นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า”วันนี้ผ่านมาครบ 5 วันของการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ
แต่กระแสวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการในคดีดังกล่าวกลับดังหนาหูขึ้นทุกวัน วันนี้จึงขอความเห็นใจ และเรียกร้องไปยังสถาบันการศึกษาวิชากฎหมาย นักกฎหมาย หรือ กูรู ด้านกฎหมาย ได้โปรดช่วยทำ “ผลลัพธ์”ให้ปรากฏเพื่อเป็นวิทยาทานให้กับประชาชนผู้ใฝ่รู้
เพราะวันนี้ประชาชนอยากทราบว่า 1+1 หากผลลัพธ์ไม่ได้ออกมาเป็น 2 มันควรจะออกมาเป็นอะไรและเพราะอะไร
ทั้ง นี้สถาบันกฎหมายน่าจะตั้ง ศาลจำลอง ขึ้นมาพิจารณาผลลัพธ์ของคดีนี้เพื่อลองพิจารณาคดีในเชิงกฎหมายว่าหากไม่มี การยกคำร้อง ผลของการตัดสินคดีนี้จะออกมาเป็นอย่างไร พรรคประชาธิปัตย์ได้ใช้เงินภาษีประชาชน กว่า 30 ล้านไปแบบสื่อสัตย์สุจริตหรือไม่บทลงโทษจะออกมาเป็นอย่างไร ได้หรือไม่
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยคุยว่ายึดหลักการมาโดยตลอด ก็น่าจะพิจารณาในการคืนเงินหลวงจำนวน 29 ล้านบาทในคดีนี้ให้ กกต.ไป เพราะยังมีประชาชนที่ยังเดือดร้อนอีกมากที่ต้องการใช้เงิน แม้จะเป็นเงินน้อยนิดแต่ก็เชื่อว่าสามารถบรรเทาบัญหาของพี่น้องประชาชนได้
นอกจากนี้ การสืบคดีของ กกต.และศาลรัฐธรรมนูญ ในคดีพรรคประชาธิปัตย์ที่ใช้เงิน 29 ล้านบาทนี้ ทราบมาว่ามีการใช้เงินงบประมาณในการสืบคดี ตั้งแต่กระบวนการของ กกต. กระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญเป็นเงินจำนวนหลายสิบล้านบาทจริงหรือใม่ เพราะเงินก้อนนี้ถือว่าสูญเปล่าหากปล่อยให้เงียบหายไป แต่ หากทั้งกกต.และศาลรัฐธรรมนูญนำมาเปิดเผยก็น่าจะเป็นประโยชน์ ตามพรบ.ข้อมูลข่าวสารของทางราชการ เพราะอย่างน้อยประชาชนเจ้าของเงินภาษี จะได้ทราบว่ากระบวนการดังกล่าวที่พิจารณากันมาเป็นปี ใช้เงิน ในการสืบสวน สอบสวนไปเท่าไร อย่างไรเพื่อเป็นกรณีศึกษาของการพิจารณาในคดีอื่นๆ ต่อไปในอนาคตและพรรคเพื่อไทยจะใช้ พรบ.เปิดเผยข้อมูลข่าวสารเพื่อให้ประชาชนมีโอกาศรับรู้ต่อไป
ส่วนคดี เงิน 258 ล้านนั้น แกน นำพรรคเพื่อไทยไม่รู้สึกตื่นเต้นแล้วว่าจะยุบหรือไม่ยุบ แต่ได้ตั้งวอลรูมเพื่อติดตามในคดีประวัติศาสตร์ดังกล่าวเพราะเห็นว่าคดีนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ แต่ไปเกี่ยวโยง ถึงนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธาน ทีพีไอ ที่นำเงินของ บริษัท ซึ่งเป็น บริษัทมหาชน ที่ประชาชนทั่วไปมีส่วนเสียประโยชน์จากการซื้อหุ้นบริษัทดังกล่าวด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น