วันนี้ (12 ธ.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. นายเมธี อมรวุฒิกุล พยานในคดีที่อยู่ในความคุ้มครองของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ได้เดินทางไปที่ศาลหลักเมือง ท้องสนามหลวงพร้อมกับเจ้าหน้าที่ของดีเอสไอ เพื่อสักการะศาลหลักเมือง และสาบานสาปแช่งนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย และแกนนำ ปนช. ในกรณีที่พูดให้ร้ายว่าแปรพักตร์จากกลุ่มคนเสื้อแดงไปเข้าพวกกับดีไอเอสไอ โดยใช้เวลาครึ่งชั่วโมง ซึ่งขณะที่เดินทางไปทำพิธีมีคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งเดินทางมาให้กำลังใจและมอบกุหลาบแดงให้แก่นายเมธี
นายเมธีเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้นายจตุพรได้ขึ้นเวทีปราศรัยที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จ.สุรินทร์ และอีกหลายจังหวัด กล่าวหาใส่ร้ายป้ายสีตน ทำให้ประชาชนโดยเฉพาะคนเสื้อแดงเกลียดชังตนคิดว่าตนเป็นคนทรยศ โดยการเอาคดีไปแลกกับดีเอสไอเพื่อจะได้ไม่ต้องรับโทษในคดีทางอาญา ซึ่งตนขอยืนยันว่าเป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น ตนถูก ศอฉ.ส่งเจ้าหน้าที่มาล้อมจับกุมที่บ้านพักเมื่อวันที่ 22 เม.ย.53 ไม่ได้เป็นคนเดินไปหาดีเอสไอให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ดีเอสไอ จับมาเป็นลูกน้อง เพราะฉะนั้นข้อกล่าวหาที่ว่าตนทรยศคนเสื้อแดงนั้นไม่เป็นความจริง
นายเมธีกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมานายจตุพรได้ข่มขู่โดยโทรศัพท์มาหาเพื่อนสนิทของตน ซึ่งศาลได้พิจารณายกคำร้องถอนประกันไปแล้ว อย่างไรก็ตาม นายจตุพรยังมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมอื่นๆอีกมาก ทั้งกรณีเงินบริจาคจำนวน 68 ล้านบาท กรณีของ น.ส.นารีรัตน์ นันเนิ้ง ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่ามีความสัมพันธ์ในฐานะอะไรกับนายจตุพร ภรรยาและลูกของนายจตุพรอยู่ที่ไหน ในประเด็นนี้ตนอยากเรียกร้องฝ่ายพี่น้องสื่อมวลชนไปยังคณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎรให้เข้ามาตรวจสอบ
“วันนี้ผมได้มาสาบานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง และเหล่าผองเพื่อนวีรชนที่ร่วมรบกับผมที่แยกคอกวัวว่า ถ้าผมคิดคดทรยศต่อคนเสื้อแดง หรือโกหกกลั่นแกล้งนายจตุพร ขอให้ชีวิตผมและครอบครัวจงหายนะลูกที่เกิดมาก็ขอให้พิกลพิการ แต่ถ้าสิ่งที่นายจตุพรพูดเป็นการโกหกและกลั่นแกล้งผม ก็ขอให้ครอบครัวและลูกของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ติดคุกติดตะราง จงวิบัติ และลูกๆ พิกลพิการด้วยเทอญ” นายเมธีกล่าวคำสาบาน
นายเมธีกล่าวทิ้งท้ายว่า แกนนำที่อมเงินบริจาค ฟาดสาวเสื้อแดง สู้แล้วรวย รวยแล้วเลิก เป็นสนิมเนื้อในที่ยากจะทำลายได้เพราะหน้าด้าน เกาะเวทีหากินกับเงินบริจาค สร้างอำนาจต่อรองให้กับตัวเอง พวกเสื้อแดงแพ้ 3 ครั้งแล้วกับแกนนำทีมเดิม ปลายเดือน พ.ค.แกนนำบางคนหนีไปแล้วและแอบไปต่อรองกับศัตรู ก็ขอให้มันมานำพวกคุณต่อไปเถอะ ตนนายเมธ อมรวุฒิกุล ขอยุติบทบาท เพราะไม่ศรัทธาแกนนำนับเงินบริจาคบางคนและไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับ นปช.นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จะขอเป็นแค่คนเสื้อแดงเท่านั้น
นายเมธีเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้นายจตุพรได้ขึ้นเวทีปราศรัยที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จ.สุรินทร์ และอีกหลายจังหวัด กล่าวหาใส่ร้ายป้ายสีตน ทำให้ประชาชนโดยเฉพาะคนเสื้อแดงเกลียดชังตนคิดว่าตนเป็นคนทรยศ โดยการเอาคดีไปแลกกับดีเอสไอเพื่อจะได้ไม่ต้องรับโทษในคดีทางอาญา ซึ่งตนขอยืนยันว่าเป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น ตนถูก ศอฉ.ส่งเจ้าหน้าที่มาล้อมจับกุมที่บ้านพักเมื่อวันที่ 22 เม.ย.53 ไม่ได้เป็นคนเดินไปหาดีเอสไอให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ดีเอสไอ จับมาเป็นลูกน้อง เพราะฉะนั้นข้อกล่าวหาที่ว่าตนทรยศคนเสื้อแดงนั้นไม่เป็นความจริง
นายเมธีกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมานายจตุพรได้ข่มขู่โดยโทรศัพท์มาหาเพื่อนสนิทของตน ซึ่งศาลได้พิจารณายกคำร้องถอนประกันไปแล้ว อย่างไรก็ตาม นายจตุพรยังมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมอื่นๆอีกมาก ทั้งกรณีเงินบริจาคจำนวน 68 ล้านบาท กรณีของ น.ส.นารีรัตน์ นันเนิ้ง ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่ามีความสัมพันธ์ในฐานะอะไรกับนายจตุพร ภรรยาและลูกของนายจตุพรอยู่ที่ไหน ในประเด็นนี้ตนอยากเรียกร้องฝ่ายพี่น้องสื่อมวลชนไปยังคณะกรรมการจริยธรรมสภาผู้แทนราษฎรให้เข้ามาตรวจสอบ
“วันนี้ผมได้มาสาบานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง และเหล่าผองเพื่อนวีรชนที่ร่วมรบกับผมที่แยกคอกวัวว่า ถ้าผมคิดคดทรยศต่อคนเสื้อแดง หรือโกหกกลั่นแกล้งนายจตุพร ขอให้ชีวิตผมและครอบครัวจงหายนะลูกที่เกิดมาก็ขอให้พิกลพิการ แต่ถ้าสิ่งที่นายจตุพรพูดเป็นการโกหกและกลั่นแกล้งผม ก็ขอให้ครอบครัวและลูกของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ติดคุกติดตะราง จงวิบัติ และลูกๆ พิกลพิการด้วยเทอญ” นายเมธีกล่าวคำสาบาน
นายเมธีกล่าวทิ้งท้ายว่า แกนนำที่อมเงินบริจาค ฟาดสาวเสื้อแดง สู้แล้วรวย รวยแล้วเลิก เป็นสนิมเนื้อในที่ยากจะทำลายได้เพราะหน้าด้าน เกาะเวทีหากินกับเงินบริจาค สร้างอำนาจต่อรองให้กับตัวเอง พวกเสื้อแดงแพ้ 3 ครั้งแล้วกับแกนนำทีมเดิม ปลายเดือน พ.ค.แกนนำบางคนหนีไปแล้วและแอบไปต่อรองกับศัตรู ก็ขอให้มันมานำพวกคุณต่อไปเถอะ ตนนายเมธ อมรวุฒิกุล ขอยุติบทบาท เพราะไม่ศรัทธาแกนนำนับเงินบริจาคบางคนและไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับ นปช.นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จะขอเป็นแค่คนเสื้อแดงเท่านั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น