วันจันทร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2554

เสียงกระซิบ "5 พันธมิตร ตามบุญตามกรรม"?


ลอยแพ 5 พันธมิตรติดคุกเขมร


การได้รับการประกันตัวของ 2 ใน 7 คนไทยที่ถูกทางการกัมพูชาของ “ฯพณฯฮุนเซน” ข้อหารุกล้ำดินแดนนั้น ไม่ได้ถือเป็นเรื่องดีสำหรับสถานการณ์ของฝ่ายไทยในการช่วยเหลือพันธมิตรอีก 5 คนที่ยังถูกคุมขังอยู่ในคุก

เพราะเป็นเรื่องน่าตลกที่ศาลกัมพูชาอนุญาตให้มีการประกันตัว “พนิช วิกิตเศรษฐ์” และ “นฤมล จิตรวะรัตนา” แต่วันถัดมากลับไม่อนุญาตให้ประกันตัว 3 คนไทย ทั้ง “ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์”-“ตายแน่ มุ่งมาจน”-“กิชพลธรณ์ ชุสนะเสวี” โดยมิได้ให้เหตุผลแต่ประการใด ทั้งที่ถูกตั้งข้อหาในระดับเดียวกับ 2 คนที่ได้รับการประกันตัว

ยังไม่ต้องพูดถึง “วีระ สมความคิด” กับ “ราตรี พิพัฒนาไพบูลย์” ที่ถูกข้อหาเพิ่มเติมฐานจารกรรมข้อมูลความลับทางทหาร ที่มีโทษจำคุกมากกว่า 10 ปี

ทำให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยในความจริงใจของมาตรการช่วยเหลือ 7 พันธมิตรของรัฐบาล “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ว่ามีมากน้อยเพียงใด เพราะตั้งแต่แรกที่มีข่าวการจับกุมทั้ง 7 คนบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชานั้น มีกระแสข่าวมาโดยตลอดว่าผู้นำระดับสูงในรัฐบาลได้พยายามประสานงานไปยังรัฐบาลพนมเปญเพื่อให้ปล่อยตัว “พนิช” ที่มีฐานะเป็น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ โดยอ้างเรื่องเอกสิทธิ์ของ ส.ส.ในประเทศไทยเพื่อช่วย “พนิช” ให้รอดออกมาคนเดียวเสียก่อน

จนแล้วจนรอด “ฮุน เซน” ไม่เล่นด้วย ยืนกรานที่จะนำตัวทั้ง 7 เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของกัมพูชา สถานการณ์จึงตกอยู่ในมือของผู้นำสูงสุดของกัมพูชามาตั้งแต่นั้น เพราะฝ่ายไทยก็เดินตามเกมของกัมพูชา ยอมรับอำนาจศาลกัมพูชา เป็นการตอกย้ำว่า 7 พันธมิตรรุกเข้าไปในกัมพูชาไปโดยปริยาย

โดยรัฐบาลไทยไม่ได้มีมาตรการให้ความช่วยเหลือ หรือกดดันใดๆไปยังรัฐบาลกัมพูชา เรื่องจึงยืดเยื้อยาวนานมากว่า 2 สัปดาห์

การที่ศาลให้การประกันตัว 2 คนไทยนั้นก็มาจากความพยายามในการประสานงานครั้งแล้วครั้งเล่าของคนในรัฐบาล เพื่อหวังให้ปล่อยตัว “พนิช”ออกมาให้ได้เสียก่อน แต่การที่ “พนิช” จะเดินออกมาจากเรือนจำเปรยซอร์เพียงคนเดียวก็ดูจะน่าเกลียดเกินไป จึงต้องพ่วง “นฤมล” ออกมาด้วยเป็นการแก้เกี้ยว

และเมื่อคนของตนรอดพ้นจากการถูกคุมขังออกมาได้แล้ว สร้างความพึงพอใจให้กับรัฐบาลในระดับที่น่ากลัวว่า จะลดระดับความช่วยเหลือ 5 คนไทยที่เหลืออยู่ลงไปอีก จากที่ไม่ได้มีมาตรการอย่างจริงจังมาตั้งแต่แรก

เฉพาะอย่างยิ่งรายของ “วีระ” และ “ราตรี” ที่โดนข้อหาหนักกว่าเพื่อน ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้นก็มาจากการที่บุคคลระดับสูงในรัฐบาลของ 2 ชาติ“เตี๊ยมกัน” เพื่อหวังสั่งสอน “วีระ” ที่พยายามสร้างบทบาทต่อปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชามาอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญมักเข้าไปยุ่มย่ามใน “พื้นที่หวงห้าม” ตลอดเวลา

สอดรับกับความหวังดีประสงค์ร้ายของรัฐบาลที่แนะนำให้ 7 คนไทยสารภาพว่ารุกล้ำเข้าไปในดินแดนกัมพูชาจริง เพื่อให้ศาลตัดสินคดีให้ถึงที่สุด และจะได้ขอพระราชทานอภัยโทษจากกษัตริย์กัมพูชาโดยเร็วที่สุด

ซึ่งมีเพียง “พนิช” และ “กิชพลธรณ์” ผู้ติดตามเท่านั้นที่ยอมเล่นตามเกมนี้ สารภาพแต่โดยดีว่ารุกล้ำเขตแดนกัมพูชา

ส่วนที่เหลือมองว่าหากเล่นตามเกมที่รัฐบาลไทยแนะนำ ก็ไม่ได้มีหลักประกันใดว่าจะได้รับการอภัยโทษ แถมยังอาจโดนตัดสินโทษแบบเต็มพิกัดอยู่โยงเฝ้าคุกกัมพูชาเป็น 10 ปี

จะเห็นได้ว่ารัฐบาลนี้พยายาม “เล่นเกม” กับคนไทยด้วยกันเองมากกว่าที่จะมีมาตรการกดดันกัมพูชา เพื่อช่วยเหลือ 7 คนไทยออกมาอย่างมีรูปธรรม โดยหวังให้มีเพียงบางคนได้กลับบ้าน ส่วนที่เหลือแล้วแต่บุญแต่กรรม


ไม่มีความคิดเห็น: