วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2555

"ผู้กองมนัส" แฉ! เด้ง รมต.คลังเพราะเอี่ยวหวย?


ชั่วโมงนี้ ในวงการสลากกินแบ่งรัฐบาล ย่านสี่แยกคอกวัว ไม่มีใคร ไม่รู้จัก ผู้กองนัส หรือ มนัส พรหมเผ่า


มนัส ไม่ใช่คนโตย่านคลองเตยเพียงอย่างเดียว ล่าสุดเขาสยายปีกคุมสี่แยกคอกวัวเรียบร้อยแล้ว


เอาเข้าจริง ถ้าเป็นเมื่อหลายสิบปีก่อน ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสี่แยกคอกวัว ต้องยกให้ “เจ๊แดง”ปลื้มจิตต์ กนิษฐสุต เจ้าของบริษัทสลากมหาลาภ บริษัทปลื้มวัธนา และบริษัทไดมอนด์ ล็อตโต้ “เจ๊สะเรียง”สะเรียง อัศววุฒิพงศ์ เจ้าของ บริษัท หยาดน้ำเพชร และบริษัทบีบี เมอร์ชานท์ รวมถึง เจ๊ตุ่ม เจ๊กล้วย และสมชาย บอด


ผลประโยชน์ในวงการสลากในอดีต ล้วนเชื่อมไปถึงบิ๊กพรรคประชาธิปัตย์ ใครก็รู้ว่า เจ๊แดง สุดปึ๊กกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่ท้ายที่สุด รักมากก็เจ็บมาก เพราะผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใคร


ทุกวันนี้ ห้าม เอ่ยชื่อ" วิฑูร กรุณา"ให้เจ๊แดงได้ยิน

แต่เมื่อสายน้ำเปลี่ยนทิศ การเมืองเปลี่ยนขั้ว และการลงทุนที่ผิดพลาดของเจ้าแม่ผู้สูงวัยในวงการสลากกินแบ่ง

บัดนี้ อาณาจักรและผลประโยชน์ได้เปลี่ยนมือมาอยู่กับ ผู้มากบารมีคนใหม่แห่งเมืองกรุง


วันนี้ โควต้าสลากส่วนใหญ่ อยู่ในมือของผู้กองมัส ห้างหุ้นส่วนจำกัด ขวัญฤดี ของ เจ๊แดง ปลื้มจิตต์ กนิษฐสุต ก็ถูกเทคโอเวอร์ โดยผู้ยิ่งใหญ่รายใหม่แห่งสี่แยกคอกวัว

วันนี้ผู้สื่อข่าวพาบุกรังของผู้กองนัส ย่านคลองเตย ในวันที่"ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ปรับครม. และเปลี่ยนตัวขุนคลังคนใหม่


มนัส พรหมเผ่า ฟันธงทันทีว่า ผลประโยชน์ในกองสลาก ทำให้ต้องเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีคลัง !!!!

ต่อไปนี้คือ บทสัมภาษณ์ มนัส พรหมเผ่า ผู้ยึดครองสี่แยกคอกวัวแบบเบ็ดเสร็จ พร้อมโควต้าสลากจำนวนมหาศาล

@ เบื้องหลังที่เข้าไปร่วมลงทุนกับเจ๊แดงในธุรกิจสลากกินแบ่งฯ

ผมมีเพื่อนสนิทสมัยเรียนโรงเรียนนายร้อยด้วยกัน แล้วเขาเป็นลูกชายบุญธรรมของเจ๊แดง หรือ ปลื้มจิตต์ กนิษฐสุต ( หจก. ขวัญฤดี ตัวแทนจำหน่ายล็อตเตอรี่รายใหญ่) เขาขอยืมเงินผมวิ่งโควต้าล็อตเตอรี่ แล้วยังไม่คืนสักที ผมจึงต้องไปถือหุ้นใน ขวัญฤดี เฉพาะเงินค้ำประกันตอนนั้นก็ 300-400 ล้านบาท เบิกล็อตเตอรี่อีกงวดละ 100 ล้านบาท เบ็ดเสร็จก็เกือบ 1,000 ล้านบาท ปัจจุบัน ผมเลยกลายเป็นตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่สุดของกองสลากฯ แต่ไม่ค่อยได้บอกใคร มีสลากเล่มใหญ่ 30,000-40,000 เล่ม เล่มเล็ก 60,000-70,000 เล่ม

@ ถ้าให้วิเคราะห์ปัญหาของสำนักงานสลากกินแบ่งฯ

ความจริงวัตถุประสงค์ของการก่อตั้งสำนักงานกินแบ่งรัฐบาล ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่า “กินแบ่ง” รายได้ส่วนหนึ่งต้องเข้ารัฐ แล้วรัฐก็นำรายได้ไปทำการกุศล เพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ทหารผ่านศึก หรือสภาสังคมสงเคราะห์ แต่ ณ เวลานี้ มันกลายเป็นเครื่องมือหาเงินของนักการเมือง

กองสลากฯ จะขายสลากให้พ่อค้าแม่ค้าเล่มละ 8,000 บาท พ่อค้าแม่ค้าต้องห้ามขายเกิน 8,000 บาท แต่ทางกองสลากฯ จะมีส่วนลดให้ผู้ค้า 9-12% เพื่อไปทำกำไร แต่ทำไมผู้ค้าต้องมาขายแพงกว่า 8,000 บาท บางครั้งต้องขาย 9,000 บาท หรือเอามาขายใบละ 100-120 บาท ทำให้เป็นภาระของผู้บริโภค เนื่องจากส่วนลดนี้ ตกกับนักการเมือง

@ คุณกำลังบอกว่า การเมืองหาประโยชน์จากสลากกินแบ่งฯ

ผมเสนอว่า รัฐบาลไม่ควรหาประโยชน์จากกองสลากฯ ซึ่งเป็นองค์กรการกุศล เรื่องที่จะปลดรัฐมนตรีคลังก็เพราะเรื่องสลากฯ นี่แหละ (เน้นเสียง)

@ เงื่อนงำ เป็นอย่างไร
ส่วนลดผู้ค้าไงครับ นี่คือความ.....ของนักการเมือง (หัวเราะ)

@ทุกรัฐบาลก็มีข่าวแบบนี้ ไม่ใช่หรือ

รัฐบาลก่อนหน้านี้ก็หาประโยชน์ รัฐบาลนี้ก็หาประโยชน์ มันกลายเป็นประเพณีวัฒนธรรมไปแล้ว

@ แล้วควรแก้ไขอย่างไร ให้เกิดประโยชน์ตรงตามเจตนารมณ์ของพ.ร.บ.สลากกินแบ่งฯ

ส่วนลดควรตกกับผู้ค้า ไม่ใช่นักการเมือง ถ้าไม่มีการเสียคอมมิสชั่น แล้วให้เขาทำกำไรได้ เขาก็อยู่ได้ ผู้บริโภคก็ได้ซื้อในราคาถูก
@เคยบอกผู้ใหญ่เรื่องนี้หรือไม่

ผู้ใหญ่ตัวดี (หัวเราะ)

ไม่มีความคิดเห็น: