วันอังคารที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2555

ไม่ด้านคิดไม่ได้! กทม.เสนอออกมติล้างผิด "รถดับเพลิง"

กทม.ชงข้อเสนอหารืออนุญาโตตุลาการ กรณีรถ –เรือดับเพลิง เข้า ครม.ตกลง “สไตเออร์ฯ” คิดราคาใหม่ และ กทม.จัดซื้อตามจำเป็น ได้ลดราคาเบื้องต้น 600 ล้าน แถมค่ารักษาสภาพ 63 ล้าน ด้านสลค. โบ้ยกทม. ต้องแก้ปัญหาเอง

รถดับเพลิงกรุงเทพฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี ( ครม.) วันที่ 4 ม.ค.นี้ กระทรวงมหาดไทย โดยกรุงเทพมหานคร ( กทม. ) จะเสนอ ครม.พิจารณาให้ความเห็นชอบในหลักการเจรจาทำความตกลงระหว่าง กทม.กับบริษัท บริษัท สไตเออร์ เดมเลอร์ ฯ จำกัด ผู้ขายรถและเรือดับเพลิงรวมทั้งอุปกรณ์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งขณะนี้ เรื่องอยู่ระหว่างการดำเนินคดีในกระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทย โดย กทม.ได้เจรจากับฝ่ายบริษัทผู้ขาย และได้ข้อสรุปคือ 1. กทม.เสนอให้บริษัทผู้ขายยอมรับว่าข้อตกลงซื้อขายไม่มีผลผูกพันมาแต่แรก ซึ่งสอดคล้องกับคำวินิจฉัยของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดังนั้น เงินที่บริษัทผู้ขายได้รับ ต้องคืนให้ กทม.และรัฐบาล โดยผลการเจรจา บริษัทผู้ขายยอมรับว่า ข้อตกลงซื้อขายไม่มีผลผูกพันมาแต่แรก เงินที่บริษัทผู้ขายได้รับ จะคืนให้ กทม. และรัฐบาล และบริษัทผู้ขายยอมรับว่าของที่ส่งมาทั้งหมดเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทผู้ขาย แต่สำหรับภาระในเรื่องค่าภาษีอากรนำเข้าสินค้า บริษัทผู้ขายเห็นว่า ทั้งโดยข้อกฎหมายและข้อสัญญา ภาระดังกล่าวนี้เป็นความรับผิดชอบของ กทม.

2.กทม.เสนอให้คณะอนุญาโตตุลาการดำเนินกระบวนการพิจารณา เพื่อหาข้อยุติเรื่องราคาของยานพาหนะดับเพลิงและอุปกรณ์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ โดยรับฟังความเห็นของผู้เชี่ยวชาญอิสระเป็นผู้ประเมินราคา ให้ กทม.มีสิทธินำสืบหรือเสนอความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ และพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องต่อคณะอนุญาโตตุลาการด้วย บริษัทผู้ขายยอมรับข้อเสนอนี้

3. กทม.เสนอว่า กทม.จะซื้อสิ่งของตามความจำเป็นที่แท้จริง ที่ต้องใช้ในราชการโดยยึดถือตามราคาที่ได้มีการพิจารณาเป็นที่ยุติโดยคณะอนุญาโตตุลาการตามข้อ 2 และการจัดซื้อต้องอยู่ภายใต้กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องของราชการไทย โดยบริษัทผู้ขายยอมรับที่ กทม.จะซื้อสิ่งของตามความจำเป็นที่แท้จริงที่ต้องใช้ในราชการ แต่มีเงื่อนไขว่าบริษัทจะปรับลดราคาสินค้าให้เป็นตามราคาขั้นต่ำตามการประเมินของผู้ประเมินราคาอิสระที่จะนำเสนอต่อคณะอนุญาโตตุลาการ ซึ่งเทียบได้เป็นประมาณร้อยละ 10 ของราคาสินค้าตามข้อตกลงซื้อขาย ซึ่งจะเท่ากับเป็นราคาที่ลดลงประมาณ 668,479,900 บาท และผู้ขายจะจ่ายเงินช่วยค่าซ่อมและปรับสภาพสินค้าให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ดีเสมือนเป็นของใหม่อีกเป็นเงินจำนวนไม่เกิน 1.528 ล้านยูโร หรือ 63,049,100 บาท

ไม่มีความคิดเห็น: