วันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2553

พิรุธ! จับแพะซื้อเสียง 600 บาท

พรรคเพื่อไทยเปิดการปราศรัยในช่วงโค้งสุดท้ายการเลือกตั้งซ่อมส.ส.นครราชสีมา เขต 6 ที่ที่วัดคีรีวัลลิ์ ต.ท่าช้าง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครราชสีมา เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 11 ธันวาคม โดยมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี และ ส.ส.พรรคเพื่อไทยในภาคอีสาน ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยนายอภิชา เลิศพชรกมล ผู้สมัครหมายเลข 2 มีประชาชนเดินทางมาฟังการปราศรัยประมาณ 1,500 คน


ร.ต.อ.เฉลิมให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา จับกุมการซื้อเสียงที่ อ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา ว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทยถูกกล่าวหาว่าซื้อเสียงแต่ข้อเท็จจริงไม่เป็นอย่างนั้น เช่นเรื่องเมื่อวันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา ที่วัดทองสุวรรณ ต.เมืองพลับพลา อ.ห้วยแถลง ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้จัดปราศรัยบริเวณลานวัดอย่างเปิดเผย ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้ามาจับกุมและนำตัวไปดำเนินคดี และวันนี้ผู้ที่ถูกจับกุมก็ได้นำตัวพยานหลายคนไปชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกกล่าวหา

" เงินจำนวน 600 บาท ที่ตำรวจยึดได้นั้น ไม่ใช่ของกลาง เพราะเงินมีไว้แล้วไม่ผิดกฎหมาย และการซื้อเสียงด้วยเงินจำนวนแค่นั้น มันจะแพ้ชนะกันเลยเหรอ ซึ่งการกล่าวหากันมันเป็นเรื่องธรรมดาและเงินของกลางที่ยึดได้มันก็ไม่ได้มีการติดบัตรหรือหมายเลขผู้สมัคร ผมยืนยันได้ว่าพรรคเพื่อไทยและผู้สมัครของพรรคทุกคนไม่มีการซื้อเสียง อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ตนและพรรคเพื่อไทยเป็นกังวลเรื่องการใช้อำนาจรัฐในการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้สมัครของพรรคอื่น ซึ่งผมก็หนักใจแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร"

ตร.โคราชจับซื้อเสียงเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 6 พร้อมเงินของกลาง 600 บาท

พล.ต.ต.ฉัตรกนก เขียวแสงส่อง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด(ผบก.ภ.จว.)นครราชสีมา เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 11.00 น. เมื่อวันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา ชุดเฉพาะกิจป้องปรามการซื้อสิทธิขายเสียง บก.ภ.จว.นครราชสีมา นำโดย พ.ต.ท.แดนไพร แก้วเวหล สารวัตรงานคดีวินัยตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา พร้อมกำลังจำนวนหนึ่งได้จับกุมนายทองฮวย บุญชู อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27 หมู่ 6 ต.หลุ่งตะเคียน อ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา พร้อมของกลางธนบัตรฉบับละ 500 บาท 1 ใบ และธนบัตรฉบับละ 100 บาท 1 ใบ รวมเป็นเงิน 600 บาท ขณะกำลังแจกเงินให้กับชาวบ้านบริเวณภายในลานวัดทองสุวรรณ อ.เมืองพลับพลา อ.ห้วยแถลง


จากการสอบสวน นายทองฮวยให้การรับสารภาพว่า ได้รับเงิน 3,000 บาท จากหัวคะแนนคนหนึ่งชื่อ นายดอน ไม่ทราบนามสกุล เพื่อนำไปแจกให้กับชาวบ้าน 30 คน ที่ไปร่วมรับฟังการปราศรัยของผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส.พรรคการเมืองหนึ่ง โดยจ่ายให้ชาวบ้านรายละ 100 บาท ซึ่งต่อมาผู้ต้องหาได้ประกันตัวออกไปสู้คดี


ขณะเดียวกันช่วงสายที่ผ่านมา นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. ได้เดินทางไปที่ สภ.ห้วยแถลง เพื่อสอบถามคดีการซื้อเสียงที่เกิดขึ้นจาก พล.อ.วีรวุธ ส่งสาย ประธาน กกต.นครราชสีมา และ พ.อ.สันธิรัตน์ มหัทธนชาติ ผอ.กต.นครราชสีมา พร้อมกับตรวจเยี่ยมการแจกจ่ายหีบบัตรลงคะแนนและอุปกรณ์การเลือกตั้งให้กับเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง ที่หอประชุมอำเภอห้วยแถลง โดย กกต.นครราชสีมามั่นใจว่า จะมีประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกมาใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 6 เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 235,753 คน ใน 5 อำเภอ รวม 554 หน่วยเลือกตั้ง และมีบัตรเสียไม่เกินร้อยละ 3


นายสุทธิพลกล่าวว่า การจับกุมผู้ซื้อสิทธิขายเสียงครั้งนี้ เป็นการประสานงานระหว่างชุดสืบสวนของ กกต. และตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา แทรกซึมเข้าไปปะปนหาข่าวกับกลุ่มชาวบ้านที่ฟังการปราศรัยของผู้สมัครพรรคการเมืองหนึ่ง ที่วัดทองสุวรรณ จนจับกุมผู้กระทำผิดได้พร้อมของกลางเงินสดที่ใช้ซื้อเสียง 600 บาท และมีการสอบสวนและส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ดำเนินคดีอาญา ส่วนทาง กกต.นครราชสีมาจะรับเรื่องต่อจากทางตำรวจเพื่อส่งเรื่องให้ กกต.กลางพิจารณาต่อไป แต่ในเบื้องต้นผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมยังเป็นเพียงผู้ต้องสงสัย เข้าข่ายการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งจนกว่าการดำเนินคดีจะถึงที่สุด ซึ่งทาง กกต.กลางก็ได้กำชับให้ชุดสืบสวนหาข่าวของ กกต.จังหวัดเพิ่มความเข้มข้นในการป้องปรามการซื้อสิทธิขายเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งครั้งนี้


เมื่อถามถึงกรณีที่พบความผิดปกติที่บ้านของผู้สมัคร ส.ส.รายหนึ่ง ที่มีการพาหัวคะแนนและชาวบ้านเข้าไปพบเป็นจำนวนมากและมีการตั้งข้อสังเกตว่า อาจมีการจ่ายเงินซื้อเสียงภายในบ้านนั้น จะเป็นการผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่ เลขาฯ กกต.กล่าวว่า การที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งเชิญประชาชนเข้าไปพบในบ้านถือเป็นสิทธิเสรีภาพที่ทำได้ แต่ต้องไม่ขัดต่อกฎหมายเลือกตั้ง ทั้งนี้ การให้เงินกับผู้อื่นเพื่อจูงใจให้ไปเลือกตนเองเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย


หมายเหตุ ข้อพิรุธที่พอสังเกตได้คือ

๑. รับเงินมาจาก นายดอน ซึ่งนายดอน เป็นใคร มาจากใหน ก็ไม่สามารถบอกได้ รู้แต่เขาอยู่ดีๆให้เงินมา ก็ส่งต่อไป

๒. "ให้มาแจกหัวละร้อย" แต่เงินที่นำมาแถลงข่าว กลายเป็นแบงค์ ห้าร้อย หนึ่งฉบับ กับแบงก์ร้อย หนึ่งฉบับ ซึ่ง หากจะนำมาแจกทีละคนจริงๆ ต้องแตกแบงค์เป็นฉบับละร้อยแล้วแจก ไม่ใช่นำแบงค์ห้าร้อยมา แล้วจะแบ่งกันได้อย่างไร

๓. แจกอย่าง "จงใจให้เห็น" คือแจกกันกลางลานวัด ซึ่งปกติ ต้องไปแจกกันเงียบๆ ตามบ้าน ตามศาลาวัด ตามจุดมุมมืด ไม่ใช่จงใจมายืนแจกกลางลานวัด ไกล้เวทีหาเสียงปกติ


เป็นความพอดีลงตัวกันว่า มีคนยืนแจกชัดๆให้เห็น แล้วตำรวจที่เตรียมไว้ก็รีบจับทันที ไม่มีภาพผู้โดนจับ แล้วก็รีบให้ประกันตัว แต่กลับพูดว่า "แค่ผู้ต้องสงสัย" หากต้องสงสัย จะจับเขาได้อย่างไร แต่กลับกัน หากเป็นผู้ต้องหาผิด พรก.เลือกตั้ง ทำไมรีบประกันตัวเร็วทันใจชนิดสื่อฯ ตามตัวไม่ทัน ข่าวทุจริตอย่างนี้ ตำรวจต้องแถลงข่าวชัดเจน ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดง เอาผลงานกับ "บุญจง" ได้ แต่นี่กลับไม่นำตัวมาแถลง แล้วรีบปล่อยให้ประกันตัวหลบไปเลย

ไม่มีความคิดเห็น: