วันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2554

บึ้มกองสลากฯ พบ "เจ้าเก่า" เคยบึ้มเมเจอร์-หน้า ทบ.ปี 50


ตร.ตรวจ"วงจรระเบิด"หน้ากองสลากเทียบคดีเก่า พบต่อแบบเดียวกับที่เคยวางบึ้มตู้โทรศัพท์ หน้าเมเจอร์-บก.ทบ.เมื่อปี 50 บิ๊กอ๊อดสั่งกระจายกำลังออกเก็บหลักฐาน-หาพยาน เร่งตรวจวงจรปิดของเซเว่นฯ และแบงก์เพื่อหาเบาะแสพาหนะคนร้าย ส่วนลายนิ้วมือคนร้ายอยู่ระหว่างตรวจสอบ ผบก.สส.บช.น. เผยคดีคืบหน้าไปมาก

ความคืบหน้ากรณีคนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่องใส่กระเป๋ามาวางไว้บริเวณเกาะกลางหน้ากองสลากกินแบ่งรัฐบาล ถนนราช ดำเนินกลาง กรุงเทพฯ เมื่อช่วงเย็นของ วันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุดวันที่ 10 ธ.ค. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า ขณะนี้ต้องรอผลการตรวจสอบลายนิ้วมือคนร้ายที่ได้จากบริเวณจุดเกิดเหตุ และจัดกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนหาข่าวและสอบพยานแวดล้อมที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุเพิ่มเติม จากการสอบปากคำพยาน 38 ปากขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก และให้ปากคำเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับภาพวงจรปิดนั้นแบ่งให้กำลังฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.1 เป็นผู้รับผิดชอบในการตรวจสอบหาผู้ต้องสงสัยรายนี้ต่อไป

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. สั่งการให้พล.ต.ต.รณศิลป์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกก.สส. บก.น.1 และฝ่ายสืบสวนสน.ชนะ สงคราม ชุดคลี่คลายคดีเร่งสืบสวนสอบ สวนติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี โดยสั่งการให้สว.สส.ทุกสน.ในสังกัดบช.น. ตรวจสอบวัสดุที่คนร้ายนำมาใช้ประกอบระเบิด ได้แก่ ถ่านไฟฉาย และนาฬิกาปลุกที่ผลิตจากประเทศจีน ว่ามีขายอยู่บริเวณใด หรือต้นตอที่มีการสั่งเข้ามาก่อนมาวางจำหน่าย เพื่อหาเบาะแสคนร้าย

นอกจากนี้ ยังให้ฝ่ายสืบสวนแกะรอยท่อเหล็กทรงกระบอกขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 นิ้ว สูง 7.5 นิ้ว เนื่องจากเป็นที่น่าสังเกตว่าท่อเหล็กดังกล่าวนำแผ่นเหล็กมาอ๊อกเชื่อมปิดตูดท่อ โดยลักษณะเพิ่งทำได้ไม่นาน ก่อนใส่ดินระเบิด เหล็กเส้นตัด และเศษกระจก ใช้ทำเป็นสะเก็ดระเบิด คนร้ายอาจจะจ้างร้านเชื่อมและจำหน่ายเหล็กเป็นคนทำ

จากการตรวจสอบลักษณะระเบิดแสวงเครื่อง และวงจรที่คนร้ายต่อระเบิดนั้น เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 140 กว่าคดี ไม่ว่าเหตุระเบิดจากการชุมนุมทางเมืองต่างๆ ที่ผ่านมา รวมไปถึงเหตุระเบิด 9 จุด ส่งท้ายปีเก่า 2549 ต้อนรับปีใหม่ กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด (อีโอดี) ตรวจสอบแล้วพบว่ามีลักษณะคล้ายกับเหตุระเบิด 2 จุด คือ เหตุระเบิดที่บริเวณหน้าโรงหนังเมเจอร์รัชโยธิน เมื่อค่ำวันที่ 9 เม.ย.2550 ท้องที่สน.พหลโยธิน และเหตุระเบิดที่หน้ากองบัญชาการทหารบก ติดกับโรงเรียนแผนที่ทหาร เมื่อค่ำวันที่ 30 ก.ย. 2550 ท้องที่สน.ดุสิต

โดยทั้งสองเหตุการณ์คนร้ายวางระเบิดแสวงเครื่องไว้ที่บริเวณตู้โทรศัพท์สาธารณะ และเกิดเหตุระเบิดขึ้นทำให้ตู้โทรศัพท์เสียหาย ซึ่งจากการตรวจสอบลักษณะการต่อวงจรคล้ายกัน วงจรระเบิดที่ต่อใช้ถ่ายไฟฉายจำนวนมากถึง 9 ก้อน แต่เหตุระเบิดอื่นๆ ส่วนใหญ่จะใช้ถ่ายไฟฉายเพียง 2-3 ก้อนเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สั่งการให้บก.น.1 ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรนายหนึ่งด้วย หลังจากมีพยานยืนยันว่า พบวัตถุระเบิดดังกล่าวตั้งแต่ช่วงเช้าแล้วมาแจ้งให้ทราบขณะอำนวยการจราจรอยู่บริเวณที่เกิด แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรไม่สนใจรายงานผู้เกี่ยวข้องให้มาดำเนินการ

ไม่มีความคิดเห็น: