วันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2554

"ดร.สุนัย" เอาจริง ยื่นเอกสาร "ศาลอาญาระหว่างประเทศ"


วันที่ 9 ธันวาคม 2554 ส.ส.สุนัย จุลพงศธร พร้อมด้วย ฯพณฯ ดร.วีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์และคณะได้เดินทางไปศาลอาญาระหว่าประเทศ ซึ่งมีบัลลังก์ตั้งอยู่ ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในการณ์นี้ ส.ส.สุนัย ในฐานะประธานกรรมาธิการการต่างประเทศได้นำคณะเข้าเยี่ยมศาลอาญาระหว่างประเทศ International Criminal Court (ICC.) เพื่อคารวะ นายฮันส์-พีเทอร์ โคล (Hans-Peter Kaul) รองประธานคนที่2 รักษาการในตำแหน่งประธานศาลอาญาระหว่าประเทศ ไดมีการสนทนาถึงความเป็นมาของ ICC. และบทบาทในการปกป้องสิทธิมนุษยชนในประเทศที่เป็นชาติสมาชิก มร.ฮันส์ ได้กว่าได้กล่าวว่าขณะนี้ได้มีหลายประเทศได้มีความตื่นตัวที่จะเข้ามาร่วมเป็นสมาชิก ICC. แล้วกล่าวต่ออีกว่าท่านเคยเดินทางมาเยือนประเทศไทยเมื่อเดือน มกราคม 2554 ที่ผ่านมา ก่อนหน้าที่ท่านจะเดินทางมายังไทยนั้น ICC. มีสมาชิก 114 ประเทศ แต่เนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นของโลกปัจจุบันเพียง 10 เดือนจนถึงวันนี้ได้มีสมาชกเพิ่มขึ้นเป็น 120 ประเทศ และประเทศที่อยู่ใกล้ๆประเทศไทยที่อยู่ในกลุ่มชาติอาเซียนที่เป็นสมาชิก ICC. แล้วอย่างสมบูรณ์ คือ ประเทศฟิลิปปินส์ กับ กัมพูชา และขณะนี้ ประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย และ สิงคโปร์ กำลังดำเนินการที่จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกและลงนามในสัตยาบันเข้าร่วมเป็นสมาชิกโดยสมบูรณ์ต่อไป ท่านยังกล่าวต่ออีกว่าเป็นความเข้าใจผิดในเรื่องของการที่ประเทศที่เป็นสมาชิก ICC. แล้วจะเป็นการลิดรอนอำนาจอธิปไตยทางศาลของแต่ละประเทศเพราะว่า ICC. นั้นจะต้องเคารพอธิปไตยของศาลในประเทศนั้นๆด้วย แล้วเรื่องทั้งหมดนั้นจะต้องเริ่มที่ศาลของประเทศนั้นๆก่อน เว้นเสียแต่ว่าประเทศนั้นๆมีภาวะสงครามหรือเหตุความจำเป็นต่างๆที่ทำให้ไม่สามารถจะดำเนินการให้ความเป็นธรรมได้ เรื่องต่างๆเหล่านั้นจึงจะเข้าระบบงานของ ICC. และหากเข้ามาอยู่ในระบบของ ICC. แล้วก็จะให้ความช่วยเหลือทางด้านข้อมูลข่าวสารต่างๆที่เกี่ยวกับระบบความยุติธรรมของนานาชาติที่เป็นสมาชิกร่วมกัน

สำหลับประเทศไทยได้เข้าร่วมลงนามเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2543 ในสมัยรัฐบาลของ นายชวน หลีกภัย แต่ยังมิได้ลงนามในสัจยาบันจนถึงขณะนี้ เนื่องจากต้องพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมายในประเทศที่กำหนดไว้ก่อน โดยก่อนหน้าการลงนามคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2542 แต่งตั้ง คณะกรรมการพิจารณาธรรมนูญศาลอาญาระหว่างประเทศทั้งหมด 16 ท่าน โดยมีตัวแทนจากฝ่ายต่างๆ อาทิ อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ, รองอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ,กระทรวงกลาโหม, กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงยุติธรรม, สำนักงานอัยการสูงสุด, ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา, สภาความมั่นคงแห่งชาติ, กองทัพบก, กองทัพเรือ, กองทัพอากาศ, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, องค์การระหว่าประเทศ, เจ้าหน้าที่กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศอีก 3 คน เป็นเลขานุการ ผู้ช่วยเลขาฯ นอกนั้นทั้งหมดเป็นคณะกรรมการโดยมี อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมายฯ เป็นประธานฯ เมื่อพิจารณาแล้วเห็นควรเหมาะสมถูกต้องจึงมีมติเห็นชอบในสมัยรัฐบาล นายชวน หลีกภัยจึงเข้าร่วมลงนามเข้าเป็นสมาชิกของ ICC. แต่ในทางปฏิบัติจำเป็นจะต้องดำเนินการปรับกระบวนการทางกฎหมายให้สอดคล้องกับกฎหมายระหว่าประเทศและจะต้องลงนามในสัตยาบันเข้าเป็นภาคีแต่เหตุการณ์ก็ปล่อยทิ้งมากว่า 10 ปีแล้วไม่ได้ดำเนินการให้เป็นสมาชิกโดยสมบูรณ์จนถึงปัจจุบัน

สำหรับประธานศาลอาญาระหว่าประเทศคนปัจจุบันท่านนี้น่าสนใจมากเพราะเป็นชาวเอเชีย ชื่อ นาย ซอง ซาง-ฮยุน (Song Sang-Hyun) ซึ่งเป็นชาวเกาหลีใต้ ในการสนทนาในครั้งนี้ท่านประธานฯ ได้สื่อผ่านทาง มร.ฮันส์ รองประธานคนที่2 ซึ่งเป็นรักษาการประธานฯ ขอให้ ส.ส.สุนัย ในฐานะประธานกรรมาธิการการต่างประเทศได้นำความเข้าใจอันดีและถูต้องนี้ไปเผยแพร่ต่อหน่วยงานต่างๆ ทั้งรัฐบาล, สภา, หน่วยงานทหาร, ศาล และประชาชน เพื่อเชิญชวนให้ประเทศไทยได้ลงนามในสัตยาบันเข้าเป็นภาคีโดยสมบูรณ์

ขอขอบคุณภาพและเนื้อความจาก SunaiFanclub DemocratsFreedom Thailand


ไม่มีความคิดเห็น: