มติคณะสงฆ์ใหญ่ ฉบับที่ ๑
เรื่อง แนวทางในการรักษาธาตุขันธ์พ่อแม่ครูอาจารย์ฯ
เนื่องด้วยพ่อแม่ครูอาจารย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้อาพาธไม่สามารถลงฉันภัตตาหารที่ศาลาได้ตามปกติตั้งแต่วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน เป็นต้นมา ซึ่งคณะศิษยานุศิษย์ทั้งฝ่ายบรรพชิตและคฤหัสถ์ได้ถวายการดูแลรักษาด้วยการแพทย์แขนงต่างๆ ทั้งแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์ทางเลือกอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอดแต่การรักษายังไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร เพื่อให้การดูแลรักษาเป็นไปในแนวทางเดียวกันและมีประสิทธิภาพอันเป็นการแสดงถึงความกตัญญูกตเวที ความพร้อมเพรียงสามัคคีของคณะศิษยานุศิษย์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อให้คณะสงฆ์ศิษยานุศิษย์พ่อแม่ครูอาจารย์ฯ ได้มีส่วนร่วมทำหน้าที่ตามหลักพระธรรมวินัยในการถวายการอารักขาดูแลการอาพาธขององค์ท่านพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ พระมหาเถระผู้มีคุณูปการอย่างสูงยิ่ง ให้ธาตุขันธ์องค์ท่านยืนยาวนานเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของศิษยานุศิษย์ คณะสงฆ์ศิษยานุศิษย์พ่อแม่ครูอาจารย์จึงได้ร่วมประชุมหารือโดยพร้อมเพรียงกันในวันอุโบสถขึ้น ๑๕ เดือน ๑ เมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ ณ วัดป่าบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายดำเนินตามแนวทางต่อไปนี้
๑. คณะแพทย์แผนปัจจุบันและคณะแพทย์ทางเลือกซึ่งถวายการดูแลรักษาพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ ต้องได้รับการแต่งตั้งจากคณะสงฆ์ซึ่งคณะสงฆ์ใหญ่ได้พิจารณาคัดเลือกตามที่พ่อแม่ครูอาจารย์ฯ เห็นชอบ โดยต้องมีการประชุมหารือพิจารณาร่วมกันในการรักษาให้เป็นไปตามมาตรฐานการแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์ทางเลือก เพื่อให้ได้ข้อสรุปความเห็นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และให้การประชุมทุกครั้งมีบันทึกการดูแลรักษา วิธีการรักษา และระบุชื่อแพทย์ผู้ให้การรักษาเป็นลายลักษณ์อักษร โดยเก็บไว้ในแฟ้มประวัติการรักษา ณ กุฏิพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ เพื่อให้ความสะดวกแก่คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาในการประเมินอาการอาพาธอย่างมีประสิทธิภาพ
๒. ข้อสรุปความเห็นของคณะแพทย์แผนปัจจุบันและคณะแพทย์ทางเลือก ให้นำกราบเรียนเสนอต่อคณะสงฆ์ก่อน เพื่อให้คณะสงฆ์ได้พิจารณาถึงความเหมาะสมในการถวายการรักษาใดๆ ต่อพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ
๓. คณะสงฆ์พร้อมด้วยคณะแพทย์นำความเห็นที่ได้ประชุมหารือพร้อมเพรียงกันแล้วกราบเรียนขอความเมตตาต่อพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ เพื่อขออนุญาตถวายการรักษา เมื่อองค์ท่านพิจารณาเห็นควรอย่างไรก็ให้ปฏิบัติตามนั้น เพื่อให้เป็นไปตามอัธยาศัยขององค์ท่าน โดยคณะสงฆ์จะได้นำข้อสรุปแจ้งต่อพระผู้เป็นหัวหน้าวาระอุปัฏฐากประจำวันและแพทย์เวรให้ยึดถือและปฏิบัติตาม
๔. ในกรณีมีความจำเป็นเร่งด่วน ให้แพทย์เวรที่ถวายการรักษาพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ ติดต่อขอคำปรึกษาคณะแพทย์ในทันที เพื่อให้ได้ข้อสรุปเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และให้แพทย์เวรกราบเรียนต่อพระเถระที่ปรึกษาและพระผู้เป็นหัวหน้าวาระอุปัฏฐากประจำวันซึ่งคณะสงฆ์ได้มอบหมายให้เป็นผู้ตัดสินใจในกรณีเร่งด่วนให้ความเห็นชอบก่อน แล้วนำขึ้นกราบเรียนขอความเมตตาต่อพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ เพื่อขออนุญาตถวายการรักษา เมื่อองค์ท่านพิจารณาเห็นควรอย่างไรก็ให้ปฏิบัติตามนั้น เพื่อให้เป็นไปตามอัธยาศัยขององค์ท่าน
แพทย์เวรและพระผู้เป็นหัวหน้าวาระอุปัฏฐากประจำวันต้องคอยระวังและป้องกันมิให้บุคคลผู้มีโรคติดต่อ เช่น ไข้หวัด เข้าอุปัฏฐากดูแลใกล้ชิดองค์พ่อแม่ครูอาจารย์
๕. การประชุมปรึกษาหารือของคณะสงฆ์เพื่อรับทราบความคืบหน้าการถวายการรักษา ควรจะมีเป็นประจำทุกวันในกรณีที่อาพาธหนัก และเป็นครั้งคราวทุก ๓-๗ วันในกรณีอาพาธทั่วไป โดยมีข้อสรุปบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรเก็บรักษาไว้ในแฟ้มบันทึกการประชุมของคณะสงฆ์ โดยมอบหมายให้พระรูปใดรูปหนึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่บันทึกการประชุม เก็บรักษาไว้ ณ กุฏิพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ เพื่อสะดวกในการประเมินอาการอาพาธอย่างมีประสิทธิภาพ
๖. ในกรณีที่มีผู้เสนอแนวทางในการรักษาเพิ่มเติมใดๆ ที่นอกเหนือจากคณะแพทย์ที่ได้รับการแต่งตั้งจากคณะสงฆ์ ให้นำเรียนขออนุญาตต่อคณะสงฆ์เพื่อพิจารณาความเหมาะสมก่อน เมื่อคณะสงฆ์เห็นชอบแล้วให้เข้าร่วมปรึกษาหารือกับคณะแพทย์ชุดเดิมก่อนให้การรักษาใดๆ
๗. ภัตตาหารที่จัดถวายพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ ต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะสงฆ์ และต้องได้รับการแนะนำจากแพทย์เวรก่อนทุกครั้งที่จะถวาย เพื่อให้ได้รับคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนตามหลักมาตรฐานทางการแพทย์และไม่เป็นอันตรายต่อธาตุขันธ์พ่อแม่ครูอาจารย์ฯ
๘. บุคคลผู้ถวายการนวดเพื่อบำบัดอาการอาพาธของพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ ต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะสงฆ์ และต้องได้รับการแนะนำจากแพทย์เวรก่อนทุกครั้งที่จะถวายการนวด เพื่อให้การนวดเป็นไปอย่างถูกต้องและไม่เป็นอันตรายต่อธาตุขันธ์พ่อแม่ครูอาจารย์ฯ
๙. ให้คณะแพทย์สรุปอาการอาพาธประจำวันนำเสนอต่อคณะสงฆ์ เพื่อมอบหมายให้พระเถระรูปใดรูปหนึ่งร่วมกับตัวแทนคณะแพทย์เป็นผู้ทำหน้าที่ในการให้ข้อมูลอาการอาพาธของพ่อแม่ครูอาจารย์ฯ แก่สาธารณชนตามโอกาสอันสมควร เพื่อให้ศิษยานุศิษย์ในที่ไกลมีโอกาสได้รับทราบข้อมูลข่าวสารและมีความเข้าใจที่ถูกต้องเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ยังความพร้อมเพรียงสามัคคีให้เกิดขึ้นในหมู่ศิษยานุศิษย์
๑๐. ขอให้คณะศิษยานุศิษย์พร้อมเพรียงกันปฏิบัติตามมติคณะสงฆ์นี้โดยความเคารพ เพื่อให้การรักษาธาตุขันธ์พ่อแม่ครูอาจารย์ฯ เป็นไปตามมาตรฐานการแพทย์ และเพื่อให้สมพระเกียรติขององค์ท่านผู้เป็นพระมหาเถระผู้มีคุณูปการอย่างสูงยิ่งต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หากมีผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมติคณะสงฆ์โดยไม่มีเหตุผลอันสมควรตามธรรมแล้ว ให้คณะสงฆ์พิจารณาดำเนินการตามสมควรต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน
(พระอาจารย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น