เมื่อเวลาประมาณสามทุ่มของวันที่ ๕ มกราคม นายสุริยะใสได้โพสต์ถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้นจากบรรดาแนวร่วมพันธมิตรฯ ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว หลังจากกระแสสลิ่มถล่มเรื่องไปออกรายการโทรทัศน์ชื่อดัง และจับมือไม้กับ จตุพร พรหมพันธ์ โดยมีใจความว่า
"ขอบคุณทุกข้อห่วงใย และคำชี้แนะตักเตือนนะครับ ส่วนพี่น้องที่ร่วมต่อสู้กันมารับไม่ได้กับสิ่งที่ผมทำ ผมก็ต้องขอโทษครับ แต่อยากให้เข้าใจในเจตนาที่บริสุทธิ์และคำชี้แจงของผมครับ ส่วนข้อกล่าวหารับเงินทักษิณมาเท่าไหร่ ผมว่าอย่าเอาข้อกล่าวหาแบบนี้มาโยนใส่กันเลย มันไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าผมหรือแกนนำคนอื่นๆ วันนี้ผมยังยืนในจุดยืนเดิมในการต่อต้านระบอบทักษิณ ไม่จำเป็นต้องเชื่อผมแต่ให้เวลาพิสูจน์กัน ไม่ว่าวันข้างหน้าผมจะยืนอยู่ตรงไหน จุดไหน ผมมีหน้าที่ในการพิสูจน์ศรัทธาและความเชื่อกับสิ่งที่ต่อสู้และผลักดันมา"
สำหรับคำชี้แจงของนายสุริยะใสต่อการเดินทางไปออกรายการ "เช้าดูวู้ดดี้" ร่วมกับนายจตุพรนั้น มีขึ้นขณะที่ผู้ประสานงานกลุ่มกรีนได้ร่วมดำเนินรายการ "คนเคาะข่าว" ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวีเมื่อวันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา
นายสุริยะใสกล่าวในรายการดังกล่าวว่า จริงๆ หลายรายการ หลายช่องพยายามเชิญตนกับนายจตุพรไปหลายครั้งแล้วแต่ปฏิเสธไป แต่ปีนี้รับปากเพราะเป็นต้นปีใหม่ และจะได้ประเมินสถานการณ์ ฟังนายจตุพรมองในปีกคนเสื้อแดง และฝั่งเรามองอย่างไร คอนเซ็ปต์รายการคือ คุยเรื่องอดีตของตนกับนายจตุพร ซึ่งเรารู้จักกันมาเกือบ 20 ปี ตั้งแต่เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ แต่ว่าตั้งแต่วิกฤตการเมืองยุคทักษิณ 6-7 ปีมานี้ ตนเจอกับนายจตุพรเพียง 3 ครั้ง และเจอโดยบังเอิญทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นงานเปิดร้านเพื่อน งานแต่ง งานบวชของพรรคพวกที่เป็นเครือเดียวกัน
นายสุริยะใสกล่าวต่อว่า ในรายการช่วงแรกจะพูดเรื่องเบาๆ พูดถึงเรื่องในอดีต ซึ่งเราสนิทกันจริงปฏิเสธไม่ได้ แต่วันนี้จุดยืนทางการเมืองต่างกัน ตนก็พูดชัดในรายการว่าเรายืนกันคนละข้าง ปีนี้ก็ต้องยืนกันคนละข้าง เพราะปีนี้วาระทักษิณชัดมาก ตนก็ทักท้วง คัดค้าน ว่าถ้ารัฐบาลจะเอาวาระทักษิณมาเป็นวาระใหญ่ รัฐบาลเอาไม่อยู่แน่ เพราะจะเจอแรงต้านจากมวลชน แต่เผอิญตอนท้ายผู้จัดรายการให้จับมือกัน พี่น้องพันธมิตรฯ เห็นก็เป็นกังวล ขอยืนยันว่าจุดยืนตนเหมือนเดิม แต่อดีตตนกับนายจตุพรเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ และเรารู้จักกันมาจริง
ซึ่งตนก็พูดกับนายจตุพรว่าปรองดองจะเกิดได้ต้องเริ่มที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องเสียสละกลับมารับโทษ ถ้าเริ่มตรงนั้นได้ พ.ต.ท.ทักษิณจะกลายเป็นผู้นำในการปรองดองด้วยซ้ำ แต่วันนี้ไม่เข้ารับคำพิพากษาและด่ากระบวนการยุติธรรมไทย มันนับหนึ่งไม่ได้ จะออกกฎหมายชื่ออะไรก็ตามมันไปไม่ได้
ผู้ประสานงานกลุ่มกรีนกล่าวอีกว่า ได้คุยกับนายจตุพรก็เห็นแนวคิดว่านิรโทษกรรมเกิดไม่ง่าย เรื่องนี้ นายจตุพรมองว่าพวกเขาเจ็บ ติดคุก แต่อีกฝ่าย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่โดน ถ้าจะนิรโทษกรรมต้องเท่ากันหน่อย แสดงว่าก็ไม่ง่ายที่จะนิรโทษกรรมให้นักโทษการเมืองทั้งหมด
เมื่อกล่าวถึงประเด็นที่ว่ามีเพื่อนหลายคนที่เคยเดินบนถนนสายประชาธิปไตยมาด้วยกัน แต่ก็ต้องมาเจอทางแยก นายสุริยะใสกล่าวว่า คิดว่าอดีตตนกับนายจตุพร ต่อต้าน ขับไล่เผด็จการ แต่วันนี้เป็นสถานการณ์การสร้างประชาธิปไตย ซึ่งความหมายประชาธิปไตยของตนกับนายจตุพรอาจคนละความหมาย
การต่อต้านเผด็จการมันง่ายมากที่จะบอกว่าใครเป็นเผด็จการ แต่คำว่าประชาธิปไตย ตนรู้สึกว่ามันน่ากลัวพอๆกับคำว่าเผด็จการ เพราะประชาธิปไตยเสื้อแดงคืออะไร เสื้อเหลืองคืออะไร ประสบการณ์คนเดือนตุลา หรือพฤษภา มันไม่มีทางที่จะอธิบายสถานการณ์วันนี้ได้เลย มันซับซ้อนมากกว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาเยอะเลย การขับไล่เผด็จการยาก แต่การรวมตัวในการสร้างประชาธิปไตยยากยิ่งกว่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น