วันอังคารที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2553

พท.ไม่กลัวคำขู่ยื่นยุบพรรครอบ 3


นายประยุทธ ศิริพานิชย์ ส.ส.มหาสารคาม ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์เตือนพรรคเพื่อไทยอย่าใช้ข้อมูลเท็จ ขยายผลคดียุบพรรคประชาธิปัตย์กรณีเงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมือง 29 ล้านบาท เพราะอาจเข้าข่ายถูกยุบพรรค รอบ 3 ว่า เป็นธรรมชาติของคนที่มีพวกเข้าข้าง ย่อมเที่ยวข่มขู่ใครต่อใครได้ หากมีหลักฐานก็ฟ้องเลย พรรคเพื่อไทยไม่กลัวทำใจได้ เพราะถูกยุบพรรคมา 2 รอบแล้ว

ส่วน กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดพร้อมคู่ความ 2 ฝ่ายในคดียุบพรรคประชาธิปัตย์กรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาทในวันที่ 9 ธ.ค.นั้น คดี 29 ล้านบาท และคดี 258 ล้านบาท มีฐานความผิดและใช้กฎหมายแตกต่างกัน คดี 29 ล้านบาท กกต.เป็นผู้ร้อง คดี 258 ล้านบาท อัยการสูงสุด เป็นผู้ฟ้อง หากหลักฐานไม่เพียงพอต่อไปจะทำให้อัยการสูงสุดไม่น่าเชื่อถือ บ้านเมืองจะเสื่อมลง หากศาลรัฐธรรมนูญ ยังยกเอาประโยชน์จากเรื่องอายุความ ทั้งที่กฎหมายกำหนด ให้เป็นเงื่อนเวลาให้ กกต.หรืออัยการสูงสุดเร่งฟ้องคดีให้เร็วขึ้นเท่านั้น ดังนั้น ขอเตือนพรรคประชาธิปัตย์อย่าย่ามใจเที่ยวข่มขู่คนอื่น สักวันหนึ่งเมื่อเจอปัญหาจนตรอก จำนนต่อหลักฐานแล้วจะรู้สึก


ตั้งป้อมวิจารณ์คำวินิจฉัยคดียุบ ปชป.

ผู้ สื่อข่าวถามว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงคดี 29 ล้านบาท ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยกฟ้อง พรรคเพื่อไทยจะชี้แจงต่อชาวบ้านที่ยัง กังขาอย่างไร นายประยุทธตอบว่า ตอนนี้เป็นหน้าที่ของ กกต.และศาลรัฐธรรมนูญที่ชี้แจงไปคนละทาง ต้องชี้แจงข้อสงสัยให้สังคมได้รับทราบ ส่วนพรรคเพื่อไทยจะรอดูรายละเอียดคำวินิจฉัยกลางและคำวินิจฉัยส่วนตัวก่อน ถึงวิพากษ์วิจารณ์ ศาลรัฐธรรมนูญอย่าใช้วิธีห้ามวิจารณ์จะละเมิดอำนาจศาล เพราะไม่ใช่ศาลยุติธรรม หากไม่อยากให้วิจารณ์ขอให้ออกกฎหมายห้าม ตราบใดไม่มีกฎหมายห้ามแล้วมีคนสงสัย เราจะต้องออกมาวิจารณ์ดังๆว่าคำ วินิจฉัยสมเหตุสมผลหรือไม่ และถ้าเป็นเรื่องซับซ้อนใน ข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง พรรคเพื่อไทยก็จำเป็นต้องทำเอกสารชี้แจงต่อสังคม


อัดกระบวนการยุติธรรมไร้มาตรฐาน

เมื่อ ถามว่ากระแสพรรคเพื่อไทยที่ภาคอีสานเป็นอย่างไร หลังพรรคประชาธิปัตย์หลุดคดียุบพรรค นายประยุทธ ตอบว่า ชาวบ้านเจ็บปวดมาก โดยเห็นตรงกันว่าประเทศไทย ไม่ใช่มี 2 มาตรฐาน ความจริงไม่มีมาตรฐาน แม้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไปแล้วมีผลผูกพันทุกองค์กร คำฟ้องและ ข้อเท็จจริงในคดียุบพรรคไม่ใช่เสียไปหลังศาลยกคำร้อง แต่ยังอยู่ในหัวใจของประชาชนที่ต้องนำเรื่องนี้มาพูดกันต่อไป

เมื่อ ถามว่า พรรคประชาธิปัตย์ชวนฝ่ายค้านยุติความขัดแย้งในเดือนมหามงคล เริ่มเข้าสู่ช่วงสร้างความสามัคคี และการเมืองเข้าสู่การแข่งขันเชิงนโยบาย นายประยุทธตอบว่า ไม่ว่าวันพ่อหรือวันไหนๆ ฝ่ายค้านพร้อมตลอดเวลา ถ้าพรรคประชาธิปัตย์จริงใจ ปากกับใจตรงกัน ไม่เป็นคนมือถือสากปากถือศีล ออกปากชวนพรรคฝ่ายค้าน แต่มือไขว้หลังถือมีดพร้อมแทงตลอดเวลา และที่ผ่านพรรคเพื่อไทยได้ต่อสู้ทางนโยบายมาโดยตลอดไม่ต้องห่วง

ไม่มีความคิดเห็น: