอื่นๆ ในย่านไชน่าทาวน์ของมหานครนิวยอร์กอีกด้วย


ขอขอบคุณ
http://www.wiseknow.com/blog/2011/08/30/17122/?utm_source=feedburner&utm_medium=feed&utm_campaign=Feed:+WiseKnowBlog+(WiseKnow+Knowledge+Blog+|+%E0%B8%9A%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89)&utm_content=Yahoo!+Mail#axzz1WhL4IIyN

เสื้อแดงอุดรนับพันข้ามลาว "กินข้าวเย็นกับทักษิณ"


ที่สถานีวิทยุชมรมคนรักอุดร บ้านหนองลีหู ต.สามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร ได้พาคณะทัวร์จำนวนกว่า 500 คน เดินทางโดยรถทัวร์ปรับอากาศ 11 คัน เพื่อไปท่องเที่ยวประเทศลาวและถือโอกาสแวะเยี่ยมเยียน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่จะแวะมาที่ลาวในช่วงเย็น


โดยนายขวัญชัย ได้ประกาศให้สมาชิกชมรมคนรักอุดร ได้รับทราบว่า การเดินทางไปเที่ยวในครั้งนี้ถือว่าเป็นการพักผ่อนของคนเสื้อแดงที่เหน็ดเหนื่อยมานานกับการต่อสู้ให้กับพรรคเพื่อไทยจนได้รับชัยชนะ จึงอยากจะพากันไปพักผ่อนด้วยการไปเที่ยวประเทศลาว และน่าจะได้พบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถ้าโชคดี โดยกำหนดการเดินทาง จะออกจากอุดรฯ ไปกราบไหว้หลวงพ่อพระใสที่หนองคายแล้วข้ามไปเที่ยวที่ประเทศลาว ตอนเย็นไปกินข้าวที่โรงแรมเพชรจำปา เวียงจันทน์ หากไม่ติดขัดอะไร พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะเดินทางมาร่วมรับประทานข้าวเย็น หรือข้าวแลงกับคนเสื้อแดง ในครั้งนี้ด้วย


นายขวัญชัย กล่าวอีกว่า หลังจากที่มีข่าวว่าชมรมคนรักอุดร จะเดินทางไปเที่ยวที่ลาวและแวะกินข้าวเย็นร่วมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำให้มีกลุ่มคนจำนวนมากพากันเหมารถทัวร์ รถตู้ข้ามไปยังประเทศลาวจำนวนมากเพื่ออยากจะเข้าพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เลยทำให้โอกาสที่คนของชมรมคนรักอุดรจะได้กินข้าวเย็นกับ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจต้องผิดหวัง แต่หาก พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางมาไม่ได้ ก็จะวิดีโอลิงก์ เข้ามาที่โรงแรมเพชรจำปา ทักทายกับคนเสื้อแดงแทน



ขอขอบคุณ ข่าวสด

"มาร์ค" แถช่วยสุเทพ "ประชุมลับ = คุยนอกรอบ" , ดร.สุนัยถามขย่มต่อ!


ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และว่าที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี องค์กรปิโตรเลียมแห่งชาติกัมพูชา ออกแถลงการณ์ระบุว่า รัฐบาลสมัยพรรคประชาธิปัตย์ ได้พยายามเจรจาเกี่ยวกับเรื่องผลประโยชน์ทางทะเลกับทางกัมพูชา ว่า ทุกอย่างมีความชัดเจนว่า ในตอนเริ่มต้นรัฐบาลนั้น ได้มอบหมายให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ดำเนินการ และนายสุเทพ ก็คงชี้แจงไปแล้ว เท่าที่ตนทราบการเจรจาที่ว่า เป็นการขอคุยนอกรอบเพื่อทำกรอบเจรจา เพราะต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุมสภาฯ และในที่สุดเมื่อมีการแขวนบันทึกความเข้าใจร่วมไทย - กัมพูชา (เอ็มโอยู) ก็ยุติกันไป ไม่ได้มีเรื่องอะไรซับซ้อนเลย ทั้งนี้ คงต้องใช้สามัญสำนึกดีกว่า ว่าถ้ารัฐบาลไปเอื้อผลประโยชน์กับกัมพูชาจริง กัมพูชาก็น่าจะพอใจ แต่ที่กัมพูชาพยายามดิสเครดิตรัฐบาลที่แล้วนั้น เป็นเพราะรัฐบาลชุดก่อนไม่เคยตามใจกัมพูชา เพราะต้องการรักษาผลประโยชน์ของชาติ

ส่วนแถลงการณ์ที่ออกมาจะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของรัฐบาลชุดที่แล้วหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็เรียนไปตามข้อเท็จจริง และขอย้ำว่า ถ้ามีความพยายามทำอะไรเพื่อเสียผลประโยชน์จริง กัมพูชาคงชอบใจ เมื่อถามถึงกรณีที่ กัมพูชาระบุถึงความโปร่งใสในช่วงที่ได้มีการเจรจากับรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพร้อมจะเดินหน้าเจรจาต่อในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ถึงบอกให้ไปคิด ว่าถ้ากัมพูชาพึ่งพอใจ ต้องไปดูว่ารัฐบาลไหนกำลังจะไปเอื้อ จะไปดูวิกิลิกส์ ก็ได้ครับ"


วันที่31ส.ค. ที่รัฐสภา นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่องค์กรปิโตรเลียมแห่งชาติกัมพูชา ออกแถลงการณ์ ระบุว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต รมว.กลาโหมไปเจรจาลับที่ประเทศฮ่องกง และคุณหมิง ประเทศจีน เรื่องผลประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 52, วันที่ 1 ส.ค. 52 และวันที่ 16 ก.ค. 53 นั้น ตนขอตั้งคำถาม 5 ข้อ คือ


1.ทำไมถึงไม่มีการเจรจาแบบเปิดเผยที่ประเทศกัมพูชา


2.ทำไมนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ถึงตั้งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นประธานคณะกรรมการการเจรจา ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้


3.ทำไม พล.อ.ประวิตร ถึงไปร่วมเจรจาด้วยและไปร่วมด้วยแค่ไหน ซึ่งมีความเกี่ยวข้องทางการทหารและสงคราม

4.การฉีกเอ็มโอยู่ปี 44 ของรัฐบาลอภิสิทธิ์ โดยอ้างเหตุผลว่าทางกัมพูชา โดยสมเด็จฮุนเซ็น ตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นที่ปรึกษา แต่การฉีกเอ็มโอยูดังกล่าวทำหลังจากการเจรจาลับ ซึ่งเป็นการเจรจาแล้วตกลงกันเรื่องผลประโยชน์ไม่ลงตัวใช่หรือไม่


5. เนื้อหาในเอ็มโอยูที่ถูกฉีก ไม่ได้การเป็นดำเนินการในสมัยรัฐบาลทักษิณ แต่เป็นการเจรจาต่อเนื่องมาตั้งแต่รัฐบาลนายชวน หลีกภัย ซึ่งระบุในเอ็มโอยูว่า เป็นผลการประชุมต่อเนื่องจากการประชุมที่ชะอำ ในวันที่ 5ต.ค.2543 ดังนั้น จึงอยากให้รัฐบาลชี้แจงตอบคำถามทั้ง 5 ข้อ เพื่อให้ความสามัคคีปรองดองเกิดขึ้น เพราะเราถูกใส่ร้ายมาตลอด 5 ปี





ขอขอบคุณ

http://www.ryt9.com/s/nnd/1225893?utm_source=twitterfeed&utm_medium=twitter

และ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1314785776&grpid=03&catid=&subcatid=

แถลงการณ์ เรื่อง ขอให้ยุติการคุกคามสื่อมวลชน


จากกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงได้ไปชุมนุมที่สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 โดยได้ยื่นหนังสือเรียกร้องให้ปลดนางสาวสมจิตต์ นวเครือสุนทร ออกจากการเป็นผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 นั้น

สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย เห็นว่าเป็นการแทรกแซงและคุกคามสื่อ จึงขอเรียกร้องให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวยุติการคุกคามสื่อมวลชนไม่ว่าด้วยวิธีการใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้หากเห็นว่าสื่อมวลชนรายใด ทำหน้าที่ไม่เหมาะสม หรือรายงานข่าวคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ก็สามารถท้วงติงหรือใช้ช่องทางของกฎหมายให้ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม และขอเรียกร้องให้รัฐบาลดูแลกลุ่มมวลชนที่ให้การสนับสนุนมิให้กระทำการใดที่เป็นการคุกคามหรือละเมิดสิทธิ์ของผู้ทำหน้าที่รายงานและตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ทั้งนี้เพื่อเป็นไปตามนโยบายปรองดองและสมานฉันท์ของคนในชาติดังที่รัฐบาลได้แถลงไว้ก่อนหน้านี้

สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ขอเป็นกำลังใจให้กับนางสาวสมจิตต์ นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ที่ได้พยายามทำหน้าที่สื่อมวลชนโดยยึดประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก


ทั้งนี้สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ขอให้ผู้สื่อข่าวทุกท่านยึดมั่นในการทำหน้าที่อย่างเที่ยงธรรม กล้าหาญ ปราศจากอคติ ตามหลักจริยธรรมวิชาชีพ



"เสรีพิศุทธ์" ชี้ "วิเชียร" สัจธรรมการเมืองเปลี่ยนขั้ว

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงสถานการณ์ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขณะนี้ หลังมีข่าวเตรียมเปลี่ยนตัวผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ว่า โดยประสบการณ์ที่ตนเองเป็นมานั้น อยากแนะให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทำความเข้าใจสัจธรรมเมื่อการเมืองเปลี่ยนขั้ว ย่อมเป็นธรรมดาที่ต้องมีการผลักดันคนของฝ่ายการเมืองขึ้นมาใช้งาน หากไม่ต้องการมีปัญหา การเสนอตำแหน่งเทียบเท่า เช่น ปลัดกระทรวง ก็อาจเป็นทางออกที่ดี

"หากไม่สามารถรับกันได้ในจุดนี้ ก็อาจต้องใช้วิธีกำหนดตำแหน่งใหม่ที่เป็นอัตราเทียบเท่าขึ้นมาเพื่อโยกย้าย ผบ.ตร. ซึ่งถือเป็นการย้ายภายในหน่วย สามารถทำได้ และแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ ขึ้นมาแทนที่ได้ทันที" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อว่า ปัญหาการเมืองเปลี่ยนขั้ว แล้วส่งผลกระทบต่อข้าราชการประจำดังเช่นที่เป็นอยู่นี้ ไม่เป็นเฉพาะวงการตำรวจ ซึ่งก็เกิดขึ้นในวงราชการหลายแห่งเช่นเดียวกัน แต่ไม่สามารถใช้เป็นตัวชี้วัดได้ว่าจะเป็นสาเหตุให้ใครที่มาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะมีจำนวนน้อยมากที่ได้อยู่จนครบอายุราชการ เนื่องจากจังหวะของการเมืองเปลี่ยนแปลงได้ โดยไม่มีวาระเหมือนการโยกย้ายข้าราชการ


ขอขอบคุณ คมชัดลึก

ศาลเจ้าพ่อหวยคนแรกของไทย! บนโรงพักพลับพลาชัย


ท่านผู้นี้มีบรรดาศักดิ์เป็น รองหัวหมื่น พระอนุวัฒน์ราชนิยม” (ฮง เตชะวนิช) โดยเป็นลูกจีนที่เกิดในเมืองไทยเมื่อปี 2392 โดยเป็นบุตรนายเกีย (ที่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าเกิดในเมืองไทย หรือเดินทางเข้ามาจากเมืองจีน) กับนางเกิด ชาวไทย ซึ่งเมื่อยี่กอฮงถือกำเนิดมานั้น นายเกียผู้เป็นบิดาได้ตั้งหลักฐานอยู่ในพระนคร โดยเปิดร้านค้าขายผ้าอยู่ที่หัวมุมสี่กั๊กเสาชิงช้า ด้านถนนบำรุงเมือง แต่พออายุได้ประมาณ 7 ขวบ บิดาถึงแก่กรรม ญาติฝ่ายบิดาที่เป็นคนจีนจึงรับกลับไปอยู่ที่เมืองจีนจนกระทั่งอายุได้ 16 ปี จึงกลับมายังประเทศไทย และก็ไม่ได้กลับไปเมืองจีนอีกเลย แต่ก็ปรากฏว่า ตอนนั้นนางเกิดผู้มารดาได้ถึงแก่กรรมไปแล้ว ท่านจึงต้องอาศัยอยู่กับญาติชาวจีน ช่วยประกอบกิจการต่างๆ (แต่ก็ไม่ปรากฏหลักฐานว่าทำอะไรบ้าง) จนอายุได้ 30 ปี จึงขึ้นไปทำการค้าที่เชียงใหม่ และแต่งงานกับบุตรีของคหบดีบ้านสันป่าข่อย นามว่านางสาวเจียน กิจเฟื่องฟู (นางอนุวัฒน์ราชนิยม-เจียน เตชะวนิช) จากนั้นจึงได้พาภรรยาลงมาอยู่ที่พระนคร โดยปลูกเรือนแพอยู่ที่หน้าบ้านพระยาโชฏิกราชเศรษฐี ที่หน้าวัดอรุณราชวรารามฝั่งธนบุรี ครั้งต่อมาจึงได้มาปลูกบ้านอยู่ที่ย่านพลับพลาไชย หน้าวัดคณิกาผล เรียกว่า บ้านพลับพลาไชยท่านยี่กอฮงได้ประกอบกิจการค้าหลายอย่าง แต่ที่ได้สร้างฐานะให้ท่านจนรุ่งเรืองก็คือ การเป็นเจ้าภาษี โรงต้มกลั่นสุรา โรงบ่อนเบี้ย โรงหวย กอขอ มาในรัชกาลที่ 6 จึงโปรดเกล้าฯ พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เป็น รองหัวหมื่น พระอนุวัฒน์ราชนิยมและพระราชทานนามสกุลให้ว่า เตชะวนิชและในรัชกาลที่ 6 เมื่อมีการออกพระราชบัญญัติเลิกอากรบ่อนเบี้ย และ หวย กอขอ ท่านจึงได้หันไปประกอบกิจการค้าอื่นๆ อาทิ เรือเดินทะเลไปเมืองจีน ทำโรงสีข้าวและอื่นๆ แต่ปรากฏว่ากิจการเหล่านั้นกลับสร้างหนี้สินให้ท่านเป็นจำนวนมาก ซึ่งในที่สุดท่านก็ถูกฟ้องเป็นคนล้มละลาย และถูกยึดทรัพย์เป็นของหลวง แต่เนื่องจากท่านเป็นผู้ที่เสียสละเพื่อส่วนรวมมาโดยตลอด ทั้งการตั้งมูลนิธิป่อเต๊กตึ๊ง และมูลนิธิอื่นๆ ตั้งโรงเรียน สร้างสะพาน สร้างถนน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดฯ ให้ยี่กอฮงอาศัยอยู่ในบ้านนี้ต่อไปจนตลอดชีวิตเมื่อพระอนุวัฒน์ราชนิยมเสียชีวิตในปี 2479 ขณะที่มีอายุได้ 87 ปี ในปีต่อมาครอบครัวของท่านก็ต้องย้ายออกจากบ้านพลับพลาไชย เนื่องจากในเวลานั้นหลวงอดุลยเดชจำรัส อธิบดีตำรวจต้องการใช้ที่ตรงนี้ตั้งเป็นโรงพักกลางแทนโรงพักสามแยก ที่ถูกเพลิงไหม้เสียหาย ซึ่งในต่อมาก็ได้รื้ออาคารของเก่าลงหมด แล้วสร้างเป็นตึกสี่ชั้นขึ้นมาแทนที่สิบมาจนทุกวันนี้ ต่อมาจึงได้มีการสร้างศาล ศาลเจ้าปู่ยี่กอฮงขึ้นบนชั้นสี่ของโรงพักพลับพลาไชย ซึ่งจนแม้บัดนี้ก็ยังอยู่ และเป็นที่นับถือของตำรวจที่นี่และบุคคลทั่วไป

ที่มาจากนิตยสารเซียน

ภาพประกอบ : ภาพจากอินเตอร์เน็ต


วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554

"แถลงการณ์กัมพูชาแฉ! "สุเทพดอดเจรจาลับ 2 ครั้ง"


แถลงการณ์ขององค์การปิโตรเลียมแห่งชาติกัมพูชา ลงวันที่ ๓๐ ส.ค. ๕๔แถลงการณ์ขององค์การปิโตรเลียมแห่งชาติกัมพูชา ลงวันที่ ๓๐ ส.ค. ๕๔
แถลงการณ์ขององค์การปิโตรเลียมแห่งชาติกัมพูชา ลงวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๔

ในวันนี้(30 ส.ค.) องค์การปิโตเลียมแห่งชาติกัมพูชา ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงถึงการดำเนินการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ไทย-กัมพูชา ในอ่าวไทย ซึ่งในการเจรจาภายใต้การดำเนินการของรัฐบาลสมเด็จฮุน ขอปฏิเสธข้อกล่าวหาใดๆ ต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนทางทะเลกับกัมพูชา รวมถึงข้อกล่าวหาจากรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ได้ทำลายการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลลง โดยที่ผ่านมา รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นี้ก็มีความพยายามติดต่อเจรจาในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลมายังรัฐบาลสมเด็จฮุน เซ็น ด้วย

นอกจากนี้ แถลงการณ์ได้แสดงความยินดีจะเปิดการเจรจากับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เกี่ยวกับเขตพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของประชาชน ทั้ง 2 ประเทศ

ในแถลงการณ์ มีเนื้อหาระบุ โดยได้อ้างบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ระหว่างรัฐบาลไทย-กัมพูชา ว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชา อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน ฉบับวันที่ 18 มิ.ย.2544 และการจัดตั้งเขตพัฒนาร่วม ซึ่งเอ็มโอยูปี 2544 ไม่ใช่เอกสารธรรมดา แต่เป็นเอกสารบันทึกความเข้าใจของ 2 ประเทศ ที่ได้จัดตั้งคณะงานทางเทคนิค ขึ้นมาเจรจาในเรื่องเขตแดน ในระหว่างปี 2544 - 2550 โดย 2 ประเทศประสบความสำเร็จอย่างมาก จนกระทั่งได้เกิดข้อเสนอในหลายประการ ทั้งในเรื่องการแบ่งโซนในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ในอ่าวไทย

แถลงการณ์ ระบุว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา คณะทำงานไม่ได้มีการประชุมอย่างเป็นทางการ แต่ว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์ พยายามติดต่อเพื่อเปิดเจรจาในเรื่องนี้กับทางรัฐบาลฮุน เซ็น โดยมีการประชุมระหว่างสมเด็จฮุน เซ็น นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องนี้และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในวันที่ 27 มิ.ย. 2551 ที่ จ.กันดาน ใกล้กับกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา

นอกจากนี้ ยังมีการประชุมระหว่างนายสุเทพ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กับนายซก อาน รองนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ที่ฮ่องกง เมื่อวันที่ 1 ส.ค.2552 และที่คุนหมิง ประเทศสาธารณรัฐประชาชน ในวันที่ 16 ก.ค.2553 ทั้งนี้ ในการประชุมดังกล่าว นายสุเทพ ได้แสดงความตั้งใจ และอ้างพันธะที่ได้รับมอบหมายจากนายอภิสิทธิ์ ในการดำเนินการเปิดเจรจาดังกล่าว ที่นำไปสู่คำถามจากรัฐบาลสมเด็จฮุน เซ็น ว่า ทำไมถึงต้องมีการประชุมลับ ทั้งที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ สามารถเจรจากับกัมพูชาได้อย่างเปิดเผย

แถลงการณ์ ได้อ้างว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้กล่าวหาการเจรจาครั้งก่อนๆ ว่า เต็มไปด้วยผลประโยชน์ส่วนตัวมากมาย ดังนั้น รัฐบาลกัมพูชาจึงขอถามว่า ทำไมภายใต้ รัฐบาลอภิสิทธิ์ จะต้องมีประชุมลับเช่นนี้ด้วย ซึ่งประชาชน ส.ส.ของไทย และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ทราบถึงการเจรจาทางลับนี้หรือไม่ ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในขระนี้ ได้ประกาศยืนยันความโปร่งใสครั้งแรกครั้งเหล่า แล้วที่ซ้ำร้ายไปกว่านั้น นายอภิสิทะ ได้กล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้ซึ่งทำงานกับกัมพูชาอย่างเปิดเผย ว่า มีผลประโยชน์ส่วนตัวกับกัมพูชา นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ยังคงพยายามขัดขวางการเจรจาระหว่างรัฐบาลสมเด็จฮุน เซ็น กับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ดังนั้นกัมพูชาจึงมีความจำเป็นเปิดเผยความลับนี้ เพื่อปกป้องผลประโยชน์และชี้แจงว่า ข้อกล่าวหาต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด

นอกจากนี้ ที่ผ่านมา รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ยังไม่ได้ประชุมใดๆ กับกัมพูชา หรือมีข้อเสนอใดกับกัมพูชา เกี่ยวกับการเจรจาผลประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ตามที่นายอภิสิทธิ์ได้กล่าวหาในการแถลงนโยบายของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ต่อรัฐสภา ในระหว่างวันที่ 23 - 25 ส.ค.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม กัมพูชา ยินดีจะเปิดการเจรจาอีกครั้งในเรื่องนี้ ในการแสวงหาแนวทางปฏิบัติและเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน 2 ประเทศ


หมายเหตุ ทีมงานGo6 ขอตัดข้อความตอนต้นซึ่งพาดพิงถึงบุคคลที่ 3 และ 4 นอกเหนือจากสาระในเนื้อข่าว ด้วยความเคารพในเนื้อข่าวอย่างยิ่ง

ขอขอบคุณ ฟิฟทีนมูฟ และกรุงเทพธุรกิจ

http://www.15thmove.net/news/petroleum-khmer-reveals-suthep-secret-talk/

http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/politics/20110830/407204/%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B9%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%96%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A0%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B9%8C%E0%B8%8A%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B4%E0%B8%93.html



"เคาะโต๊ะ!" แจกแท็บเล็ตปีหน้า


นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงความคืบหน้านโยบายแจกแท็บเล็ตให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โดยประสานขอความร่วมมือจากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อจัดทำระบบโครงข่ายอินเตอร์เน็ตทั่วประเทศ พร้อมมอบให้มหาวิทยาลัยเร่งสรุปการเตรียมความพร้อมของโรงเรียนแต่ละพื้นที่ เพื่อแจกแท็บเล็ตให้โรงเรียนไปบริหารจัดการเองว่าจะให้นำกลับไปใช้ที่บ้านได้หรือไม่
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ยังกล่าวว่า มีการจัดงบประมาณกว่า 2 หมื่นล้านบาท เพื่อจัดซื้อแท็บเล็ตให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงประถมศึกษาปีที่ 6 แต่เบื้องต้นจะใช้งบประมาณ 3 พันล้านบาท นำร่องแจกให้กับนักเรียนประถมศึกษาปีที่ 1 ในโรงเรียนที่มีความพร้อมก่อน และคาดว่า จะเริ่มได้ในปีการศึกษา 2555

เฮทุกวัน! "ปตท.-บางจาก"ลดราคาแก๊สโซฮอล์95ลงลิตรละ1.07บ. โซฮอล์91,E20ลด1.60บ.พรุ่งนี้


"นายกฯ-รมต.-สส. "ชิ่ง" บอกไม่รู้เสื้อแดงที่ไปช่อง 7



13.00 น. นายนพพร นามเชียงใต้ ได้นำกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 20 คนไปชุมนุมกดดันที่หน้าสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 เพื่อเรียกร้องและยื่นหนังสือให้ผู้บริหารพิจารณาการทำงานขอ ผู้สื่อข่าวช่อ ง7 โดยกลุ่มคนเสื้อแดงดังกล่าวยังมีป้ายข้อความเขียนโจมตีการทำงานของนักข่าวช่อง7 ต่างๆนานา และยังบอกว่าสื่อคุกคามประชาชน พร้อมกับเรียกร้องให้นักข่าวถอนแจ้งความกรณีไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีคนเสื้อแดงที่ส่งอีเมล์ข่มขู่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณหน้าช่อง7 มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนนอกเครื่องแบบของ สน.บางซื่อ มาคอยดูแลความสงบ กลุ่มเสื้อแดงใช้เวลาเรียกร้องประมาณ 20 นาที แล้วยื่นหนังสือให้ผู้บริหารช่อง7 ก่อนจะสลายตัวไปโดยไม่มีเหตุวุ่นวายแต่อย่างใด

“ยุทธศักดิ์” อ้างไม่รู้แดงชุมนุมบีบนักข่าว

พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะชุมนุมเพื่อประท้วงสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง7ว่า ตนไม่ทราบเรื่องนี้เลยและไม่ทราบว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร ตอบไม่ได้เพราะยังไม่มีรายงานขึ้นมา ขอดูเหตุการณ์ก่อน และยังไม่รู้ว่า เขาจะไปปิดจริงหรือไม่

"เจ๋ง ดอกจิก"โบ้ยไม่รู้เรื่องอ้างเป็นฝีมือกลุ่มย่อย

นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ "เจ๋ง ดอกจิก" ผู้ช่วยเลขานุการ รมช.มหาดไทย และแกนนำกลุ่ม นปช. กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ขอชี้แจงว่ากลุ่ม นปช.มีหลายส่วน ซึ่งกลุ่ม นปช.ส่วนกลางที่ตนเป็นแกนนำด้วยนั้นไม่เคยมีมติอย่างนี้เลย แต่ยังมีกลุ่มเล็กๆน้อยๆที่ทำหน้าที่ของตัวเองไป และมีกลุ่มอื่นๆที่มาใส่เสื้อสีแดง เช่น กลุ่มตาสว่าง หรือกลุ่มที่ไปเผาพวงหรีดที่หน้าบ้านของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ซึ่งไม่เกี่ยวกับกลุ่ม นปช.เลย
นอกจากนี้การทำงานของกลุ่ม นปช.จะมีการประชุมและลงมติในที่ประชุมใหญ่ก่อนจะดำเนินการใดๆซึ่งจะมีการแถลงข่าวให้ทราบ ดังนั้น การกระทำของกลุ่มเล็กๆก็เป็นเรื่องของกลุ่มนั้นๆ โดยเราไม่สามารถจะรู้ทิศทางว่าคิดจะทำอะไร ที่ไหน อย่างไร

"ขวัญชัย"ลั่นไม่เห็นด้วยแกนนำแดงควรควบคุมอารมณ์

ด้านนายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำกลุ่มคนรักอุดรฯ กล่าวว่า น.ส.พรทิพย์ระบายอารมณ์เพราะอัดอั้นมานานจากรัฐบาลที่แล้ว เมื่อนักข่าวปฏิเสธที่จะถอนแจ้งความก็คงต้องว่ากันไปตามกฎหมาย
นายขวัญชัย กล่าวต่อว่า สำหรับการที่กลุ่มคนเสื้อแดงเดินทางไปยังบริเวณสถานีวิทยุโทรทัศน์ช่อง 7 นั้น ตนไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน เพราะมันเป็นเรื่องไม่สมควร ประกอบกับมีผู้สื่อข่าวจำนวนมากที่อยู่ในช่อง 7 ก็เป็นคนดี และก็ไม่ชอบกับพฤติกรรมของนักข่าวคนดังกล่าว รวมทั้งไม่ชอบพฤติกรรมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่จะเดินทางไปประท้วงช่อง 7 ด้วยเช่นกัน ดังนั้นอย่าไปกดดันอะไรแบบนั้น


"เพื่อไทย"ซัดกันเอง ค้านเสื้อแดงบุกร้องช่อง 7

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางพรรคเห็นด้วยหรือไม่ที่มีกลุ่มคนเสื้อแดงไปประท้วงที่หน้าสถานีกองทัพบกช่อง 7 โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวต่อว่า การเดินทางไปยื่นหนังสือถือเป็นสิทธิที่จะทำได้ แต่การไปแสดงพลังก็ไม่เห็นด้วย ซึ่งคนที่ไปโพสต์ก็ไม่ใช่การกระทำของรัฐบาล หรือของพรรคเพื่อไทย แต่เป็นเรื่องของประชาชน แต่พรรคเพื่อไทยยังเชื่อมั่นในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนที่เป็นกลาง ถึงแม้จะมีเอียงบ้างก็เป็นธรรมชาติของแต่ละบุคคล แต่ขอยืนยันพรรคไม่มีลักษณะปิดกั้นการทำงานของสื่อมวลชน เพราะการคุกคามสื่อก็เหมือนคุกคามประชาชน ที่ผ่านมาตนเห็นสื่อทำงานตรงไปตรงมาแล้ว

ส่วนนายกรัฐมนตรี ไม่ตอบคำถามกรณีเสื้อแดงไปยื่นหนังสือช่อง 7 โดยเดินเลี่ยงออกไป

ขอบคุณภาพจาก http://wall.in.th/p/wfpjE
และนสพ.คมชัดลึก

นายกฯ ยิ่งลักษณ์ นั่งประธาน ก.ตร.วันนี้-บิ๊กน้อยหนาวมาก!

นายกฯ ยันยังไม่คิดโยกย้าย ผบ.ตร.


ประชุมก.ตร.นัดแรกวันนี้ "ยิ่งลักษณ์" นั่งเป็นประธานเอง ระบุมีวาระขอขยายเวลาแต่งตั้งโยกย้าย"พล.ต.อ.-พล.ต.ต." นายกฯปูปัดข่าว"พจมาน"ดัน"เพรียวพันธ์"ขึ้นผบ.ตร. ระบุ ขอทำงานก่อน ยังไม่คิดเรื่องโยกย้ายใคร ส่วน"ผบ.วิเชียร"เข้าอวยพรวันเกิดป๋าเปรมที่บ้านสี่เสาฯประกาศไม่คิดลาออก ส่วนอนาคตยึดผลประโยชน์ชาติเป็นหลักในการตัดสินใจ เฉลิมโวยลั่นปัญหาบ่อน-ยาเสพติดเกลื่อนเมือง จี้ผบ.ตร. ต้องรับผิดชอบ แฉรายชื่อบ่อนยาวเหยียด-ลั่นต้องปิดให้หมด มี 4 นายพลรู้เห็น แอบอ้างบุคคลสำคัญ เตรียมปรับใหญ่ตร. อีก 3 วันเสนอแนวทางให้นายกฯพิจารณา แบ่งงานใหม่ให้"เพรียวพันธ์"คุมงานปราบยาเสพติด "ภาณุพงศ์" คุมอาชญากรรม

เมื่อวันที่ 29 ส.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร เคลื่อนไหวกดดันให้ปลดพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. เพื่อเปิดทางให้พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผบ.ตร. ขึ้นมาเป็นผบ.ตร.แทน ว่า ไม่จริง คุณหญิงพจมานไม่ได้ยุ่งเกี่ยวนานแล้ว และวันนี้ตนก็ยังไม่ได้คิดอะไรตรงนี้ ขอทำงานก่อน

เมื่อถามว่าปัญหาเรื่องบ่อนการพนันและยาเสพติดเกลื่อนกรุงจะเป็นเหตุผลที่จะย้ายข้าราช การระดับสูงของตำรวจหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า คงต้องดูในเนื้อหา วันนี้ผบ.ตร.คงต้องลงไปดู ขอให้ข้อมูลความจริงต่างๆ ออกมาก่อน และตนขอทำงานก่อน ยังไม่ได้คิดมาดูเรื่องการโยกย้ายใดๆ ทั้งสิ้น

เมื่อถามว่ามีการวิจารณ์ว่าเรื่องบ่อนการพนันที่มีการเปิดเผยนั้น เป็นการวางแผนมาก่อนเพื่อหวังเลื่อยขาเก้าอี้ผบ.ตร. นายกฯ กล่าวว่า ต้องถามว่าใครเป็นคนเอารายละเอียดมาเปิดเผย เป็นนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ไม่ได้มีการวางแผนอะไร วันนี้แค่รับภารกิจที่จะต้องดำเนินการหลังจากที่แถลงนโยบายก็เยอะแล้ว ขอมุ่งทำให้ส่วนนี้ดีกว่า

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กล่าวว่า ในฐานะที่ทำงานกองปราบฯ มา 11 ปี ยืนยันว่าบ่อนการพนันขนาดใหญ่ที่เปิดกลางเมืองหลวงนั้น ระดับผบก.และผกก.ไม่สามารถเปิดได้ ส่วนที่ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ถ้าเป็นรัฐบาลอื่นทำไปเถอะ แต่รัฐบาลนี้อย่ามาหลอกหรือโกหกตน บ่อนที่กระเจิดกระเจิงอยู่ในขณะนี้เป็นเพราะตนสั่งให้ตรวจสอบ ไม่ใช่เพราะนายชูวิทย์ยออกมาแฉ

รองนายกฯ กล่าวว่า บ่อนที่เป็นข่าวเกิดขึ้นเป็นเพราะเปิดเล่นกันอย่างเปิดเผยและแอบอ้าง จึงมีผู้ใหญ่บางคนติดต่อมาหา จากนั้นตนติดต่อไปยังตำรวจคนหนึ่ง ซึ่งตอนแรกก็อ้ำอึ้ง น้ำท่วมปาก จึงบอกว่าถ้าไม่ดำเนินการจะแถลงข่าวทันที ที่ผ่านมาส่งคนไปดูพื้นที่และเก็บหลักฐานมาแล้วเรียบร้อย เก็บมาปีกว่า แต่ที่ไม่ได้ออกมาจัดการตอนนั้นเพราะไม่มีหน้าที่ ปัญหาที่สำคัญที่สุดคือมีการแอบอ้าง มี 4 นายพลตำรวจแอบอ้าง ฉะนั้นจเรตำรวจไม่ต้องสอบสวนเพื่อมารายงาน

"เพราะผมรู้มากกว่า อย่าดราม่า อย่าเล่นลิเก ขอเวลา 3 วัน จะเรียกมาจิ้มถามเลยว่าเป็นอย่างนี้ใช่หรือไม่ ยอมรับกันหรือไม่ ถ้าไม่ยอมรับจะทำอย่างไรกันต่อไป" ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว

เมื่อถามว่าที่ระบุนายพลตำรวจ 4 นาย แอบอ้างบุคคลสำคัญเพื่อเรียกรับผลประโยชน์หรือเก็บผลประโยชน์เอง ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวเลี่ยงว่า พูดตรงนี้แค่นี้พอแล้ว เมื่อถามว่าจะดำเนินการอย่างไรกับ 4 นายพลที่แอบอ้าง ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า "ถ้ามีหลักฐานก็พัวะเลย"

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า บ่อนแห่งนี้เดิมเล่นกันที่อาบอบนวดแห่งหนึ่ง ตั้งได้ 100 โต๊ะ เสียค่าเช่า 8 ช.ม. 8 หมื่นบาท แต่ถ้าเป็นโต๊ะใหญ่ ช.ม.ละ 1.5 แสนบาท 3 ผลัด ผลัดละ 8 ช.ม. ทำมาอย่างนี้ปีเศษ และแบ่งเงินกันครบถ้วน เพราะเป็นผลประโยชน์ร่วมกัน ไม่มีใครเป็นผู้มีอิทธิพล

"เมื่อผมมีหน้าที่ก็ต้องจัดการ จะปล่อยปละละเลยไม่ได้เด็ดขาด ปัญหายาเสพติดระบาด ตู้ม้าเต็มเมือง บ่อนการพนันเต็มไปหมดมีทั้งบ่อนเตาปูนเล่นอมตะ บ่อนลอยฟ้าเล่นกันทุกวัน บ่อนกิ่งเพชร บ่อนยายโห้พระโขนงที่ตำรวจเรียกแม่โห้ บ่อนนายหวิน บางนา แป๊ะตี๋สำเหร่ นายเหลียงจากภาค 7 ก็เข้ามายึดนครบาล เรียกว่าเป็นเหตุการณ์ที่เลวทรามที่สุด เมื่อผมเข้ามาทำงานบ่อนเหล่านี้จะต้องหมดไป ขณะนี้ปัญหาก็หมดไป 80% แล้ว เหลือที่เข้าจับยากอีกนิดหน่อย" ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวด้วยว่า ขอบอกเลยว่าไม่มีที่ปรึกษาพิเศษ ไม่มีหน่วยเฉพาะกิจ เข้าใจตำรวจ และมีวิธีการจัดการโดยเชิญ ป.ป.ท. กรมการปกครอง มารับข้อมูล และจะใช้กำลัง ตชด.ภาค 1 สนธิกำลังจับกุม หากตำรวจนคร บาลไม่จับ เอาตชด.จับ ถ้าตชด.ไม่คล่อง เอาตำรวจภูธรภาค 1 จับ

"ถึงเวลาแล้วที่ สตช. ต้องทำงานเต็มที่ อย่าไปเกรงใคร อย่าไปบอกว่าน้ำท่วมปาก ต่อไปนี้นึกอะไรไม่ออกให้บอกเฉลิม ผมจัดการให้ ถ้ามีหลักฐานชัดว่าตำรวจรู้เห็นเป็นใจก็ต้องปรับย้ายครั้งใหญ่ ผมจะพูดเรื่องนี้ในที่ประชุมก.ตร. ถ้าใครไปแอบอ้างชื่อผมไปเรียกรับผลประโยชน์ไม่เป็นความจริง และขอให้คนนั้นวิบัติ ผมไม่มีชุดเฉพาะกิจ ไม่มีที่ปรึกษาพิเศษ" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
รองนายกฯ กล่าวว่า ตนมอบให้พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ รับผิดชอบการปราบปรามยาเสพติดและคดีค้างเก่า พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รับผิดชอบคดีอาชญากรรม คดีสำคัญ ผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง และหมายจับค้างเก่า

เมื่อถามว่าคดีบ่อนฉาวนี้จะนำไปสู่การโยกย้ายผบ.ตร.หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่มีอำนาจเรื่องนี้เป็นอำนาจของนายกฯ และผบ.ตร. จะย้ายได้ตามพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 มาตรา 62 ผบ.ตร.จะต้องสมัครใจยินยอม หากไม่ยินยอมก็ย้ายได้เพียงมาประจำสำนักนายกฯ และเป็นอำนาจของนายกฯ แต่ตนจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงใช้คนให้ถูกกับงาน ผบ.ตร. ในฐานะผู้บังคับบัญชาระดับสูงจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้

เมื่อถามว่าการปล่อยปละละเลยให้มีบ่อนขณะนี้จะเป็นเหตุให้ปลดหรือเด้งผบ.ตร.ได้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ใช้คำว่าปลดหรือเปลี่ยน แต่ขอใช้คำว่าปรับปรุงบุคลากรให้สอด คล้องกับงาน

เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่ารัฐบาลเจรจาให้พล.ต.อ.วิเชียร สมัครใจโยกย้ายเอง โดยจะให้ไปเป็นปลัดกระทรวงหนึ่ง ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เรื่องนี้ถ้าตนตอบก็ใหญ่เกินไป เป็นเรื่องของนายกฯ ตนไม่มีส่วนประสานงาน แต่ยืนยันว่าภายใน 3 วัน จะเสนอแนวทางในการทำงานให้นายกฯ ที่สตช.จะต้องใช้คนให้ถูกกับงาน และในยุคตนจะไม่มีการซื้อขายตำแหน่ง

เมื่อถามว่าการเร่งปราบบ่อนพนันครั้งนี้ เป็น การกรุยทางให้พ.ต.อ.เพรียวพันธ์ขึ้นสู่ตำแหน่งผบ.ตร.ใช่หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ และพล.ต.อ.ภาณุพงศ์ เป็นคนมีฝีมือ ตำรวจทุกคนในสตช.ก็รู้

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ขึ้นเป็นผบ.ตร. รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะตอบสังคมได้ใช่หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ทราบว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์จะได้ขึ้นหรือไม่ เพราะไม่มีอำนาจ แต่ขอถามว่าตอนปฏิวัติ ย้ายพล.ต.อ. เพรียวพันธ์เพราะเป็นญาติพ.ต.ท.ทักษิณ อย่างนั้นไปย้ายทำไม เขาอาวุโสกว่าทุกคนก็หาเรื่องลงโทษ กลั่นแกล้งเขา แล้วความเป็นธรรมอยู่ตรงไหน ตนอธิบายได้ตอบได้

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ เข้าพบ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ กำกับดูแลงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใช้เวลาหารือ 2 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมี พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่ปรึกษา (สบ 10) ด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ มาเข้าพบร.ต.อ.เฉลิมอีกด้วย จากนั้นเวลา 14.00 น. ร.ต.อ.เฉลิมขึ้นไปรอพบน.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ห้องทำงานบนตึกไทยคู่ฟ้า ใช้เวลา 40 นาที ก่อนเดินทางไปตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของกองบัญชา การตำรวจนครบาลในเวลา 15.30 น.

เวลา 13.00 น. พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ให้สัมภาษณ์ ภายหลังการเข้าพบร.ต.อ.เฉลิมว่า มาพบรองนายกฯ เพื่อรับนโยบายในเรื่องแนวทางปราบปรามยาเสพติดว่าจะดำเนินการในทันทีอย่างไร เพื่อให้ยาเสพติดนั้นหมดไป ตนไม่อาจบอกได้ว่าจะหมดภายใน 3 เดือน ขั้นตอนการปฏิบัติงานจะเน้นการสกัดกั้นการลักลอบ หรือการลำเลียง นำเข้ายาเสพติดจากต้นทาง ส่วนเรื่องการจับกุมบ่อนการพนันในกทม.นั้นไม่ทราบเรื่อง ไม่ได้มารายงานในเรื่องนี้เพราะไม่ได้ดูแลงานด้านนี้ ส่วนกระแสข่าวจะขึ้นเป็นผบ.ตร.แทนพล.ต.อ.วิเชียรนั้น ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชา

เวลา 11.00 น. ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ พล.ต.อ. วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. พร้อมด้วยคณะข้าราชการตำรวจระดับสูงให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าอวยพรพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดเมื่อวันที่ 26 ส.ค. โดยพล.ต.อ.วิเชียรให้สัมภาษณ์ ภายหลังเข้าไปเยี่ยมอวยพร ว่า พล.อ.เปรมได้ย้ำถึงเรื่องที่ให้การดูแลถวายความจงรักภักดีในหลวง และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยไม่ถามถึงกระแสข่าวเรื่องการลาออกแต่อย่างใด และได้ให้โอวาทถึงเรื่องการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังทรงพระประ ชวรอยู่แต่พระองค์ได้ทรงห่วงใยทุกข์สุขของราษฎร ถึงแม้ว่าปฏิบัติหน้าที่จะต้องเหน็ด เหนื่อยอยู่บ้าง

มอบงาน - ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายให้ตำรวจ นครบาล มีพล.ต.อ. วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.นำคณะนายตำรวจต้อนรับ ที่บช.น. เมื่อ 29 ส.ค.



ผู้สื่อข่าวถามว่า ยังไว้ใจท่านผบ.ตร.ทำหน้าที่อยู่หรือไม่นั้น ผบ.ตร.กล่าวว่า พล.อ.เปรมดีใจที่ตนยังทำหน้าที่เป็นผบ.ตร. หลังจากฟังข่าวแล้วว่า ตนได้ทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย ขอให้ปฏิบัติหน้าที่ดูแลประชาชน พร้อมทั้งเสียสละและจงทำดีต่อไป อีกทั้งปฏิบัติหน้าที่เป็นแบบอย่างของตำรวจที่ดี

พล.ต.อ.วิเชียรกล่าวด้วยว่า ไม่อยากให้เกิดความระส่ำระสายในการทำงานของตำรวจ เรื่องที่มีข่าวว่าจะลาออกจากตำแหน่งหรือกระแสข่าวว่าจะไปเป็นปลัดกระทรวงนั้น ไม่เคยคิดจะลาออก ตั้งแต่รับราชการมาตนทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง และประโยชน์ส่วนตัวเป็นเรื่องรอง ในฐานะที่มาดำรงตำแหน่งผบ.ตร. การตัดสินใจต้องอยู่บนพื้นฐานของประเทศชาติ ประชาชน โดยเฉพาะอย่างสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งการตัดสินใจอยู่บนพื้นฐานผลประโยชน์ประเทศชาติของประชาชนเป็นสำคัญ และจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ส่วนเรื่องของตำรวจแล้วนั้น ตนเป็นหน้าที่เป็นผู้นำตำรวจแล้ว ยืนยันว่าจะทำตามนโยบายที่จะดูแลและให้ความเป็นธรรมต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกราย เพื่อให้พี่น้องตำรวจทำหน้าที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.วิเชียรยังได้ปฏิเสธคำถามบางคำถามโดยกล่าวว่า ขอย้ำว่าถ้าเป็นคำถามที่ไม่เป็นประโยชน์กับองค์กรตำรวจจะไม่ขอตอบ

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่คิดว่าเหตุผลเรื่องบ่อนพนันจะเหมาะสมในการย้ายผบ.ตร. เท่าที่ได้ทำงานร่วมกันพล.ต.อ.วิเชียรทำงานได้ดี เป็นผบ.ตร.ที่ดี ไม่เคยมีปัญหา ดังนั้นหากยกเหตุผลนี้หรือเหตุผลเรื่องยาเสพติดเพื่อย้ายพล.ต.อ.วิเชียร ก็คิดว่าผบ.ตร.คนต่อไปก็คงอยู่ได้ไม่นานเช่นกัน

เมื่อถามถึงกระแสข่าวต่อรองตำแหน่งอื่นให้ผบ.ตร. นายสุเทพ กล่าวว่า พูดไม่ได้ว่ามีการเจรจาต่อรองกันจริงหรือไม่ เพราะดูตามรายงานข่าวของสื่อมวลชนก็ไม่ระบุที่มาของข่าว จึงวิจารณ์ไม่ได้ แต่รัฐบาลนี้ถูกประชาชนจับตาเรื่องการใช้อำนาจ เพราะเป็นรัฐบาลที่สืบทอดมาจากรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ใช้อำนาจแทรกแซงข้าราชการและองค์กรอิสระ ดังนั้นรัฐบาลนี้จะต้องไม่เดินซ้ำรอย ส่วนกระแสข่าวพล.ต.อ.เพรียวพันธ์จะมาดำรงตำแหน่งแทนนั้น ถือว่ามีความอาวุโส และเหลืออีกไม่กี่เดือนก็จะเกษียณ แต่การตั้งผบ.ตร. ทางคณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ (กตช.) ไม่ได้ดูเรื่องอาวุโสอย่างเดียว เพราะกฎหมายเขียนว่าให้แต่งตั้งยศพล.ต.อ.คนใดก็ได้

"จุดอ่อนของพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ คือเป็นพี่ชายของคุณหญิงพจมาน อดีตภรรยาพ.ต.ท. ทักษิณ ต้องมีเหตุผลอธิบายประกอบ แต่ถ้าพล.ต.อ.วิเชียร เต็มใจจะย้ายตัวเองออกไปในตำแหน่งอื่นแล้วตั้งพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ มาแทนก็เป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าไปข่มเหงรังแกพล.ต.อ. วิเชียร แล้วให้พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ได้เป็นเพียงเพื่อเกียรติยศของวงศ์ตระกูล ประชาชนจะรังเกียจ ซึ่งก็รู้กันดีว่าท่านมาช่องทางพิเศษ และจะทำให้เป็นแบบรัฐตำรวจในอดีตไม่ได้อีกแล้ว และหากพล.ต.อ.วิเชียร คิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็สามารถร้องศาลปกครองได้" นายสุเทพกล่าว

เวลา 13.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง จเรตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า วันนี้ได้เชิญ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น. พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รองผบช.น.รับผิดชอบอบายมุข พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ รองผบช.น.รับผิดชอบพื้นที่สน. สุทธิสาร และพล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส. บช.น. มาให้ปากคำ โดยสอบถามถึงความรับผิดชอบ อำนาจหน้าที่ว่ามีการควบคุมกำกับดูแลเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่มากน้อยเพียงใด รวมทั้งมีการรู้เห็นเป็นใจปล่อยปละละเลยให้มีบ่อนการพนันหรือไม่ ซึ่งทางผบช.น.ได้เตรียมเอกสารประกอบการชี้แจงมาด้วย ซึ่งหลังการสอบสวนวันนี้เสร็จสิ้นจะสรุปเสนอผบ.ตร. ว่าจะดำเนินการอย่างไร โดยจะเสนอความผิดข้อบกพร่องและบทลงโทษทางวินัยของแต่ละบุคคลในเบื้องต้นให้ผบ.ตร.พิจารณาภายในช่วงเย็นวันที่ 30 ส.ค.

พล.ต.อ.สถาพรกล่าวว่า ในส่วนของผู้ประกอบการเจ้าของสถานที่ จะมาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ในวันที่ 1 ก.ย. โดยคณะกรรมการสอบสวนจะสอบปากคำเพื่อขยายผลว่ามีการจัดให้มีการเปิดบ่อนการพนันโดยผิดกฎหมายหรือไม่ ส่วนผบช.น.จะมีความผิดหรือไม่นั้นจะต้องดูในรายละเอียดก่อน และเป็นความลับในสำนวนไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งวันนี้จะสอบว่าผบช.น. มีความรับผิดชอบแค่ไหนอย่างไรเกี่ยว ข้องรู้เห็นหรือไม่ เพราะงานส่วนต่างๆ ก็มีการมอบหมายให้รองผบช.น.แต่ละคนดู

พล.ต.อ.สถาพรกล่าวอีกว่า ในส่วนของ 4 นายพลที่นายชูวิทย์ออกมาระบุว่าเกี่ยวข้อง คณะกรรมการสอบสวนจะพยายามขยายผลตามพยานหลักฐานข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่มี ส่วนผลจะเป็นอย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนบ่อน 6 แห่งในพื้นที่ กทม.3 แห่ง คือพื้นที่เตาปูน พระราม 9 โชคชัย และต่างจังหวัด 3 แห่งคือ จ.สงขลา จ.สุราษฎร์ธานี จ.ขอนแก่น นั้นได้สรุปเรื่องเสนอผบ.ตร.แล้ว และผบ.ตร.ได้สั่งให้ผู้บังคับบัญชาของแต่ละหน่วยไปตรวจสอบและให้รายงานให้ผบ.ตร.ทราบในวันที่ 30 ส.ค.

เมื่อถามถึงผลการสอบสวนจะมีผลต่อการปรับย้ายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือไม่ พล.ต.อ.สถาพร กล่าวว่า คิดว่าไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะการสอบสวนทำตามคำสั่งของผบ.ตร. เรื่องการปรับย้ายนั้นคงต้องดูในภาพรวม สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีภารกิจมาก อบายมุขก็เป็นส่วนหนึ่งซึ่งมีผู้รับผิดชอบตามลำดับชั้นอยู่แล้ว ต้องพิจารณาในส่วนของผู้เกี่ยวข้องในเบื้องต้น

ด้านพล.ต.ท.จักรทิพย์ กล่าวว่า การให้ปากคำในวันนี้ได้เตรียมเอกสารการมอบหมายงานในบช.น.มามอบให้คณะกรรมการสอบสวน และไม่ได้รู้สึกหนักใจเพราะได้กวดขันกำชับเรื่องอบายมุขและบ่อนการพนันเป็นประจำทุกเดือนอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าการที่นายชูวิทย์ออกมาเปิดเผยเรื่องบ่อนการพนันนครั้งนี้ เป็นการพุ่งเป้าเพื่อเปลี่ยนตัวผบช.น. พล.ต.ท.จักรทิพย์ ไม่ตอบและไม่ขอออกความเห็นในเรื่องนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 30 ส.ค. เวลา 12.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะ ประธาน ก.ตร. พร้อมด้วยร.ต.อ.เฉลิม นัดประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจหรือ ก.ตร. ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเป็นการประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 8/2554 แต่เป็นการประชุมครั้งแรก นับตั้งแต่พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งพร้อมจัดตั้งเป็นรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ในฐานะนายกฯจึงนั่งตำแหน่งเป็นประธาน ก.ตร. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้เตรียมสถานที่เพื่อต้อนรับนายกฯ โดยตัดแต่งต้นไม้โดยรอบให้สวยงาม ทำความสะอาดพรม ตั้งแต่ทางเดินเข้าอาคารและบันไดทางขึ้นชั้น 2 ทำความสะอาดประตูกระจก

สำหรับการประชุมก.ตร. ครั้งที่ 8/2554 มี 4 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานจะแจ้งให้ที่ประชุมทราบ วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุมก.ตร. ครั้งที่ 7/2554 วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ โดยเป็นการรายงานการดำเนินการของอนุกรรมการ ก.ตร. ด้านต่างๆ ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการ และรายงานผลการดำเนินการกรณี พ.ต.ท.ดาวเรืองภูมิ หรือ ดาวเรือง สันดี และพวก รวม 223 คนฟ้องคดีต่อศาลปกครอง และวาระที่ 4 เรื่องที่เสนอพิจารณา 8 เรื่อง อาทิ ขอขยายระยะเวลาการคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ ผบก.ถึง จตช. และรองผบ.ตร. ในวาระประจำปี 2554 เป็นวันที่ 30 ก.ย. อีกทั้งยังมีการปรับอัตราเงินเดือนและเลื่อนเงินเดือนให้แก่ข้าราชการตำรวจผู้ดำรงตำแหน่ง รองผบก. หรือเทียบเท่า ,บัญชีรายชื่อข้าราชการตำรวจที่จะต้องพ้นจากราชการเพราะครบเกษียณอายุเมื่อสิ้นปีงบประมาณ 2555, การพิจารณาคัดเลือกและแต่งตั้ง ด.ต.กฤตภัค ขุนจำนง เป็นข้าราชการตำรวจสัญญาบัตร


ขอขอบคุณภาพจากทำเนียบรัฐบาล
เนื้อข่าวจาก ข่าวสดออนไลน์