ศาลอินโดนีเซียตัดสินให้เด็กชายคนหนึ่งมีความผิดในข้อหาขโมยรองเท้าแตะที่ใช้แล้ว แต่อนุญาตให้เขาเป็นอิสระ ในคดีความที่กลายเป็นข่าวดังทั่วประเทศ ขณะที่สังคมแสดงการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เป็นธรรมของระบบศาลยุติธรรมของประเทศ
ประชาชนจำนวนหลายร้อยคน ที่เดินทางมายังศาลเมืองพาลู เมืองหลวงของจังหวัดสุลาเวสี เพื่อร่วมฟังคำตัดสินคดีเด็กชายชาวอินโดนีเซียถูกถูกจับกุมและกล่าวหาว่าขโมยรองเท้าแตะของตำรวจนายหนึ่ง กล่าวแสดงความไม่พอใจอย่างมากหลังศาลอ่านคำพิพากษา
ผู้พิพากษาได้กล่าวในคำตัดสินว่า เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงและหลักฐานแล้ว จำเลยรับสารภาพว่าได้กระทำความผิดจริงโดยการลักขโมย และตัดสินให้เด็กชายกลับบ้าน และให้อยู่ภายใต้การดูแลของพ่อแม่ ทั้งนี้ เด็กชายคนดังกล่าว ซึ่งไม่สามารถปิดเผยชื่อได้ อาจถูกตัดสินจำคุกสูงถึง 5 ปี ซึ่งเป็นโทษเดียวกับผู้ก่อการร้าย ผู้ร้ายในคดียาเสพติดหรือคดีข่มขืนพึงได้รับ
ประชาชนต่างนำรองเท้าแตะหลายสิบคู่ถูกนำมากองไว้ด้านหน้าห้องพิจารณาคดีที่อาคารศาล เพื่อแสดงการสนับสนุนเด็กชายวัย 15 ปี ที่ถูกนำตัวขึ้นพิจารณาคดีเมื่อวานนี้ โดยเขาถูกกล่าวหาว่าขโมยรองเท้าแตะ 1 คู่ จากหน้าบ้านเช่าของตำรวจเมื่อเดือน พ.ย. 2010 ก่อนที่ 6 เดือนต่อมาเขาจะถูกตำรวจเค้นสอบและทำร้ายร่างกายอย่างทารุณ โดยตำรวจกล่าวหาว่าเขาเป็นหัวขโมย ขณะที่เพื่อน 2 คนของเด็กชายกล่าวระหว่างการให้การในศาลว่า เขาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายด้วยท่อนไม้และถูกเตะ
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจรายหนึ่งอ้างว่า รองเท้าแตะดังกล่าวเป็นของเขาและครอบครัว และเขาเป็นผู้นำเด็กชายไปพบตำรวจเอง แต่เมื่อนำหลักฐานมาแสดงยังศาล กลับพบว่ารองเท้าไม่ใช่ยี่ห้อและขนาดที่เขาใช้ แต่ถึงกระนั้น ศาลก็ยังตัดสินให้เด็กชายมีความผิดจริงเช่นเดิม
ชาวบ้านคนหนึ่งบอกว่า การนำรองเท้าแตะไปวางไว้ที่ด้านนอกศาล นอกจากเป็นการสนับสนุนผู้ต้องหาแล้ว ยังแสดงถึงความคับข้องใจต่อกระบวนการยุติธรรมของอินโดนีเซียที่ไม่เป็นธรม และเรียกร้องให้ศาลยกฟ้องเด็กชายคนดังกล่าว
ด้านสำนักงานคณะกรรมการป้องป้องเด็กและเยาวชน ได้ตั้งเป้าให้มีการบริจาครองเท้าให้แก่เด็กชายคนดังกล่าว 1,000 คู่ ซึ่งมีประชาชนนับพันร่วมสนับสนุน พร้อมทั้งมีการจัดการประท้วงขึ้น ทั้งที่เมืองพาลู กรุงจาการ์ต้า และเมืองใหญ่อีกหลายเมือง
ขอขอบคุณมติชนออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น