เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาพวกเราได้รับแจ้งข่าวจากในเฟซบุ๊ค เกี่ยวกับประเด็นการก่อสร้างต่อเติมฐานตึกภายในคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเดิมทีเคยเป็นโพรงยกพื้นขนาดใหญ่อยู่ใต้ฐานตึกด้านล่าง และมีสุนัขจรจัดเข้าไปอยู่อาศัยข้างในเป็นจำนวนมาก แต่กลับมีคำสั่งให้โบกปูนปิดช่องทางเข้าออกโพรงใต้ถุนตึกนั้นเป็นแนวยาวรอบตัวตึกทุกๆด้าน โดยที่ยังมีสุนัขและลูกสุนัขจำนวนมายังอาศัยอยู่ภายใน โดยเหลือรูเล็กๆที่สุนัขไม่สามารถเข้าออกได้ไว้ที่ปีกตึกด้านที่ติดกับประตูด้านสยามฯ
หลังจากที่พวกเราได้ทราบข่าวจึงติดต่อประสานงานกับพี่ๆที่แจ้งเบาะแสมาจากในพื้นที่ และรุดไปตรวจสอบกันที่คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ โดยทันที
เบื้องต้นได้รับแจ้งว่าได้มีความพยายามไปคุยกับทางคณะเอาไว้แล้วว่ามีสุนัขติดอยู่ภายในเป็นจำนวนมากและต้องการจะช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน และทำการรื้อแผ่นเหล็กที่ถูกทางคณะเอามาวางปิดรูทางออกของโพรงนี้(มีก้อนปูนหนักๆทับอยู่อีกหลายก้อน)ซึ่งเสมือนเป็นโพรงปิดตาย และเปิดช่องเอาไว้ให้สุนัขเข้าออกได้ 1 ช่อง จากโพรงฐานตึกทั้งหมด 4 ปีก
...ซึ่งแน่นอนปีกตึกอีก3ด้านย่อมยังมีสุนัขติดอยู่ แต่ด้วยความกว้างของโพรง สุนัขจากปีกตึกด้านอื่นที่ถูกโบกปูนปิดทางเข้าออกโพรง ย่อมเดินมาไม่ถึงช่องทางนี้ได้ในความมืดสนิท ...และหลังจากการโบกปูนผ่านไป 4-5 วัน เสียงสุนัขที่เห่าหอนโหยหวนอยู่ใต้ปีกตึกด้านอื่นๆ ...เริ่มเงียบหายไปแล้ว
หลังจากที่พวกเราเข้าไปถึงพื้นที่ ได้ลองเดินสำรวจไปรอบๆตัวตึก พบว่าเป็นตึกที่สร้างยกพื้นใต้ถุน ประมาณ 60เซนติเมตร ทำให้พื้นที่ใต้ฐานตึกทั้งตึกเป็นโพรงขนาดใหญ่ สุนัขจรจัดจำนวนมากจึงเข้ามาอาศัย อยู่ภายในเป็นจำนวนมากและเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว แต่ในวันแรกที่เข้าไปเห็น ขอบฐานตึกเหล่านั้นถูกโบกปูนปิดตายไปเรียบร้อยแล้ว โดยฐานด้านอื่นๆปูนแห้งสนิทแล้ว แต่ฐานตึกด้านฝั่งสยามสแควร์ รปภ.แจ้งว่าเพิ่งทราบว่ามีช่างมาโบกปูนวันนี้เอง และปูนก็ยังไม่ทันแห้งสนิท
ภาพที่เห็นช่างเป็นภาพที่น่าเศร้าสลดใจ ...พวกเราได้ยินเสียงสุนัขน้อยใหญ่จำนวนมาก ส่งเสียงเห่าหอน เล็ดลอดพื้นดินออกมาจากใต้พื้นปูนที่กำลังจะแห้งสนิทนั้น
ใครจะไปเชื่อ ...พวกเขาโบกปูนขังสุนัขเอาไว้ข้างในนั้น
สำหรับคนรักสุนัข ถ้าได้เป็นเห็นสภาพนั้น คงยากที่จะกลั้นน้ำตา
พวกเราเข้าไปเดินวนดูโดยรอบ เพื่อหาทางเปิดทางออกให้สุนัขจำนวนมากเหล่านั้นที่ติดอยู่ภายใน เดินไปทางด้านข้างสักเล็กน้อย พบว่ามี”ช่องทางออก”ซึ่งคาดว่ามี”คนใจดี”มาทุบโพรงนี้เอาไว้ให้เป็นทางออกของพวกมัน แต่ก็ยังมี”คนใจร้าย” เอาแผ่นเหล็กมาขนาดใหญ่มาปิดและเอาก้อนปูนขนาดใหญ่มาปิดทับอีก 3-4ก้อน เพื่อปิดช่องทางออกนี้
พวกเราไม่รอช้า ช่วยกันเอาก้อนปูนเหล่านั้นออก แล้วเปิดแผ่นเหล็กนั้นออก ทันทีที่เปิดเข้าไปเราพบสุนัขจำนวนมากที่อยู่ในอาการหวาดกลัว เห่าหอนอยู่ด้านในนั้น มีทั้งสุนัขใหญ่และลูกสุนัขที่ติดอยู่ภายในโพรงเป็นจำนวนมากจึงได้ถ่ายรูป ถ่ายคลิปสภาพภายในโพรงและสภาพด้านนอกแนวปูนที่ถูกโบกปิดเอาไว้รอบตึก เพื่อนำมาเผยแพร่ ตั้งคำถามกับสังคมว่า ณ ที่นี้ ถูกเรียกว่าแหล่งศึกษา”ปัญญาชน” ถูกคาดหวังในเรื่อง”คุณธรรม จริยธรรม” แต่สิ่งที่เห็นในวันนี้“คือการทารุณกรรมสัตว์อย่างไร้มนุษยธรรม”หรือไม่?
จากการสอบถามบุคลากรของคณะ(ขอสงวนชื่อ)เขาเล่าให้พวกเราฟังว่า
"หมามันมาอยู่เยอะ เวลาที่คนเอาอาหารมาให้ข้างใน มันก็กินกันสกปรก ขี้กันเลอะเทอะ ต้องคอยทำความสะอาดตลอด อาจารย์ในคณะเขาไม่ชอบ ก็เลยสั่งให้ปิดรั้ว ไม่ให้ป้าคนที่เขาคอยเอาอาหารมาให้เข้ามาในคณะ ปกติเขาจะเข้ามาให้ตอนดึกๆ ทีนี้พอปิดไม่ให้เข้า เขาก็เอาเป็นอาหารใส่ถุงโยนเข้ามาให้พวกมัน ก็ยิ่งสกปรกเลอะเทอะกันไปใหญ่ ผมน่ะไม่อะไรหรอก เข้าใจ แต่ว่าถ้าคณะดูสกปรกเลอะเทอะ มันก็ดูไม่ดี พวกผมก็โดนสั่งมาอีกที"
"แล้วก็เคยมีกรณีที่หมาพวกนี้มันไปกัดเด็ก กัดคนที่สัญจรผ่านไปผ่านมาในคณะ พอเกิดเรื่องคณะเขาก็ต้องไปเสียค่ารักษา ค่าฉีดยา ค่าทำขวัญอะไรพวกนี้อีก มันก็เลยกลายเป็นปัญหาของทางคณะไป ในคณะเขาจัดพื้นที่จัดบรรยากาศไว้สวยๆ ถ้ามีหมามาเดินเพ่นพ่านแบบนี้มันก็ดูไม่สวยงามใช่มั๊ยล่ะ"
ผมยอมรับว่าจากที่ฟังเหตุผลด้านนี้ “เรื่องสุนัขจรจัดในจุฬา” มันเป็นปัญหาจริง ที่เกิดขึ้นมานานแล้ว แต่ทว่า
“เราไม่ยอมรับวิธีการกำจัดสุนัขจรจัดด้วยการฝังทั้งเป็น”ด้วยการโบกปูนปิดทับทางเข้าออกโพรงของพวกมัน ฝังพวกมันทั้งเป็นแบบนี้
“เราไม่ยอมรับวิธีการกำจัดสุนัขจรจัดด้วยการฝังทั้งเป็น”ด้วยการโบกปูนปิดทับทางเข้าออกโพรงของพวกมัน ฝังพวกมันทั้งเป็นแบบนี้
ถึงจะเป็นสุนัขจรจัด แต่มันก็มีหนึ่งชีวิต เท่าๆกับเรา หากคุณเห็นว่าหนึ่งชีวิตที่น่าสงสารเหล่านั้นไม่มีคุณค่าพอจะได้มีชีวิตอยู่บนโลกนี้ คุณทำวิธีการอื่นกันไม่ได้หรือ จับส่งหน่วยงานรัฐไม่ได้หรือ..?? จับทำหมันไม่ได้หรือ? ส่งให้หน่วยงานเอกชนดูแลพวกมันไม่ได้หรือ? งบประมาณของคณะก็ไม่ใช่น้อย เจียดมาบ้างไม่ได้หรือ?
เมื่อตอนเด็กๆผมอยู่ในจุฬาฯขนาดแค่เคยเห็นการวางยาเบื่อสุนัขเป็นสิบๆตัวหน้าโรงเรียนสาธิตฯก็เป็นเรื่องน่าอนาถใจต่อผู้ที่ได้พบเห็น เป็นที่สาปแช่งของชาวบ้านและบรรดาคนรักสุนัขแล้ว มาเจอการฝังทั้งเป็น นี่ยิ่งทรมานกว่าโดนยาเบื่อเสียอีก
อีกประเด็นหนึ่งคือ เมื่อมีผู้มาร้องเรียนกับทางคณะแล้ว ทำไมจึงไม่หาทางชลอคำสั่งโบกปูนปิดฐานตึกนี้ ก่อนหน้านี้ผู้ที่แจ้งข่าวกับพวกเราก็บอกว่าเขาพยายามเปิดช่องให้สุนัขข้างในได้หายใจได้ ได้พอเข้าออกได้ ไว้แล้ว พอเราเข้ามาดูอีกที กลับมีคนเอาแผ่นเหล็กกับปูนก้อนใหญ่มาปิดทับไว้เหมือนเดิม และทีมงานเราเข้าไปดูไม่ต่ำกว่าสองครั้ง ก็ยังมีคนคอยมา”ปิดโพรง” อยู่เรื่อยไป เจตนาแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?
บุคลากรท่านนั้นยังเล่าให้เราฟังอีกว่า จริงๆพวกผมก็สงสารมันนะ ไม่มีใครอยากให้พวกมันตายหรือจะยอมให้มันต้องถูกฝังตายแบบนี้หรอก เขาก็แอบเอาอาหารมาให้พวกมัน แต่กล้องวงจรปิดเห็น อาจารย์ในคณะก็สั่งห้ามเด็ดขาด
ปัญหามันเยอะพวกอาจารย์ผู้ใหญ่ในคณะเขาเลยไม่อยากให้มีหมาเยอะมั๊ง เลยห้ามให้อาหาร สั่งก่อปูนปิดฐานตึกทั้งหมด ไม่ให้มันเข้าไปออกลูกแพร่พันธุ์ในนั้น แต่รู้สึกว่าเขาจะทำตะแกรงให้มันออกอยู่นะ แบบที่ออกได้ แล้วกลับเข้าไปไม่ได้ จำนวนมันจะได้ลดลง (พวกเราได้แต่ตั้งคำถามในใจ วิธีอื่นมีเยอะแยะ ทำไมมักง่ายขนาดนี้ แล้วทำตะแหรงแบบออกได้ เข้าไม่ได้ นั่นแปลว่าหมาแม่ลูกอ่อนตัวนึง หากออกมากินอาหารจะกลับเข้าไปในโพรงไม่ได้ ก็จะต้องทิ้งลูกทั้งหมดให้ตายอยู่ในโพรงอย่างงั้นหรือ)
เขาเล่าต่ออีกว่า เรื่องนึงที่สำคัญเลย หมาพวกนี้มันเยอะมาก เวลาเจ้าฟ้าหญิงฯท่านเสด็จแต่ละครั้ง หน่วยงานก็ต้องไปไล่วางยานอนหลับตามเส้นทางที่พระองค์เสด็จผ่าน แล้วท่านมาบ่อย เวลาขบวนมาหมามันจะได้ไม่ออกมาเดินเพ่นพ่านเกะกะให้ทัศนียภาพเสียไป หรือไปตัดหน้าขบวนรถได้ ตอนมีขบวนฯมา กับคนน่ะเราควบคุมได้ แต่กับหมามันมีเยอะมาก เราคุมมันไม่อยู่ ก่อนมีงานเสด็จแต่ละทีก็ต้องเอายานอนหลับไปวางพวกมัน ออกฤทธิ์ 3-4 ชั่วโมง เดี๋ยวมันก็ฟื้นนั่นแหล่ะ
...จากเรื่องนี้ ผมไม่กล้าตั้งคำถามใดๆต่อ...ในประเด็นจุฬาฯวางยานอนหลับสุนัขตอนเวลามีขบวนเสด็จ รู้แต่เพียงว่าหากสุนัขถูกวางยานอนหลับบ่อยๆเข้า ไม่นานก็คงป่วยตาย
และรู้แต่เพียงว่าการกระทำของคณะเภสัชจุฬาฯ ในการ”ฝังทั้งเป็นสุนัขใต้ฐานตึก”สมควรถูกตั้งคำถามจากสังคมและเหล่าคนรักสัตว์
7 ธันวาคม 2554
"พ่อหนูจี๊ด"
1.ช่องเปิดของโพรงใต้ถุนคณะเภสัชฯจุฬา ที่มีคนเอาอิฐมาถมปิดทางไว้เตรียมโบกปูนทับต่อ เพื่อกันไม่ให้สุนัขเข้าออก
2.เดินมาทางด้านข้างบริเวณคอมเพรสเซอร์แอร์ ซึ่งด้านล่างขอบโพรงตึกเพิ่งถูกโบกปูนเป็นแนวยาวขนานตัวตึก
3.ปูนเพิ่งถูกก่อแล้วฉาบทับเมื่อช่วงกลางวันก่อนที่ทีมงานจะไปถึง สังเกตสีปูนยังแห้งไม่สนิท
4.โพรงที่เป็นทางเข้าออกของสุนัขถูกเอาแผ่นเหล็กมาปิดแล้วเอาอิฐก้อนใหญ่หลายก้อนทับไว้ ไม่ให้สุนัขเข้าออกได้ เราจึงรื้อเปิดแผ่นเหล็กออก
5.สุนัขที่ติดค้างอยู่ข้างในโพรงไม่สามารถออกมาได้
6.สภาพภายในโพรงลึกเข้าไปไกลสุดลูกหูลูกตา ยังคงมีแววตาสุนัขที่ติดอยู่ข้างในนั้น และอีกหลายชีวิตยังคงติดอยู่ในความมืด หลังจากโพรงทางออกทางเดียวที่เหลือถูกเอาแผ่นเหล็กมาปิดทับลง
ขอขอบคุณ ประชาไท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น