
“โอ วรุฒ” แถลงไม่เคยคิดตรวจดีเอ็นเอ มั่นใจ “แอร์บัส” เป็นลูกตน ยันไม่ได้เป็นหมัน แต่แยกกันอยู่กับภรรยานานแล้ว เริ่มจากการแยกห้องนอน จนตอนนี้เมียพาลูกไปอยู่ที่อื่นแล้ว ปัดไม่เกี่ยวเรื่องตนมีสาวคนใหม่ บอกแค่ติดเที่ยวเท่านั้น พร้อมรับจากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ตนกลับมาดื่มอีกครั้งจนทำให้ถูกสั่งพัก งาน แต่ตอนนี้ปรับตัวใหม่แล้ว มั่นใจเตรียมกลับมาได้โอกาสอีกครั้ง
หลังจากที่เกิดกระแสข่าวลือออกมามากมายว่าตอนนี้นักแสดงรุ่นใหญ่ “โอ วรุฒ วรธรรม” กำลังประสบปัญหาครอบครัวอย่างหนัก ทั้งเรื่องที่ว่าภรรยาสาว “เก๋ เจษฎาวรรลย์ จันทร์แตง” มาเป็นชาวเกาะซะจนนักแสดงรุ่นใหญ่เกิดความไม่พอใจ รวมไปถึงเตรียมตรวจดีเอ็นเอว่า “น้องแอร์บัส” หรือ “ด.ช.อาณาจักร วรธรรม” เป็นลูกของตนจริงหรือไม่ เพราะมีข่าวว่าผลจากการตรวจร่างกายของ “โอ” นั้นออกมาว่าเป็นหมัน
ซึ่งวันนี้เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา “โอ วรุฒ” ได้ทำการแถลงข่าวเรื่องนี้ที่กองถ่ายละคร “พ่อปลาไหลป้ายแดง” ที่โรงแรมเรดิสัน พระราม 9 โดยยืนยันว่าเป็นการสื่อสารที่เข้าใจผิดกันเท่านั้น เพราะตนไม่มีความตั้งใจที่จะตรวจดีเอ็นเอเลยแม้แต่น้อย เพราะมั่นใจว่า “น้องแอร์บัส” เป็นลูกของตนแน่นอน
“ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะครับว่าเป็นการสื่อสารที่ผิด จากในทวิตเตอร์ที่เขามีข่าวลือว่าลูกไม่ใช่ลูกของวรุฒ วรธรรม ก็มีทางสื่อมวลชนจากโมเดิร์นไนน์โทรมาสัมภาษณ์เมื่อวานตอนเย็นว่าพี่โอได้ไป ตรวจดีเอ็นเอหรือไม่ ซึ่งผมก็บอกว่าไม่ได้ไปตรวจดีเอ็นเอ ซึ่งตอนที่สื่อสารตอนนั้นคลื่นโทรศัพท์ของทางโมเดิร์นไนน์มันไม่ชัด เขาฟังว่าโอ วรุฒได้ไปตรวจดีเอ็นเอ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่มีการตรวจดีเอ็นเอใดๆ ทั้งสิ้น แล้วก็ไม่มีการบอกว่าไปตรวจดีเอ็นเอด้วยซ้ำไป ซึ่งถ้าไปตรวจดีเอ็นเอจริงๆ น่าจะเป็นข่าวไปตั้งแต่วันที่ไปตรวจแล้วนะครับ เพราะการตรวจดีเอ็นเอมันไม่ใช่ว่าง่ายเหมือนการตรวจปัสสาวะ ต้องทำเรื่องกับกรมตำรวจแล้วก็ไปตรวจที่โรงพยาบาลตำรวจ ก็น่าจะเป็นข่าวไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว”
“ซึ่งเราก็ไม่ได้ไปตรวจ ไม่ได้มีการตรวจดีเอ็นเอใดๆ ทั้งสิ้น เป็นการสื่อสารที่ผิดครับ เพราะเมื่อวานนี้ทางโมเดิร์นไนน์ก็มาสัมภาษณ์ผมที่กองถ่าย แล้วเขาก็บอกเองว่าเขาสัมภาษณ์ตรงบันไดหนีไฟ แล้วสัญญาณมันก็ไม่ชัด พอฟังเสร็จเขาก็ได้ยินเป็นว่ามีการไปตรวจดีเอ็นเอ เขาก็เลยเข้าไปในทวิตเตอร์ไปซ้ำอีกรอบนึงว่ามีการไปตรวจดีเอ็นเอ ก็ยืนยันครับว่าน้องแอร์บัสเป็นลูกผม ไม่มีการตรวจดีเอ็นเอ แล้วก็ไม่มีการชวนกันไปตรวจ ไม่มีครับ”
“ซึ่งเมื่อวานนี้ทางโมเดิร์นไนน์ รายการไนน์เอนเตอร์เทนคนที่มาสัมภาษณ์เขาก็บอกว่าเขาขอโทษที่เขาได้ยินผิด เอง เขาจะเข้าไปแก้ให้ ก็ไม่รู้ว่าเขาแก้หรือยัง แต่วันนี้ก็ไม่เห็นไนน์เอนเตอร์เทนมานะ แต่เขาบอกผมแล้วล่ะว่าวันนี้ไม่กล้ามา กลัวเพื่อนๆ ด่า(หัวเราะ) เรื่องผลตรวจสุขภาพของผมว่าเป็นหมันเหรอ มีด้วยเหรอ ไม่เป็น เป็นหมันได้ไง ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันนะว่าทำไมมีข่าวแบบนี้ แล้วก็ไม่ทราบด้วยว่ามาจากแหล่งไหน ซึ่งน้องแอร์บัสก็ยังเป็นเด็กชายอาณาจักร วรธรรมนะครับ ก็ยังเป็นลูกของผมด้วย”
เผยแยกกันอยู่กับภรรยาแล้ว เหตุเพราะความสัมพันธ์ที่ขัดแย้งกัน แต่ไม่มีปัญหาเรื่องชู้สาวแน่นอน ยอมรับแม้ตนจะติดเที่ยว แต่ไม่ได้มีผู้หญิงคนใหม่เป็นตัวเป็นตนแน่ๆ
“ส่วนภรรยาตอนนี้เราแยกกันอยู่แล้วครับ เหตุผลง่ายๆ เลยก็น่าจะเป็นเพราะอยู่ด้วยกันแล้วมันไม่มีความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยามาก นัก เพราะต่างคนต่างทำงาน และงานเราเองก็ต้องตื่นเช้า แล้วกลับดึก ก็เลยแยกห้องกันอยู่ ซึ่งก็กลายเป็นว่าผมอยู่ห้องนึง แม่กับลูกเขาก็อยู่อีกห้องนึง ก็แยกกันมาตั้งแต่ลูกคลอดเลยครับ แยกกันจริงจังเลยก็ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม”
“ที่ว่าผมมีผู้หญิงคนอื่นเขาเลยต้องหอบลูกหนีเนี่ย จริงๆ แล้วมีเกือบทุกวันนะ(หัวเราะ) ไม่หรอก คือผู้หญิงคนอื่นไม่ได้หมายความว่ามีเมียอีกคนนะ ไม่มี แต่ถามว่าไปเที่ยวไหมก็ไปเที่ยว แต่ไม่ได้หมายความว่ามีภรรยาใหม่อีกคนนึงแล้วมาวีนกันทะเลาะกัน แต่ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้หรอก น่าจะเป็นเรื่องของความห่างเหินกันมากกว่า เพราะว่าเราแยกกันอยู่คนละห้อง เพราะเวลาเรากลับมาดึกๆ ก็กลัวลูกตื่น หรือบางทีเราต้องตื่นไปแต่เช้าก็กลัวลูกตื่นมากินนม ตื่นมาอึ เราก็เลยแยกห้องกันอยู่”
“ตอนนี้ผมก็ยังทำหน้าที่พ่ออยู่ แต่ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันแล้วครับ ลูกก็อยู่กับแม่ แม่เขารักลูกมาก ผมก็เลยให้อยู่กับเขาก็แล้วกัน แต่เราก็ยังคุยกันอยู่ แต่ไม่ใช่ว่าเขาหอบลูกหนีครับ ผมก็ยังส่งเสียเลี้ยงดูปกติ ก็คิดว่าน่าจะมีโอกาสได้กลับมาอยู่ด้วยกันอยู่แล้วล่ะ แต่ยังไม่มีโอกาสไปเจอลูกเลย เขามาเกาะเราเหรอ มันก็ไม่ใช่เกาะหรอก เพราะมันเป็นหน้าที่ของเราอยู่แล้วที่จะต้องเลี้ยงดูภรรยาและลูก ถามว่าเกาะมั้ยก็ไม่ใช่ เราเต็มใจที่จะให้อยู่แล้ว ไม่เรียกว่าเป็นการเกาะกัน เราก็ต้องเลี้ยงภรรยา ซึ่งเขาก็เป็นภรรยาเรา แล้วนี่ก็ลูกเราก็ต้องเลี้ยงเขา ไม่ใช่ว่าเขามาเกาะ”
ยอมรับเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เลยทำให้กลับมาดื่มอีกครั้ง แต่ไม่ถึงกับหนักมาก แต่ก็ส่งผลให้กระทบกับเรื่องงาน จนถูกทางค่ายทีวีธันเดอร์ต้องตัดสินใจลงโทษด้วยการพักงานยาวไปถึงช่วงปีใหม่
“ก็ยอมรับว่ามีเฮิร์ทนิดหน่อย ก็มีดื่มๆ บ้าง คือหลังจากขวบนึงที่เราใช้ชีวิตอยู่ในบ้านกับเขา บางทีเรากลับไปได้เห็นหรือบางทีได้กลิ่นมันก็มีบ้าง แต่ดื่มไม่หนักนะครับ ดื่มเบาๆ ดื่มทีละแก้ว ไม่ได้ดื่มทีละขวด ก็ดื่มวันเว้นวัน แต่ไม่ใช่ดื่มจนอาการทรุดหรอก แต่ดื่มแล้วคุมไม่ได้มากกว่า แต่จริงๆ แล้วต้องขอบอกว่าไม่เคยเป็นแอลกอฮอล์ลิซึ่มนะครับ แต่ว่าเป็นโรคติดบรรยากาศมากกว่า ติดบรรยากาศของเพื่อน ของโคโยตี้ คือเป็นคนใจบุญ ทุกอาทิตย์ต้องไปปล่อยโคครับ(หัวเราะ)”
“คือตั้งแต่เข้าวงการมาเพื่อนๆ ทุกคนก็จะรู้อยู่แล้วว่าถ้าเราดื่มแล้วเราสนุก เพราะฉะนั้นก็มักจะมีคนชวนไปดื่มตลอดเวลาเพราะว่าสนุก หรือถ้าเราไปแล้วเราไม่ดื่มมันก็จะกลายเป็นเรื่องแปลก เพี่อนๆ ก็จะงงๆ ว่าทำไมไม่ดื่ม ทุกวันนี้ก็ยังเที่ยวบ้างครับ แต่พักหลังๆ นี้ไม่ค่อยดื่มเยอะแล้วนะ เป็นแค่ความสนุกเฉยๆ เรื่องที่ว่าผมดื่มหนักจนถูกปลดจากละครและรายการ อันนี้ก็ถือเป็นการสั่งสอนจากทางธีวีธันเดอร์ เพราะจริงๆ ทางธันเดอร์ได้เตือนมาหลายครั้งแล้วว่าให้เพลาๆ ลงบ้าง อย่าให้เสียงาน และทำเสียงานมาหลายครั้ง ทางธันเดอร์ก็เลยพักงาน แต่เห็นทางเจ้านายบอกว่าจะพักถึงตอนปีใหม่”
“ถูกพักงานมาตั้งแต่เดือนสิงหาคมครับ แต่ที่มีเทปอัดอยู่ก็คือเทปที่อัดไปแล้ว ก็หลังจากหมดทันบนแล้วเจ้านายบอกว่าจะให้กลับไปทำต่อ ก็ต้องแล้วแต่ความกรุณาของเจ้านายด้วย ก็คือมี “โอโน่, สะบัดช่อ” แล้วก็ซิทคอม “หลวงตามหาชน” ทั้งหมดเลย ก็คงต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง ตอนนี้ก็เปลี่ยนแล้ว ถ้าให้บอกกันตรงๆ เลยก็คือเมื่อก่อนที่เลวไหลก็คือดื่ม ตื่นมาก็ดื่มเลย ล้างคอก่อน(หัวเราะ) บางทีมันมีเสลด แล้วพอดื่มมันก็มีอาการ คืออาการมันฟ้องเลย วันนั้นถ่ายๆ อยู่ก็ถูกสั่งกลางอากาศเลยพักๆ กลับบ้านไป พอวันรุ่งขึ้นก็มีโทรศัพท์มาจากห้องประชุม ห้องเย็น(หัวเราะ) ก็พักงานไป แต่ตอนนี้ก็ดื่มน้อยลงครับ อย่างวันไหนที่มีงาน อย่างเมื่อวานมีการเลี้ยงปิดกล้องเราก็ไป แล้วก็ดื่มเสร็จก็กลับ พอตื่นมาก็ทำงาน”
บอกไม่มีการจดทะเบียนกับภรรยาเพราะหวั่นมีปัญหาเรื่องทรัพย์สิน และตนไม่ได้เจอลูกมาหลายเดือนแล้ว เพราะภรรยากับลูกไม่ค่อยอยู่กับที่
“ผมกับภรรยาไม่ได้จดทะเบียนกันครับ ที่ไม่ได้จดไม่เกี่ยวกับเรื่องของไม่ใช่ไม่มั่นใจอะไร มันเกี่ยวกับทรัพย์สินและสรรพพากร มันหนักตรงนี้แหละ แต่ตอนนี้ภรรยากับลูกผมน่าจะอยู่ที่ชลบุรี ก็ไม่ได้ถึงกับไปง้อครับ แต่ว่าไปหามากกว่า ก็แล้วแต่เพราะเขาก็อยู่หลายที่ แต่ยังไม่ได้คุยกันเรื่องข่าวเลย เมื่อคืนก็กว่าจะเสร็จเที่ยงคืนกว่า วันนี้ก็เลยยังไม่ได้โทรหา ล่าสุดที่เจอลูกกับภรรยาก็เมื่อเดือนกันยายน เพราะเขาไม่เข้ามา เราก็เลยต้องไปเอง ตอนนี้ลูกขวบกับสี่เดือนครับ”
“สภาพจิตใจก็ย่ำแย่บ้างนะครับ แต่พูดถึงการเปลี่ยนแปลงมันก็ทำให้เราเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น จากที่ธันเดอร์สั่งสอนมาก็ทำให้เราปรับปรุงตัว ซึ่งมันก็เป็นผลดีกับตัวเองที่ธันเดอร์ตักเตือนเราแบบนี้ แต่จริงๆ ช่วงพักงานก็ไม่ได้ว่างนะ เพราะเผอิญมีละคร 2 เรื่อง ก็ถ่ายทั้ง 2 เรื่อง 7 วันเลย ไม่ได้หยุดเลย ก็มีเรื่อง “ปลาไหลป้ายแดง” ก็ถ่ายมา 5-6 เดือนแล้ว ก็ถ่ายมาตั้งแต่ก่อนถูกพักงาน แล้วก็อีกเรื่องนึงก็ถ่ายไปพร้อมๆ กัน ทั้งอาทิตย์ก็เลยจะไม่ว่างเลย ก็คืองานที่ถูกพักเป็นงานเฉพาะของธันเดอร์ครับ”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น