วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2554

โอละพ่อ "ราชสกุลยุคล" ฟ้องกลับ "ขโมยพระบรมโกศ ร.5" จากวังอัศวิน




เมื่อราวเดือนกันยายนที่ผ่านมามีข่าวว่าพระบรมโกศที่บรรจุพระบรมอัฐิพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ ได้ถูกจำนำไปอยู่ร้านทองเยาวราช ซึ่งถูกจำนำโดยอดีตหม่อมอุ่นเรือน ธรรมเสน โดยมีนายเทพมนตรี ลิมปพยอมเป็นผู้นำมาเปิดเผย หลังจากนั้นมีข่าวการติดต่อพูดคุยระหว่างทายาทตัวแทนราชสกุล และผู้รับจำนำมาโดยตลอด

ล่าสุดจากการติดตามข่าวสาร เหตุการณ์เบื้องต้นพลิกกลับเป็นว่าราชสกุล "ยุคล" ได้ฟ้องตำรวจว่า พระบรมโกศนั้นได้หายไปจากวังอัศวิน และตำรวจขอหมายศาลไปค้นที่บ้านของ "เสี่ยสิน เสี่ยสี" จนกลายเป็นข่าวดังขึ้นมา รวมทั้งวิวาทะในเฟรซบุ๊คมากมายว่านายเทพมนตรีไปมีส่วนร่วมใดๆกับผู้รับจำนำพระบรมโกศ

ล่าสุดนายเทพมนตรี ได้มีแถลงการณ์เกี่ยวกับกรณีดังกล่าวดังนี้

"เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ผมได้รับทราบข่าวจากเพื่อนคนหนึ่งว่ามีผู้นำพระบรมอัฐิและพระบรมโกศของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไปจำนำกับพ่อค้าทองรายหนึ่งซึ่งประกอบไปด้วยพระนลาฏและพระทนต์ ตอนแรกผมแทบไม่เชื่อหู เพราะเป็นไปไม่ได้ แต่ผมก็มิได้ตามเรื่องต่อ จนกระทั่งเมื่อประมาณเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2554 ผมได้พูดคุยกับเพื่อนผู้พี่ของผมอีกคนหนึ่งชื่อเล่นว่า “ซิป” ซึ่งเคยเข้าออกอยู่ในวังของราชสกุลนี้ และทราบว่าเรื่องการนำพระบรมอัฐิและพระบรมโกศไปจำนำนั้นเกิดขึ้นมาหลายปีแล้วโดยสะใภ้ของราชนิกูลตระกูลใหญ่นี้ นำไปจำนำในราคาแพงหลายล้านเพราะพระบรมโกศเป็นทองคำประดับถนิมพิมพาภรณ์

ผมเองเมื่อทราบเรื่องนี้จึงซักไซร้ไล่เรียงจนได้ความว่าการจำนำนั้นเกิดขึ้นจริง และมีการแยกส่วนของพระบรมอัฐินำไปจำนำ 3 ที่ เมื่อผมได้ทราบรายละเอียดผมจึงได้โพส์ตข้อความลงไปใน facebook ของผมบอกเรื่องราวทั้งหมด เพราะเห็นว่าพระบรมอัฐิและพระบรมโกศเป็นของสำคัญเป็นเรื่องใหญ่และเป็นการไม่เหมาะสมที่สะใภ้ของราชสกุล (ซึ่งปัจจุบันเป็นอดีตไปแล้ว) จะกระทำเรื่องเสื่อมเสียพระเกียรติยศเช่นนี้ การโพส์ตข้อความของผมสร้างความสนใจให้กับคนที่เข้ามาอ่านหน้ากระดานอย่างต่อเนื่องจนเป็นผลทำให้หนังสือพิมพ์ไทยโพส์ตและสื่อออนไลน์อื่นๆ นำเรื่องราวไปลง กลายเป็นเรื่องใหญ่ในสังคมออนไลน์ไปในที่สุด

ตัวผมเองได้ตั้งปณิธานต่อเรื่องนี้ไว้ว่าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ใดๆ จะทำหน้าที่เพื่อปกป้องพระเกียรติยศของในหลวงรัชกาลที่ 5 ที่ผมมีความเคารพรักและเทิดทูนอยู่แล้ว อีกประการหนึ่งเรื่องนี้มันเป็นเรื่องสำคัญที่จะนำพาให้เกิดความเสื่อมมาสู่สถาบันที่ผมเคารพรัก และเทิดทูลอย่างหาที่เปรียบมิได้เช่นกัน

ภายหลังข่าวนี้แพร่สะพัดออกไปทำให้คนในราชสกุลนี้ได้ติดต่อขอข้อมูลผมและให้ผมบอกเรื่องราวทั้งหมดกับเขา และให้ผมติดต่อกับคนที่รับจำนำพระบรมอัฐิและพระบรมโกศนี้ให้มาพบกัน ผมก็ถือว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ผมก็มีความยินดีเพราะเห็นว่าราชสกุลนี้ได้รับทราบและวาดหวังว่าเรื่องทั้งหมดจะยุติ มีการประชุมกันที่บ้านของราชนิกูลท่านหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้

และผลสรุปออกมาก็คือจะมีการไถ่ถอด ซึ่งสมาชิกท่านหนึ่งของราชสกุลที่เคยติดต่อมา ได้ขอให้ผมนัดหมายกับทางผู้รับจำนำ ในที่สุดก็มีการพบกันเพื่อทำความตกลงในการไถ่ถอด การต่อรองเรื่องนี้จึงเกิดขึ้นในห้องประชุมแห่งหนึ่ง ผมรับหน้าที่เป็นผู้ประสานงาน และคาดหวังว่าหลังจากนี้ไปผมจะได้ถอนตัวออกจากเรื่องนี้ การประชุมเป็นไปอย่างราบรื่นมีการดูพระบรมทนต์ของในหลวงรัชกาลที่ 5 และนัดหมายกันว่าจะมีการไถ่ถอดออกไป

ต่อมาประมาณต้นเดือนธันวาคม ทางฝ่ายตัวแทนราชสกุลได้ไปพบกับผู้รับจำนำและนำกำลังตำรวจพร้อมหมายศาลเข้าไปค้นในที่ทำงานของผู้รับจำนำ มีการแจ้งความว่าพระบรมอัฐิและพระบรมโกศได้หายไปจากวังเมื่อเดือนกันยายน 2554 นี้ ผมตกใจเมื่อทราบข่าวเช่นนี้และคิดว่าเรื่องนี้คงไม่จบลงง่ายๆ ฝ่ายผู้รับจำนำก็มีหลักฐานใบรับจำนำจากลูกสะใภ้ของราชสกุลนี้ และไม่ได้เป็นการขโมยออกมาจากวังแต่อย่างใด

ผมทราบว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่และมันไม่เป็นการยุติธรรมหลายประการ เรื่องราวเป็นอย่างไรโปรดติดตามต่อไปนะครับ"


หลังจากวิวาทะระหว่างนายเทพมนตรี และบุคคลต่างๆมากมาย หนึ่งในบุคคลที่มีการพูดคุยคือ "คุณชายปืน" นายทหารทายาทราชสกุลยุคล ในเฟรซบุ๊ค มากมาย เมื่อเหตุการณ์เริ่มลุกลามล่าสุด นายเทพมนตรีได้เขียนจดหมายผ่านเฟรซบุ๊คถึง "คุณชายปืน" ตามรายละเอียดดังต่อไปนี้



"กราบเรียน หม่อมราชวงศ์ทักขิณ ยุคล

ตามที่คุณชายได้กรุณาไปเขียนข้อความในเพจตี๋นรกนั้น ผมขอกราบเรียนตามความเป็นจริงดังนี้

1.เรื่องการแจ้งความเท็จนั้น ผมไม่เคยทราบว่าคุณชายไปแจ้งความอย่างไร แต่เพื่อนผมในเพจนี้มีคนเป็นญาติกับตำรวจเยอะเขาอาจจะทราบจากบทความของผมและเรื่องที่ผมโพส์ตจึงไปค้นหาบันทึกประจำวัน เรื่องนี้ผมไม่ทราบจริงๆ

2.เมื่อคุณชายให้เกียรติตี๋นรกนั้น ทำให้พลพรรคในเพจนรกนั้นมากล่าวร้ายผมต่างๆนานาเรื่องล้มเจ้าบ้างเรื่องการทำงานของผมบ้าง ซึ่งไม่เป็นความจริวเลย

3.คุณชายไปโพส์ตแบบนั้นยิ่งทำให้คนอื่นมองว่าการเจรจากันทั้งสองฝ่ายที่เกิดขึ้นในที่ประชุม คุณชายเป็นคนเล่นเกมส์ แล้วท่านอื่นๆที่อยู่ในห้องประชุมเล่นเกมส์ด้วยหรือเปล่า

4.คุณชายบอกให้ผมไปแจ้งความ ผมคงไม่ใช้วิธีนี้เพราะมันจะไปกันใหญ่และผมจะไปแจ้งได้อย่างไรในเมื่อผมไม่ทราบเนื้อหาและไม่ได้เป็นคู่กรณี

5. ผมเป็นแค่ประชาชนธรรมดา มีความจงรักภักดีต่อสถาบันไม่เคยคิดล้มเจ้า ประวัติที่ผ่านมาของตัวผมก็เป็นเครื่องแสดงให้เห็นชัดเจน ข้อหานี้ผมจึงคิดว่ามันไร้สาระสิ้นดี

6.เรื่องท่านกบที่ผมอธิบายเพราะไอ้ตี๋นรกนั้นมันมาตั้งคำถามหมายจะล่อให้ผมเข้าไปสู่กับดักของมัน แต่เปล่าเลยมันล่อใครต่อใครเข้าไปหมายจะทำลายเสียมากกว่าและตอนนี้มันก็ทำให้คุณชายติดกับดักมัน แม้ว่าคุณชายจะยื่นขอไปเข้ากลุ่มมันเองก็ตาม

7.ถ้ารายงานการประชุมก็ดีข้อความการโต้ตอบของเราในfacebookเป็นเรื่องที่คุณชายโกหกผมก็ไม่เป็นไรหรือเป็นเรื่องที่คุณชายมาเล่นเกมส์ ผมรู้สึกเสียใจ คุณชายจะมาตบหัวผมเรื่องอื่นๆก็ได้แต่มาทำแบบนี้กับเรื่องนี้ผมคิดว่ามันไม่เหมาะสม

8. ด้วยความปรารถนาดีคุณชายน่าจะกลับไปเตรียมสู้คดีพระบรมอัฐิและพระบรมโกศดีกว่า อย่ามาเกลือกกลั้วกับตี๋นรกนั้นอีกเลย ถ้าคุณชายจะตอยโต้ผมก็รับแอดผมเป็นเพื่อนจะได้ไม่มาบ่นว่าผมบล๊อกอะไรมันไร้สาระ ผมไม่เคยบล๊อกใคร คนอื่นที่ไม่ได้เป็นเพื่อนเขาก็เข้ามาอ่านได้แต่โพส์ตไม่ได้เท่านั้น ตอนแรกผมคิดว่าคุณชายจะไปยืมมือตี๋นรกนั้นมาด่าผม แต่เปล่าเลยตอนนี้ข้อความทั้งหมดของคุณชายถูกพวกสาระเลวนั่นไปปู้ยี่ปู้ยำ ตัดแปะและมาโพส์ตด่าผม คุณชายไปเป็นเครื่องมือของมันจงได้ คนพวกนี้ใช้วาจาหยาบคาย ไปอ่านดูก็รู้ ด่ากราดชาวบ้านโดยไม่มีเหตุผล คุณชายเป็นตัวแทนของราชสกุลยุคลมาเจรจาโดยให้ผมเป็นผู้ประสานหลักฐานนี้ก็มี

จงตัดสินใจและพิจารณาเอาเองนะครับ

ขอแสดงความนับถือ

เทพมนตรี ลิมปพยอม
Thepmontri Limpaphayom"

ดังนั้น เหตุการณ์ล่าสุด ณ ขณะนี้ ที่ขอสรุปไว้เบื้องต้นก่อนคือ ทางราชสกุลได้ฟ้องตำรวจบุคคลสองคนข้อหา "รับของโจร-ลักทรัพย์" พระบรมโกศจากวังอัศวิน และมีหมายค้นจากศาลไปค้น ขณะที่ฝ่ายหลังก็มีหลักฐานว่าไม่ได้ขโมย แต่อดีตสะไภ้ "หม่อมอุ่นเรือน ธรรมเสน" นำมาจำนำไว้แล้วไม่มีเงินมาไถ่ถอน ซึ่งคงกลายเป็นมหากาพย์ต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น: