วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554

"สลิ่มตัวพ่อดิ้น" วศิษฐ-พร้อมต่อสู้กับอเมริกาและ UN



โดย วสิษฐ เดชกุญชร

ผมไม่ค่อยประหลาดใจนักที่ได้ทราบข่าวว่า นางคริสตี้ เคนนี่ย์ (Kristie Kenney) เอกอัครราชทูตสหรัฐ (อเมริกา) ประจำประเทศไทย และนาง (หรือนางสาว) ราวินา ชัมดาซานี (Ravina Shamdasani) โฆษกของข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ ได้ออกมาแสดงความเห็นเป็นเชิงวิพากษ์ศาลไทยในกรณีนายอำพล ตั้งนพคุณ ถูกศาลพิพากษาตัดสินจำคุกฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์เป็นเวลา 20 ปี

ในกรณีของนางเคนนี่ย์นั้น ที่ผมไม่ประหลาดใจก็เพราะผมเคยเรียนในมหาวิทยาลัยอเมริกัน เคยมีและยังมีเพื่อนเป็นคนอเมริกันหลายคน บางคนรักกันเหมือนหรือยิ่งกว่าพี่น้อง นอกจากนั้น ผมยังรู้จักคนอเมริกันอีกนับไม่ถ้วน เพราะรู้จักผมจึงรู้ว่าคนอเมริกันเป็นจำนวนไม่น้อยที่รู้จักและเข้าใจคนชาติอื่นประเทศอื่นแต่เพียงผิวเผิน ถึงแม้ว่าบางคนจะเรียนจบชั้นสูงๆ ของมหาวิทยาลัย หรือเรียนจบมาหลายมหาวิทยาลัยก็ตาม

อย่างในกรณีของนางเคนนี่ย์ ทูตอเมริกันคนปัจจุบันก็เหมือนกัน ตามประวัติเธอเรียนจบได้รับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยเคลมซัน และปริญญาโท (แขนงวิชาละตินอเมริกันศึกษา) จากมหาวิทยาลัยตูเลน เมืองนิวออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียนา และยังแถมผ่าน National War College ซึ่งเทียบได้กับวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรของเราด้วย

แต่ผมไม่ทราบว่าหลักสูตรของวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยทั้งสามที่เธอผ่านมานั้น จะสอนเรื่องต่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องประเทศในอุษาคเนย์อย่างละเอียดลึกซึ้งเพียงใด และเพียงพอหรือไม่ที่จะทำให้เธอตระหนักว่า ความรู้สึกของคนไทยที่มีต่อพระมหากษัตริย์ของเขานั้น ต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับความรู้สึกที่คนอเมริกันมีต่อประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา

และเมื่อดูประวัติการรับราชการของนางคริสตี้ และรู้ว่าเธอเคยดำรงตำแหน่งแต่ในประเทศภาคพื้นยุโรป อเมริกาใต้ และฟิลิปปินส์ด้วยแล้ว ก็สันนิษฐานได้ว่า เธอคงไม่มีโอกาสนักที่จะได้ศึกษาและรู้จักเมืองไทยและคนไทยอย่างแท้จริง

สำหรับนางชัมดาซานีนั้น ผมหาประวัติไม่พบ ปรากฏแต่ว่าเป็นนักสิทธิมนุษยชนนิยม หน้าตาดูอายุจะยังน้อย และละม้ายคล้ายคนเอเชียเชื้อสายอินโดนีเซียหรือมาเลย์ จะอย่างไรก็ตาม ทั้งนางเคนนี่ย์และนางชัมดาซานีคงไม่รู้ว่าพระมหากษัตริย์ไทยทรงดำรงตำแหน่งด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ ไม่ใช่ด้วยการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งคราวละ 4 ปีอย่างประธานาธิบดีอเมริกัน

ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นสถาบันที่รวมใจคนไทยทั้งชาติ และทรงเป็นหลักประกันความต่อเนื่องของการปกครองที่ยืนยาวมากว่า 700 ปี

ผมเชื่อด้วยว่านางเคนนี่ย์และนางชัมดาซานีคงไม่มีความรู้เรื่องกฎหมายอาญาของประเทศไทยมากนัก มิฉะนั้นก็คงจะรู้ว่า ความผิดต่อพระมหากษัตริย์ไม่ใช่ความผิดต่อบุคคลสามัญทั่วไป หากแต่เป็นความผิดต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับบัญญัติว่า พระมหากษัตริย์ทรงเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ เพราะไม่ตระหนักในความจริงข้อนี้ จึงพากันออกมาวิพากษ์หรือตำหนิการดำเนินคดีและพิพากษาของศาลไทยว่าไม่สอดคล้องกับมาตรฐานสากลว่าด้วยเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิมนุษยชน

และเลยเถิดไปถึงเรียกร้องให้แก้ไขกฎหมายอาญาที่ว่าด้วยการหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์

ผมขอแจ้งผ่านบทความนี้ให้สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย และสำนักงานข้าหลวงใหญ่สหประชาชาติว่าด้วยสิทธิมนุษยชนทราบว่า ผมเข้าใจดีว่ามนุษยชนมีสิทธิอย่างใด แต่ผมก็เข้าใจด้วยว่ามนุษยชนคนไหนก็ตามมีหน้าที่ด้วย

หน้าที่ที่พึงปฏิบัติต่อผู้อื่น ต่อสังคม และต่อประเทศชาติที่ตนเป็นพลเมือง การหมิ่นประมาทจาบจ้วงล่วงเกินลบหลู่หรือด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคายเอากับผู้เป็นที่เคารพสักการะของผู้อื่นนั้น เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพเกินขอบเขตที่มนุษยชนพึงใช้ และเป็นการไม่ปฏิบัติหรือทรยศต่อหน้าที่ของมนุษยชนผู้นั้น

ยิ่งสำหรับประเทศไทยที่พระมหากษัตริย์ทรงเป็นที่รักเคารพและสักการะสูงสุดของคนไทยด้วยแล้ว พฤติการณ์เช่นนั้นก็ยิ่งเป็นอนันตริยกรรม ที่คนไทยไม่อาจให้อภัยได้

น่าสังเกตด้วยว่า พฤติการณ์ของนางเคนนี่ย์และนางชัมดาซานีเกิดขึ้นในขณะที่การหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ทางเว็บไซต์ต่างๆ กำลังเป็นไปอย่างคะนองมือ เหมือนกับว่าทั้งเอกอัครราชทูตอเมริกันและข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนไม่รู้หรือไม่ได้ดูเว็บไซต์เหล่านั้น หรือเจ้าหน้าที่ของสถานเอกอัครราชทูตและสำนักงานข้าหลวงใหญ่ไม่ได้รายงานให้นายของตนทราบ หรือเป็นเจตนาของเอกอัครราชทูตอเมริกันและข้าหลวงใหญ่สหประชาชาติ ที่จะผสมโรง?

คนไทยอกตัญญูเนรคุณจำนวนหนึ่งกำลังพยายามทำลายการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยแบบที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ถ้าสหรัฐอเมริกาและหรือองค์การสหประชาชาติพลอยเห็นงามตามไปด้วยและหรือสนับสนุน

ก็ขอให้รู้ว่ามหาชนคนไทยที่เคารพสักการะและกำลังป้องกันพระมหากษัตริย์อยู่ ก็พร้อมที่จะเป็นปฏิปักษ์และต่อสู้กับสหรัฐอเมริกาและองค์การสหประชาชาติด้วย

ไม่มีความคิดเห็น: